GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

< ~-_§!§_►◄ โจรสลัด ►◄_§!§_-~ >

☺๛. บางทีก็เลว ๛.☺

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 747
  • NAVY-ดอกประดู่


โจรสลัด คือบุคคลที่ปล้นหรือโจรกรรมเรือพาณิชย์ในทะเล หรือบางครั้งตามชายฝั่งหรือท่าเรือต่างๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15-18 โจรสลัดในปัจจุบันจะแตกต่างกับโจรสลัดในอดีตที่มีลักษณะเฉพาะคือจะมีผ้าคาดหัว ใช้ดาบใบกว้างหรือปืนพกและเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ในปัจจุบันโจรสลัดนิยมใช้เรือเร็ว และใช้ปืนกลแทนที่ดาบ



ตำนานเเห่งโจรสลัด
        เกี่ยวกับโจรสลัดมีมานานตั้งแต่ครั้งสมัยอียิปต์โบราณ แต่กลุ่มโจรสลัด เริ่มมามีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 8-11 ซึ่งเป็นเวลาที่เหล่าไวกิ้งจากเดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน ครองน่านน้ำยุโรป ออกปล้นตั้งแต่ทะเลบอลติกไปจนถึงช่องแคบยิบรอลต้า สร้างความเสียหายให้เเก่เรือสินค้าเป็นจำนวนมากต่อมา ในช่วงศตวรรษที่ 16 กลุ่มโจรสลัดที่ขึ้นชื่อลือชามักจะรวมตัวกันอยู่ในย่านทะเลอีเจียน และเมดิเตอร์เรเนียน มีทั้งที่เป็นจอมโจรอิสระไม่ขึ้นกับใคร และโจรแบบ “รับสัมปทาน” คือทำความตกลงกับรัฐบาลของประเทศที่ตัวเองสังกัดอยู่ว่า จะแบ่งทรัพย์สินจากการปล้นให้ แลกกับการไม่ถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

        โจรสลัดเหล่านี้มักไปรวมตัวกันที่ชายฝั่งบาร์บารี่ ทำให้มีชื่อเรียกรวมๆกันว่า เป็นกลุ่มโจรสลัดแห่งบาร์บารี่ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความโหดร้าย เจอะใครผ่านมาก็ปล้นดะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจรสลัดชื่อดังแห่งยุคที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นสุดยอดแห่งโจรสลัดอมตะตลอดกาลคือ สองศรีพี่น้อง อรุจ และคิเซอร์ ซึ่งได้รับการเรียกขานว่า พี่น้องบาร์บารอสซ่า ซึ่งในภาษาอิตาเลียนหมายถึงคนที่มีเคราสีแดง แก๊งนี้ก็เลยถูกเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า โจรสลัดเคราแดง

        เดิมอรุจและคิเซอร์ซึ่งถือกำเนิดในกรีซก็คงจะประกอบสัมมาอาชีพดีอยู่ กับพ่อผู้เป็นช่างปั้น และมีเรือค้าขายเป็นของตัวเอง แต่ก็เกิดจุดเปลี่ยนของชีวิต เมื่อเรือของพวกเขาถูกโจรสลัดคริสเตียนปล้น และจับอรุจไปเป็นนักโทษ พอได้รับการไถ่ตัวออกมา หนุ่มผู้พี่ก็เลยเกิดฝังใจ เกลียดพวกคริสเตียน ว่าแล้วในช่วงปี ค.ศ. 1500 พี่น้องบาร์บารอสซ่า ซึ่ง “ซ่า” สมชื่อ ก็เดินทางไปตูนิเซีย แล้วเริ่มแก้แค้นด้วยการดำรงตนเป็นโจรสลัดกับเขาบ้าง

        สองพี่น้องประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ ด้วยการก่อการขนาดที่ทำเอาตะลึงกันไปทั้งน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียน นั่นคือจะปล้นเรือของใครก็ไม่ ปล้น แต่ลุยไปตีเรือของพระสันตะปาปาเอาเสียเลย ชื่อของจอมโจรหน้าใหม่ก็เลยกระเดื่องเกรียงไกร แถมใครๆก็ไม่ค่อยกล้ามาแหยม เพราะโจรกลุ่มนี้มีข้อตกลงกับสุลต่านแห่งตูนิเซียในการจ่าย “ค่าต๋ง” ให้สุลต่าน เป็นจำนวน 1 ใน 5 ของทรัพย์สินที่ปล้นมาได้

        ไม่นานนัก คือราวๆ ค.ศ. 1510 อรุจก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน สองพี่น้องร่วมกันเป็นหัวหน้ากองเรือ 8 ลำ มีทรัพย์สมบัติและข้าทาสบริวารมากมาย และยังช่วยเหล่าทัพมุสลิมในการต่อสู้กับศัตรู ทำให้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของอิสลามด้วย

        หลังหมดยุคอันเกรียงไกรของสองพี่น้องบาร์บารอสซ่า ซึ่งทยอยลาโลกกันไปจนหมดในช่วงกลาง ศตวรรษที่ 16 กลุ่มโจรสลัดย่านบาร์บารี่ก็ถดถอยกำลังลง และยังถูกกองเรือทหารของฝรั่งเศสรุกเข้ามาปราบปรามอย่างหนัก ทำให้ยุคทองของโจรสลัดแห่งเมดิเตอร์เรเนียนสิ้นสุดลง กลายไปเป็นช่วงเฟื่องฟูของจอมโจรแห่งแคริบเบียนแทนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีโจรแล่นเรือกันให้ว่อนไปหมดในน่านน้ำ และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น กลุ่มโจรสลัดที่ได้ชื่อว่าเป็นกองโจรแห่งน่านน้ำสเปนก็โด่งดังขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

        โจรสลัดแห่งน่านน้ำสเปนที่เลื่องชื่อหลายคนเป็นโจรโดยได้รับอนุญาต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจรสลัดแห่งพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่ทรงชุบเลี้ยงกองโจรเอาไว้หลายแก๊ง ที่โด่งดังก็มีหลายคน เช่น เซอร์ จอห์น ฮอว์คินส์, กัปตันวิลเลียม คิดด์ และที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็น เซอร์ เฮนรี่ มอร์แกน ซึ่งในปี ค.ศ. 1671 ได้พาพลพรรคออกอาละวาดปานามา ซึ่งในขณะนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในพวกโลกใหม่ แล้วขนทรัพย์สินไปมากมาย กลายเป็นที่เล่าขาน

        หันมาทางด้านน่านน้ำฝั่งแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียบ้าง ในช่วงเวลาเดียวกับที่จอมโจรแห่งแคริบเบียน และน่านน้ำสเปน กำลังออกอาละวาดอย่างสนุกมือ ด้านตะวันออกก็มีโจรสลัดออกปล้นเป็นการทั่วไปเหมือนกัน โดยเปิดทำการในบริเวณกว้างขวาง ตั้งแต่ญี่ปุ่นถึงอินเดีย




โจรสลัดในเอเชีย
        กองเรือของเจิ้งอี้คือกองทัพโจรสลัดที่มีกองทัพเรือที่มีมากมายตั้ง 400 ลำ และมีพลพรรครักการปล้นร่วมหัวจมท้ายด้วยกันราวๆ 7 หมื่นคน สร้างเป็นอาณาจักรไพศาลในทะเลจีนใต้ เป็นจอมโจรสลัดอันน่าครั่นคร้าม แต่เจิ้งอี้เป็นตัวละครสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โจรสลัดได้ไม่นาน ก็ลาโรงพร้อมๆกับลาโลกไปในปี ค.ศ. 1807 แต่เครือข่ายโจรสลัดอันยิ่งใหญ่ของเจิ้งอี้ไม่ได้สลายตัวลง กลับดูเหมือนจะมีสีสันมากขึ้นด้วยการดูแลของนางสิงห์ผู้เป็นภรรยาของเจิ้งอี้ นามชิงเชอะ ผู้ขยับขยายกองเรือให้กลายเป็นเครือข่ายขุมกำลังมหึมามากขึ้น จนได้รับการขนานนามว่า เป็นราชินีแห่งกองโจรสลัด

        นอกจากเจิ้งอี้กับภรรยาจะร่วมกันสร้างผลงานการปล้นอันเกริกไกร จนพ่อค้ากลัวหัวหดไปทั่วแล้ว ทั้งคู่ยังได้สร้างคนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกคนหนึ่งคือ จางเป๋าจ่าย ซึ่งในกาลต่อมาจะเป็นใหญ่บนผืนน้ำแดนมังกร และกลายเป็นคนสำคัญในหลากหลายตำนานโจรสลัดของจีน

        จางเป๋าจ่ายเป็นลูกบุญธรรมของเจิ้งอี้ แต่หลัง จากจอมโจรตาย พ่อหนุ่มก็ขยับฐานะไปแต่งงานกับแม่เลี้ยง แล้วช่วยกันทำมาหากิน ออกปล้นไปทั่วน่าน น้ำจีน ทำความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับทางการราชวงศ์ชิงขนาดหนัก จนต้องส่งนายปราบฝีมือดีมาจัดการอยู่เนืองๆ และในที่สุดแล้วพ่อหนุ่มก็คงจะเบื่อชีวิตโจร เลยตัดสินใจยอมจำนน เข้าสวามิภักดิ์กับทาง การ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพเรือจีน นับได้ว่าเป็นโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ที่หาทางลงได้อย่างสวยงาม ไม่ ต้องตายในทะเลระหว่างที่หลบๆซ่อนๆเหมือนคนอื่น

        จางเป๋าจ่ายสร้างตำนานชีวิตโลดโผนในมหาสมุทร ทั้งในฐานะโจรสลัด และแม่ทัพ จนกลายเป็นบุคคลอมตะ เป็นที่รู้จักไป แต่แค่นั้นก็คงไม่ได้ทำให้จางเป๋าจ่ายกลายเป็นตำนานได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากไม่มีเรื่องสมบัติโจรสลัดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

        มีเสียงเล่าลือว่า ระหว่างเป็นโจรสลัดนั้น จางเป๋าจ่ายปล้นสะดมไปมากมาย ได้ทรัพย์สินมามหาศาล แม้จะแจกจ่ายแบ่งปันให้ลูกสมุนที่มีอยู่จำนวนมากแล้ว ก็ยังเหลืออีกบานตะเกียง และเมื่อเบื่อชีวิตโจร หันกลับมาเป็นข้าราชการสำนัก ก็ไม่ปรากฏชัดเจนว่า สมบัติโจรของจางเป๋าจ่ายหายไปไหน บางคนก็ว่าถูกซ่อนไว้ที่เกาะแห่งหนึ่ง หรืออาจจะถูกฝังไว้ในที่ลับตา ก็เลยมีความพยายามตามหาขุมสมบัติปริศนาของจางเป๋าจ่ายเรื่อยมา กลายเป็นเนื้อหาของหนังจีนมาแล้วหลายเรื่อง

 โจรสลัดในปัจจุบัน
        ในปัจจุบันชายฝั่งและทะเลใน อเมริกาใต้และ ทะเลเมดิเตอเรเนียน ยังคงมีโจรสลัดที่ปล้นผู้อื่น โดยชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา และชายฝั่งของทะเลแคริบเบียน เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากมีการป้องการจากกองกำลังรัฐบาล ค่าเสียหายที่เกิดจากโจรสลัดปล้นในปัจจุบัน คาดว่าประมาณ 5-6.5 แสนล้านบาทต่อปีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย จุดที่อยู่ระหว่างช่องแคบมะละกา และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีเรือพาณิชย์ผ่านประมาณ 50,000 ลำต่อปี สำนักงานกำกับควบคุมการคมนาคมทางทะเลระหว่างประเทศ ได้ออกรายงานประจำปี ระบุว่าในปี พ.ศ. 2549 ได้รับรายงานการโจมตีของโจรสลัดในน่านน้ำต่างๆทั่วโลก 239 ครั้ง การปฏิบัติการของจอมโจรแห่งมหาสมุทรไม่ได้จางหายไป โดยน่านน้ำในย่านอินโดนีเซีย และช่องแคบมะละกา เป็นแหล่งที่เกิดการโจมตีมากที่สุด ส่วนน่านน้ำที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีการปล้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ ย่านบังกลาเทศ บราซิล ไนจีเรีย และโซมาเลีย ในประเทศไทย ฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน ยังคงมีโจรสลัดอยู่ ซึ่งใช้เรือเร็วปล้นเรือสินค้าของผู้คนที่แล่นเรือผ่าน โดยในบางครั้งจะเก็บค่าคุ้มครอง หรือจ่ายเงินค่าผ่านทางแทน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-วิกีพีเดีย
-เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ








<ผู้ศรัทธา> The_Fake [ลูกสาว-.-ฮิตเลอร์-.-]
(ปี57เลิกเล่นถาวร)



☺๛. บางทีก็เลว ๛.☺

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 747
  • NAVY-ดอกประดู่
ผิดบอร์ดแล้วมั้งคะ...

ไม่ผิดหรอกคับเล่าเรื่องไงคับ_. g#006


<ผู้ศรัทธา> The_Fake [ลูกสาว-.-ฮิตเลอร์-.-]
(ปี57เลิกเล่นถาวร)


ครับ ครับ. :)

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 396
  • อะเด้ะ *

ครับ ครับ. :)

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 396
  • อะเด้ะ *
ไม่รู้สินะ แต่ที่เห็นเขาไม่เล่ากันหรอก
######


Oo๐.

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 67
เจ๋งครับ ผมชอบพวกนี้ปล้นดะ ฆ่ากระจุย เดี๋ยวเปลี่ยนรูปดีกว่า