จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 27
ปิดการโหวต: กันยายน 23, 2012, 00:02:13
NEVER ENDING★ASURA CITY★ Chapter 8 : นายกองเขี้ยวทมิฬกับบุคคลปริศนา [100%] “ข้าไม่แน่ใจ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้” “ถ้าอย่างงั้นก็ซุ่มดูไปก่อนก็แล้วกัน”หัวหน้าสมาคมทั้งสองจับดูการกระทำของบุคคลแปลกหน้าจากหลังต้นไม้ใหญ่ เขาสวมผ้าคลุมสีดำรูปร่างสูงใหญ่ บนใบหน้าสวมหน้ากากตัวตลกปิดบังเอาไว้ “มันทำอะไรของมันน่ะเมย่า”“แล้วข้าจะไปรู้มั๊ยเนี่ย...จะว่าไปก็ได้ยินเสียงท่องคาถาอะไรตั้งนานแล้วนะ”“คาถาสาววันสาวคืนรึเปล่าน่ะ”“คาถาแบบนั้นมันมีที่ไหนกันเล่า เจ้าบ้ารึเปล่าไซเฟอร์” “เอ๊า! ก็พูดเผื่อไว้ก่อนไง...เฮ้ๆเมย่านั่นมันนายกองเขี้ยวทมิฬนี่ รู้จักกับเจ้าหน้ากากตัวตลกด้วยงั้นหรอ”“นั่นสิ ข้าว่ามันแปลกๆแล้วนะ...ไซเฟอร์!ระวังข้างหลัง”ฟิ้ว ฉึบ! มีดสั้นปักเข้ากลางหัวของทหารแตกทัพเขี้ยวทมิฬ ส่งผลให้แขกไม่ได้รับเชิญล้มตึงไปข้างหลังอย่างแรง“ขอบคุณเมย่า” คนถูกช่วยไว้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เฉียดตายไปเมื่อครู่“ขอบคุณตอนนี้มันยังเร็วไป...ข้าว่าเจ้าคงต้องขอบคุณข้าอีกเยอะ ดูโน่น!” เจ้าของดาบเล่มใหญ่หันหน้าไปตามที่เมย่าพยักพเยิดหน้าไป“โอ้โหเฮะ! คิดจะรุมหรอพวก งั้นก็เข้าม...”“ไซเฟอร์! เจ้าคนชุดดำหายไปแล้ว” เจ้าของชื่อหันกลับไปมองที่ที่ชายชุดดำอยู่ ก็พบแต่ความว่างเปล่า'รู้ตัวแล้วหรอ ชิ พลาดจนได้' “โถ่เว๊ย!...ช่างมันก่อนเถอะมาจัดการพวกที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า”“กรร~” “เห่าอยู่นั่นแหล่ะ เข้ามา”สิ้นเสียงของไซเฟอร์ ทหารแตกทัพเขี้ยวทมิฬก็พุ่งกระโจนเข้ามาไม่ขาดสาย“ตวัดดาบทำลาย” ดาบเล่มใหญ่ถูกตวัดไปรอบทิศ พร้อมๆกับที่ศัตรูลอยกระเด็นไปรอบทิศเช่นเดียวกันและเพียงพริบตาเดียวผู้ถูกฟันก็สลายไป“พุ่งแทง” สกิลประจำตัวของนักฆ่าที่ว่ากันว่าไม่มีใครรอดไปได้ มีดสั้นที่พุ่งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วและไม่มีพลาดเป้า ฉึบ! โครม! ฉัวะ! เคร้ง!“อ๊าก กรร” แม้จำนวนจะน้อยกว่าศัตรูมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้สองหัวหน้าสมาคมเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย “ฟู่วววววว~ หมดสักที” ไซเฟอร์ถอนหายใจยาวพร้อมๆกับพี่เอาดาบเล่มใหญ่พาดไว้บนไหล่“แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าเจ้าคนชุดดำนั่นเป็นใคร...กลับกันเถอะไซเฟอร์” ไซเฟอร์พยักหน้าก่อนจะเดินนำหน้าออกไป“ว่าแต่เมย่า” คนเดินนำหน้าหันหลังกลับมาถาม“หือ?” “ไปทางไหนต่ออ่ะ! ข้าไปไม่ถูก”“แล้ว...จะเดินนำหน้าทำเพื่อ?”
NEVER ENDING★ASURA CITY★ Chapter 9 : ผู้ปกครองจำเป็น And Run Away! [100%] ในเช้าวันถัดมา “ที่เรดคลิฟสงบเรียบร้อยดีครับ.....คุณสกาเล็ตไม่ต้องห่วงครับ.....แล้วเจอกันครับ” แอสแซสซินหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากเครื่องติดต่อสื่อสารรูปร่างประหลาดหลังจากที่รายงานสกาเล็ต ‘ไอ้พวกเพื่อนบ้า มันหายหัวกันไปไหนหมด’ แอสหนุ่มบ่นในใจพร้อมๆกับสายตาที่สอดส่องหา ’รองหัวหน้ากิล’ และ ‘บรรดาขุนพล’ ที่หายหัวไปตั้งแต่เช้ามืดปล่อยให้เขาตรวจตราทั้งเมืองคนเดียวทั้งที่แบ่งหน้าที่กันไว้ซะดิบดี กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง “แอสครับ” “หือ?” คนถูกเรียกหันไปตามแรงดึงที่ชายเสื้อก็พบเด็กคนหนึ่งที่กำลังเงยหน้ามองเขา “คือว่าผม...หิวข้าว” บันทึกพิเศษ : ไชน์ (รองหัวหน้ากิล) *(ไชน์ มาจากคำว่า Shine แปลว่า แสง (*รองหัวหน้าคนหนึ่งของกิลชิวๆมีชื่อว่าแสงไม่กล้าใช่ชื่อจริงกลัวเจ้าของชื่อว่าเอา ^^ เลยดัดแปลงเอาจ้า)) ผมนั่งมองเด็กที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยตรงหน้า ‘หนีออกจากบ้าน’ คือคำที่เพื่อน (เวร) ของผมบอก เขามาอยู่กับผมได้ยังไงน่ะหรอ ก็ไอ้หัวหน้ากิลจูงมือเด็กคนหนึ่งมาแล้วบังเอิญเดินผ่านผมที่เพิ่งจะกลับมาจากเมืองหลวง (เซาท์เทิรนไชร์) พอดี ผมก็เสียวโดนมันบ่นอยู่เหมือนกันครับเพราะวันนี้ผมไม่ได้ไปช่วยมันตรวจเรดคลิฟ ‘เด็กมันหิวข้าวน่ะ พาไปหาอะไรกินด้วยนะไอ้คุณเพื่อนเวร’ มาถึงหัวหน้ากิลมันพูดแค่นี้พร้อมกับเดินจากไปทิ้งเด็กหน้าตาบ๊องแบ๊วไว้กับผม ก่อนจะหันกลับมาทิ้งท้ายผมอีกรอบพร้อมกับร้อยยิ้มเหี้ยมๆบนหน้ามัน‘อ่อแล้วก็ฝากแกเป็นพ่อให้เด็กมันหน่อยนะ เด็กหนีออกจากบ้านมาน่ะ อ่อๆแล้วก็มีอีกอย่างอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เชิญตรวจเรดคลิฟคนเดียวนะครับ คือกูงานยุ่งมากวะครับ’แล้วไอ้คุณหัวหน้ากิลก็เดินออกไปไม่หันกลับมามองผมอีกเลยไอ้เพื่อนเล๊ววววววววววววววววกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน“ถามจริงเหอะไอ้น้อง คิดยังไงหนีออกจากบ้านมาหะ?” ผมถามออกไป คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมๆกับที่ข้าวพุ่งออกมาจากปาก“ใครน้องลุง?” ตบเด็กหัวทิ่มนี่ผิดมากมั๊ย“แล้วใครลุงแกฮะ?” ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย“ก็ลุงไงถามไรโง่ๆ” “เออ! ผมผิดเองครับคุณคาเดท ผมโง่เอ๊งงงงงง” ผมกระแทกเสียงใส่แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย “ผมชื่อต้นไม้ ไม่ได้ชื่อคาเดท” เอาล่ะผมผิดเองที่ไปคุยกับมัน ไอ้เด็กไม้ยืนต้น‘หงุดหงิดจริงโว๊ย!’ ผมบ่นในใจพร้อมกับขยี้ผมจนหัวฟู “ลุง! คิดว่าหล่อรึไงทำแบบนี้อ่ะแก่แล้วนะลุง ทำแบ๊วเป็นเด็กไปได้” โถ!ไอ้เด็กปอปอ๊ากกกกกกกกกกกกกก “อย่าเข้ามานะโว๊ยยยยยยยย!” เสียงร้องดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ พร้อมกับสอดส่องหาต้นเสียง สองเท้าของผมก้าวเดินไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะจับข้อมือเล็กให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาด้วย “จะลากผมไปไหนเนี่ยลุง!” คนตัวเล็กกว่าที่ถูกลากบ่นขึ้นตลอดทาง แต่ผมสนที่ไหนล่ะให้โดนลากมั่งก็ดี หมั่นไส้ “นี่ลุงงงงงง!ผมถามว่าจะลากผมไปไหน...นิสัยไม่ดีอ่ะลุง” โทษทีคนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิดครับ “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหล่ะน่า” ต่อมาเด็กตัวเล็กข้างๆก็ไม่บ่นอะไรอีกนอกจากกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแรงลากผม เสียงร้องยังดังไม่ขาดสายทำให้ผมต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก ต้นเสียงมาจากทางเขตนอกเมือง ทั้งผมและไอ้เด็กไม้ยืนต้นเข้าวาบสีฟ้าสว่าง เพียงพริบตาก็ออกมายังเขตนอกเมือง “ลุง!ทางนั้น” ผมมองไปสุดปลายนิ้วชี้เล็กๆก็พบเบลดมาสเตอร์คนหึ่งกำลังวิ่งหนีผู้ชายอีกคน “มามะที่รักจ๋า มาให้เค้าจูจุ๊บสักที ม๊วฟๆ” ผู้ชายอีกคนวิ่งไล่ไม่ยอมหยุดพร้อมกับยื่นปากสีชมพูแปร๊ดส่งหาเบลด(ผู้โชคร้าย) “เราควรเข้าไปช่วยเค้ามั๊ยอ่ะลุง” ร่างเล็กถามขึ้นแต่สายตาไม่ได้ละไปจากภาพตรงหน้า “เอ่อ...เรื่องผัวเมียคนนอกไม่ควรยุ่ง ปล่อยเค้าไปเหอะ” ผมพูดพร้อมกับจับข้อมือเล็กหันหลังกลับเข้าเมือง แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเสียงของเบลดก็ดังขึ้นข้างหลัง “พี่ไชน์! ช่วยผมด้วยยยยยยยย!” ขาผมหยุดกึก เมิงจะมาเรียกตูทำมายยยย ผมหันกลับไปมองทางต้นเสียงที่เรียกผม ถ้าจำไม่ผิดเบลดคนนั้นขุนพลกิลผมเอง “ต๊าย! นั่นน้องไชน์สุดหล่อของพี่นี่นา มามะมาให้จุ๊บซะดีๆ” ว่าแล้วตูต้องซวย T T “พี่ไชน์ ขอให้โชคดีนะพี่ ผมไปล่ะ” ไอ้แบงค์พูดพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายผมแล้วหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งกันจังนะน้องรัก(ประชด) “นี่ลุง เขาจะมาจูจุ๊บลุงหรอ” “ไม้ยืนต้น” ผมเรียกชื่อคนข้างๆออกไป “ต้นไม้ต่างหากเล่า” เสียงเล็กตอบกลับมา “มีก๊อดขามั๊ย?” ผมถามออกไป “มี” “หนมปังไว้ยามฉุกเฉิน” “อันนี้ก็มี” “พร้อมยัง” “พร้อมไรลุง ผมไม่เข้าใจ” “วิ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”