ความลึกลับดำมืดที่ถูกปกปิดไว้ทำไมชาวบ้านบางระจันที่เก่งกล้าสามารถถึงพ่ายแพ้แด่ทัพอังวะ หาใช่ไร้ปืนใหญ่จากอโยธยาไม่
หากแต่พวกมันมาตอนกันคืนวันแรม!!
ลุ พุทธศักราช 2309 พระเจ้ามังระ มีบัญชา ให้ทัพอังวะ บุกตี กรุงศรีอยุธยา เป็น 2 ทาง จึงเป็นสงครามครั้งที่ 24 ระหว่างอังวะแลอโยธยา กล่าวถึงทัพทางเหนือ นำโดยเนเมียวสีหบดี หลังจากปราบปรามหัวเมืองล้านนาและล้านช้างได้หมดแล้ว จึงเกณฑ์กำลังหลายหมื่นเคลื่อนทัพจากเมืองลำปาง ออกปล้นสะดมภ์ หัวเมืองทางเหนือกรุงศรีอยุธยา เมือง ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิชัย พิจิตร ถูกตีแตกสิ้น ทัพหน้านำโดยฉับกุงโบเข้าตีเมืองนครสวรรค์ ครั้นยึดได้แล้วก็แยกกำลังกันออกปล้นราษฎรตามหัวเมือง อุทัย ชัยนาท อินทบุรี พรหมบุรี สรรคบุรี สิงห์บุรี วิเศษไชยชาญ ทัพใหญ่ก็ยกตามเรื่อยมาจนใกล้จะถึงกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงส่งทัพบกทัพเรือออกสกัด รบกันที่ปากน้ำประสบ แต่สุดท้ายทัพอโยธยา ก็แตกพ่ายไม่เป็นท่า เมื่อทัพหลวงพึ่งพาไม่ได้ ในที่สุดชาวบ้าน ตามหัวเมืองต่างๆเช่น สิงห์บุรี วิเศษไชยชาญ สุพรรณบุรี ฯลฯ จึงได้รวมตัวกันตั้งค่ายบางระจันขึ้นเป็นชุมชนต่อต้านทัพอังวะ ทางสุกี้พระนายกอง ได้อาสาเนเมียวสีหบดี ตั้งค่ายประชิดด้านหน้า และ บัญชาตันอ่อง หมอผีขมังเวทย์ ปลุกผีตายโหง เข้าตีทางหลังค่ายบางระจัน ฝ่าย ขุนสรรค์ วีรบุรุษ ท่านหนึ่งแห่งค่ายบางระจัน ร่วมกับพระครูธรรมโชติ นำคนเก็บกวาดอาวุธแลนำศพทั้งอังวะอโยธยาไปฝังที่ชายป่าหลังค่าย ย่ำค่ำขณะทำพิธีมิทันระวัง ตันอ่อง จอมขมังเวทย์ ก็ปลุกศพขึ้นมาเป็นผีดิบเข้าโจมตีหลังค่ายบางระจันทันที
เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย จึงต้องนำทัพชาวบ้านอาสาศึก ต่อต้านทัพผีดิบในคืนวันแรม!!!!
ประวัติ ขุนสรรค์ขุนสรรค์ เป็นชาวเมืองสรรคบุรี ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดชัยนาท เดิมเป็นกำนัน มีฝีมือในเชิงดาบและ โดยเฉพาะเชิงปืนคาบศิลา มีความสามารถในการยิงปืนที่แม่นยำราวจับวาง เป็นคนกล้าหาญยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับข้าศึกจนได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในหัวหน้าค่ายบางระจันในการรบกับทัพอังวะครั้งที่ 7 เนเมียวสีหบดีให้แต่งทัพมาตีค่ายบางระจัน มีอากาปันคยีเป็นนายทัพ พลจำนวน 1000 เศษ มีทั้งทหารม้าและรามยกมารบกับชาวบ้านบางระจัน ขุนสรรค์รับหน้าที่นายกองปืนป้องกันทัพม้า แลนายจันทร์หนวดเขี้ยวแม่ทัพใหญ่นำทัพ 1000 เศษ ออกตีทัพอังวะที่ยังตั้งค่ายไม่เสร็จ เด็ดหัวอากาปันคยีได้ ทัพอังวะหยุดรบไปกึ่งเดือน
ประวัติ พระครูธรรมโชติเป็นพระที่มีวิทยาอาคมสูง เดิมอยู่วัดเขานางบวช สุพรรณบุรี ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนาไปพำนักอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น ที่ค่ายบางระจัน สิงห์บุรี มักลงวิทยาอาคมกับผ้าประเจียด ตะกรุดพิสมร แจกจ่ายให้กับนักรบค่ายบางระจันอยู่เสมอๆ
หลังจากที่สุกี้ หรือ ชื่อไทยคือนายทองสุก คนไทยเชื้อสายมอญ ผู้ทรยศบ้านเมืองรับอาสาแม่ทัพอังวะเพื่อปราบค่ายบางระจันแล้ว ทางหนึ่งก็ตั้งค่ายประชิดในทันที พร้อมระดมสรรพกำลังรวมทั้งปืนใหญ่น้อยในเพลากลางวัน อีกทางหนึ่งก็ได้มอบหมายให้ตันอ่อง หมอผีขมังเวทย์แห่งเมืองตองอู ลอบเข้าไปหลังค่ายในเพลากลางคืน เนื่องจากได้ข่าวว่าชาวบ้านจะฝังศพคนที่ตายจากการรบไว้ที่ชายป่า ตันอ่องนั้นสามารถใช้เวทย์ปลุกศพคนตายให้ฟื้นขึ้นมาเป็นผีดิบได้ในเวลากลางคืนวันแรมอันไร้ซึ่งแสงจันทร์ เพื่อเข้าตีค่ายทางด้านหลังทำให้นักรบบางระจัน เกิดการพะวักพะวง และให้วุ่นวายทำศึกทั้งกลางวันกลางคืน อีกทั้งผีดิบนั้นไม่สามารถฆ่าให้ตายได้โดยง่าย หากปล่อยให้เข้าประชิดและปีนเข้ากำแพงค่ายได้แล้วไซร้ ชาวบ้านในค่ายย่อมเกิดโกลาหลอลหม่าน ทางพระครูธรรมโชติจึงวางแผนการโดยลงอาคมให้กับกระสุนปืนคาบศิลา ของขุนสรรค์ ไว้ใช้ยิงสกัด ตันอ่อง และภูตผีทั้งหลาย อีกทั้งคอยช่วยร่ายเวทย์คุ้มครองภัยจากมนต์ดำของตันอ่องให้ จากทางด้านหลัง หากแต่มิสามารถป้องกันอันตรายจากการทำร้ายทางร่างกายได้ จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าผู้กล้าอาสาศึกที่จักต้องปกป้องขุนสรรค์และพระครูธรรมโชติไว้ให้จงได้ ก่อนที่ดวงตะวันจักขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันพรุ่ง จอมขมังเวทย์ตันอ่องนั้นจะออกมายืนร่ายเวทย์อยู่ในเงามืดห่างจากกำแพงค่ายด้านหลังมิไกลนัก เป็นการวัดกันระหว่างกระสุนปลุกเสกของขุนสรรค์กับคาถาสังเวยเลือดของตันอ่อง พระครูธรรมโชติที่อยู่ด้านหลังนั้นแม้จะใช้เวทย์ขาวลดอาการบาดเจ็บให้ขุนสรรค์จากคาถาสังเวยเลือดของตันอ่องได้ แต่อาการบาดเจ็บนั้นยังจำเป็นต้องใช้เศษเสาพลังเวทย์ ที่ตันอ่องเสกขึ้นมาปลุกผี นักรบบางระจันจักต้องทำลายเสาเหล่านี้ให้ได้แล้วนำเศษที่ได้มารีบไปส่งให้พระครูธรรมโชติเพื่อให้เสกเป็นคาถาถอนคุณไสยเพื่อรักษาอาการของขุนสรรค์ หากขุนสรรค์มีอันเป็นไปก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ขวากแลกำแพงค่ายบางระจันคงมิอาจต้านทัพผีดิบของตันอ่องได้เป็นแน่
รวมภาพศึกบางระจัน