การฟื้นคืนชีพของราชันย์แห่งความว่างเปล่า นามว่า วอยด์ ไม่ใช่หายนะทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ศาสนจักรได้วิเคราะห์ ถอดอักขระโบราณทำให้ล่วงรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อดูตามตำรา "กำเนิดโลกและเผ่าพันธุ์ ฉบับสาวกแห่งลูซิส วอยด์ในเวลานี้เปรียบเสมือนเด็กทารกที่เพิ่งแรกเกิดอีกครั้งเท่านั้น ยังมีโอกาสเพื่อไม่ให้บริวารทั้ง 7 ฟื้นคืนตามวอยด์ผู้เป็นนาย และเมื่อเวลาใดที่ ทั้ง 7 ถูกปลดปล่อย ราชันย์จะทรงพลังยิ่งขึ้น
ทุกเผ่าพันธุ์จะถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล ผนึกทั้ง 7 แห่งอาทรัมคือกุญแจที่ไขไปสู่ประตูแห่งความสงบสุขอีกครั้ง แต่ศาสนจักร พบว่าหน้าที่ 341 ของตำราถูกฉีกขาดไป ซึ่งหน้านั้นได้บอกเล่าเกี่ยวกับตำแหน่ง 3 ใน 7 ของสถานที่ทั้งหมด ทำให้นักบวชต่างถกเถียงกันเรื่องหน้าที่ขาดหายไป
ทางจักรวรรดิได้เรียกนักเดินทางและทหารทุกคนช่วยกันกำจัดวอยด์ในตอนนี้ซึ่งเป็นเหมือนทารกอยู่ โดยมีสามทหารเสือ จากเหตุการณ์ พสุธานองเลือด เป็นแนวหน้าในการสู้กับวอยด์และมีแม่หญิงยุพินเป็นตัวแทนของเผ่าอสุรา แต่ความทรงพลังนั้นเหนือกว่าศัตรูที่เคยพบเจอ มันสามารถใช้พลังในการคืนชีพได้ใหม่เรื่อยๆ เหล่าพวกมนุษย์ทำได้เพียงกำจัดไปครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อริดรอนพลังในการคืนชีพแต่ทว่า…
อีกด้านหนึ่งมีทหารพบเห็นนางจันทร์กำลังเดินทางไปยังวินโดเนีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ผนึก 1 ใน 7 ส่วน อยู่ที่วินโดเนีย ทำให้มีคำสั่งให้นำกำลังพลส่วนหนึ่งไปสกัดนางจันทร์ เมื่อโจนาธานที่คอยเฝ้าระวังอยู่ที่ค่ายทหารปราบวอยด์ทราบข่าว ก็รู้สึกว่า นางจันทร์ไม่น่าจะปล่อยให้ทหารนายหนึ่ง พบเห็นตนได้ง่ายขนาดนั้น หรือ ที่นั้นอาจเป็นกำดักก็ได้
ในช่วงนี้มีข่าวลือหนาหูไปทั่วเมืองเซาท์เทิร์นไชร์เกี่ยวกับเด็กหนุ่มปริศนา ท่าทางซอมซ่อเนื้อตัวมอมแมม คอยเล่านิทานเรื่องโลกอสุราแก่นักเดินทางหน้าใหม่ โดยผู้ที่พบเจอบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ในตอนที่ตนกำลังหลงทางอยู่นั้น มีเสียงกระซิบของเด็กหนุ่มขึ้นมาว่า
"นี้ๆ นายคนนั้น เคยได้ยินนิทานของโลกใบนี้บ้างหรือเปล่า" เมื่อสิ้นสุดเสียง จะเห็นเด็กหนุ่มเดินออกมาจากเงามืด ทุกคนที่พบเจอเหมือนต้องมนต์สะกดให้รับฟัง เรื่องการสร้างของโลก ผู้ให้กำเนิดเผ่าต่างๆ จวบจน การต่อสู้ครั้งใหญ่ของมหาเทวีลูซิสและอาทรัม อันเนื่องมาจากกฎของลูซิสที่จะเพิกเฉยการกระทำของมนุษย์ต่อโลกใบนี้ แต่ลูซิสยังคงแหกกฎเรื่อยมา จนอาทรัมไม่พอใจ จนกระทั่งลูซิสมีชัย จึงแบ่งอาทรัมออกเป็น 7 ส่วน เมื่อจบประโยคนี้นักเดินทางสังเกตเห็นเด็กหนุ่มเริ่มมีสีหน้าขุ่นเคือง น้ำเสียงไม่พอใจ หยุดการเล่าเรื่องแล้วเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม และพูดขึ้นว่า
"ในยามที่ราชันย์คืนชีพ หอคอยทมิฬจะเปลี่ยนขาวเป็นดำ รัตติกาลสีแดงฉานจะย้อมทางเหนือ..อ…ออ" เหมือนสายลมแห่งเซาท์เทิร์นไชร์ไม่เป็นใจพัดเอาประโยคสุดท้ายลอยหายไป เมื่อนักเดินทางถามเด็กหนุ่ม
ว่า "เด็กน้อยเจ้ามีชื่อหรือไม่" เด็กหนุ่มจะยิ้มและกระซิบเบาๆกลับไปว่า "ครั้งหนึ่งข้าเคยถูกเรียกว่า อาทรัม" นักเดินทางทุกคนล้วนหยุดนิ่ง เปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงจนสนิท และพบว่าตัวเองตื่นมาให้ตึกอคาเดมี่แล้ว….