GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

เกร็ดความรู้ : การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส ‘อีโบลา’ (Ebola)

TAMA

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,964
การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส ‘อีโบลา’ (Ebola)


          คําแนะนําให้กับเพื่อนๆ ชาวอสุรา สำหรับเรื่องของการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola)
เพื่อนๆ น่าจะเคยได้เห็นข่าวจากสำนักต่างๆ เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘โรคอีโบลา‘ (Ebola)  กันบ้างแล้ว
วันนี้เราจึงมี ‘วิธีการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา’ มาฝากเพื่อนๆ กันครับ
ซึ่งถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะมีความเสี่ยงของโรคต่ำ แต่เราก็ต้องมาทำความรู้จักและ ป้องกันตัวไว้ก็ดีครับ

          จากกรณีพบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศกินี และประเทศในแถบแอฟริกา นั้นสําหรับในประเทศไทย
ยังไม่เคยพบมีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลามาก่อน โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้สูงทันทีทันใด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และเจ็บคอ ตามด้วยอาการ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว
ในรายที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตจะพบมีเลือดออกง่าย โดยอาจมีเลือดออกภายในและภายนอกร่างกาย มักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทําลาย
ไตวาย หรือก่อให้เกิดอาการของระบบประสาทส่วนกลาง ช็อก และเสียชีวิตได้ ถึงแม้โรคนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่อาจมีประชาชนบางกลุ่ม
รวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยว
มีความรู้ในกาป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคดังกล่าว กรมควบคุมโรค กระทรวงอสุราออนไลน์
จึงขอให้คําแนะนํากับเพื่อนๆ เรื่อง การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาสําหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศ และประชาชนทั่วไป ดังนี้



คําแนะนํา สําหรับเพื่อนๆ ชาวอสุราทั่วไป
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่นําเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรคทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
2. หลีกเลี่ยงการการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จําพวกลิง หรือค้างคาว
หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร

 
คําแนะนํา สําหรับเพื่อนๆ ชาวอสุราที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า ทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
2. หลีกเลี่ยงการการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จําพวก ลิง หรือ
ค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น เลือด หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่อาจปนเปื้อนกับสารคัด
หลั่งของผู้ป่วย หรือศพศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย หากมีความจําเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย และล้างมือ บ่อยๆ
5. หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว ให้รีบพบแพทย์ทัน
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกไม่แนะนําให้จํากัดการเดินทางหรือการค้าระหว่างประเทศ สําหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้
สําหรับนักท่องเที่ยวยังมีความเสี่ยงในระดับที่ต่ํามาก เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ มีการติดเชื้อโดยตรงจากการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย
หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาล จากการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เข็มและหลอดฉีดยา) ที่ปนเปื้อนเชื้อ
รวมถึงไม่มีการป้องกันเมื่อมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อ


สามารถติดตามแนวทาง คําแนะนํา และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นปัจจุบันได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 หรือเว็บไซต์สํานักโรคติดต่ออุบัติใหม่
กรมควบคุมโรค (http://beid.ddc.moph.go.th)
 
รวบรวมและเรียบเรียงโดย : สํานักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค
*************************************************
 
ขอขอบคุณข้อมูล จาก สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ (กระทรวงสาธารณสุข)
ภาพประกอบ จาก Thinkstockphotos.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2014, 14:15:29 โดย จีเอ็มทามะ »