GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

สรุปเคสนี้ทีมงานอสุราผิด ผู้เล่นไม่ผิด ผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ ทีมงานอสุราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่มีชิ้น

อิแถกากกกกกกกกก

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 61
ไม่รู้ไม่ชอบให้เปลี่ยนกฎบ่อย หรือไม่ชอบให้ควายบางพวกโดน ชอบแบบกฎที่มันรั่วๆหรอ คนโกงแม่งก็คงจะมีเพิ่มเรื่อยๆ  g#018

ตัวเองยังคอยโกงตังหลอกแดกเขาอยู่ทำกระแดะไปสอนเขา  g#014
10. ห้ามโพสรูปภาพ ลายเซ็น เกิดขนาด 550x250 และตัวอังษรในลายเซ็นห้ามเกินขนาด 18-20 (ทีมงานจะพิจารณาภาพที่โพสประกอบอีกครั้ง เป็นเชิงข้อมูลของอสุราหรือเปล่า ก่อนที่จะแก้ไข)
/4/139221.229062


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
ตลกอีกอย่าง ยกมาอีกแล้วทฤษฏีนี้

เอาหลักฟิสิกส์มาเปรียบเทียบหลักการขาย

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ขำ...

อยากรู้จักสถาบันชั้นนำน่ะที่ไหน
ผมแค่สื่อว่า การเขียนตัวเลขลักษณะนี้ 5K, 3 M, 2.3 M เป็นมาตรฐานที่มาจากที่ไหนน่ะครับ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป มีเหตุและผล
ไม่ได้กล่าวอ้างอย่างลอยๆ  และสิ่งที่ผมพูดก็เข้าประเด็นตลอด


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
ทีมงานโปรดพิจารณา   
คุณ -G-Dragon- พยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นเป็นการโฆษณาตลอด ผมคิดว่าทุกท่านคงแยกแยะกันออก
ด้วยราคา 2.3 M และกล่าวว่าตัวเลขนี้สื่อถึง   2,300,000 <= X  < 2,400,000 เมื่อ X คือราคาขาย
(คณิตศาสตร์ม.ต้น)  ซึ่ง มันไม่ถูกต้อง !!!!!
2.3 M = 2,300,000 ถ้ามีข้อโต้แย้ง ว่า 2.3 M ไม่เท่ากับ 2,300,000  บอกมาได้เลยครับ
คน 100 คน เห็นระบุหน้าร้านว่า ขายใบประกัน 2.3 M ทุกคนเข้าใจว่า คือ ใบประกันที่ขาย ราคา 2,300,000
(แต่พบว่ามีการตั้งราคาขายจริง 2,380,000)
เพราะฉะนั้น กรณีนี้เข้าข่ายหลอกลวง
ถึงจะบอกว่าเป็นการโฆษณา ยังไงก็ผิดเต็มประตูครับ


oatcha

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 971
            เราเน่นความมันนะครับ ใครมีอะไรก็ใส่มาให้หมดครับ ถ้ามีอะไรคาใจอยุ่นะมันจะเป็นผลต่อสุขภาพจิตรได้

ใครจะใช้คำพูดอย่างไรก็แล้วแต่ หรือจะปั้มใอดีมาก็แล้วแต่ครับ เรื่องนี้นะมันไม่มีผลต่อการมาถกกัน

ป.ล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาและสาระจะเหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 21ปีลงมาผู้ที่มีอายุ 21ปีขึ้นไปควรมีคนให้

คำแนะนำ  g#031 g#031


oatcha

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 971
ทีมงานโปรดพิจารณา   
คุณ -G-Dragon- พยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นเป็นการโฆษณาตลอด ผมคิดว่าทุกท่านคงแยกแยะกันออก
ด้วยราคา 2.3 M และกล่าวว่าตัวเลขนี้สื่อถึง   2,300,000 <= X  < 2,400,000 เมื่อ X คือราคาขาย
(คณิตศาสตร์ม.ต้น)  ซึ่ง มันไม่ถูกต้อง !!!!!
2.3 M = 2,300,000 ถ้ามีข้อโต้แย้ง ว่า 2.3 M ไม่เท่ากับ 2,300,000  บอกมาได้เลยครับ
คน 100 คน เห็นระบุหน้าร้านว่า ขายใบประกัน 2.3 M ทุกคนเข้าใจว่า คือ ใบประกันที่ขาย ราคา 2,300,000
(แต่พบว่ามีการตั้งราคาขายจริง 2,380,000)
เพราะฉะนั้น กรณีนี้เข้าข่ายหลอกลวง
ถึงจะบอกว่าเป็นการโฆษณา ยังไงก็ผิดเต็มประตูครับ

      เห็นด้วยคนนะ กำ ลืมยึ้นบัตรเสือก แต่เท่าที่คุณ nutlovely ได้ใช้เหตุผลในการชี้แจงปัญหามา ตัวเล่นที่อ้างถึงมันบิดเบือนกัน

จากความเป็นจริงมาก ถ้าจะพูดถึงในเรื่องของการหลอกลวง ก็คิดกันง่ายๆนะ ก็เต็มๆเลยละ  g#040 g#040


first@lonely

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 1,642
  • ดีมาก็ดีตอบ ร้ายมาก็ร้ายตอบ แค่นั้น!!

oatcha

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 971
        ถ้าตามหลักความจริงนะ ถ้าการซื้อขายที่รวมไปถึงต้องเสียภาษีด้วยแล้ว ถ้าผู้ขายมีใบกำกับภาษีให้ด้วย สำหรับผมเป็นอันจบนะ
 g#040 g#040


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle
อ้างถึง
แล้วกฏข้อไหนของทีมงาน ที่ระบุไว้ว่า 2.3m ต้องเป็น 2,300,000 เสมอ!!! หละครับ คุณมีมาให้ผมดูไหม???
อันนี้มันยิ่งกว่ากฎอีกนะครับ
มันคือสัจนิรันดร์ หรือสิ่งที่เป็นจริงเสมอ
หรือจะเรียกว่ามาตรฐานก็คงไม่ผิด ผมไม่แน่ใจนะว่าคุณเข้าใจคำว่ามาตรฐานรึเปล่า ?
ถ้าจะอธิบายผมก็อย่าเปิด google มานะครับ
ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ?
เพราะ 2.3 M มันคือคำย่อของ 2.3 Mega หรือ Million ก้อคือคูณด้วยหนึ่งล้าน
และมันถูกพิสูจน์แล้วในเกม
ทุกคน 100 ทั้ง 100 เมื่อมีการพูดถึง 2.3 M นั่นคือ 2,300,000

 นาย อันนี้เราขอแย้งนิดน๊ะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นกระทู้น๊ะ เอาเรื่องประเด็นการยกย่อตัวเลข  ประเด็น 2.3M ไม่ใช่มาตรฐานต้องเป็น 2.300.000 ล้านถ้วนๆน๊ะครับ  หลักสากลที่เค้าเรียก 2.3M คือสองล้านสามแสนมันคือหลักคร่าวๆครับ ย่อมาจากจำนวนเต็มจริงเพื่อให้เข้าใจว่า จำนวนเงินมันคือ สองล้านสามแสน อยู่ในหลัก สองล้านสามแสน แต่ไม่ได้ระบุตายตัวว่าต้องไม่มีเศษส่วน   ถามว่าเพราะอะไร เพราะถ้ามาโดดๆ 2.3 ไม่มี M บาท หมื่น แสน ล้าน ไม่มีหน่วยราคา ไม่มีหน่วยวัด การเอาไปใช้ก็ไม่บ่งบอกว่ามันคืออะไรไอ้ตัว 2.3 มันมาจากอะไร       2.3 นั้นก็เท่ากับไม่รู้ที่มาว่ามันคืออะไร เป็นเลขของอัตราส่วนอะไร มาจากไหน  พอใส่ M หรือ บาท หรือ ล้าน หมื่น แสน  ทำให้รู้ว่าไอ้ตัว 2.3 มันมาจากหน่วยอะไร  ให้เข้าใจว่าเค้าใช้เลข 2 ตัวนี้ กับจุดทศนิยมนั้นมาจากหน่วยอะไร หมายถึงอะไร ราคา หน่วยวัด ตวง หรืออะไร    แต่เป็นการบอกแค่คร่าวๆน๊ะครับ ไม่ได้บ่งบอกว่าจำนวนหลักจริงๆของมันต้องถ้วนๆ

   อย่างประโยคบอกเล่าคำพูด  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ   <<< ถ้ามาถ้วนๆอย่างนี้ ผมยกมาโดดๆอย่างนี้คนอ่านก็ไม่รู้ว่าผมหมายถึงอะไร ราคา หน่วยวัด หรืออะไร   แต่ถ้าผมบอกไปอีกว่า ก่อนหน้าที่ผมพูดคำนี้ คุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของอู่รถอยู่เรื่อง รถผมคันนี้นายว่าถ้าจะขายนายจะให้ราคามันเท่าไหร่      อย่างนี้คนอ่านจะเข้าใจทันทีเลยว่า  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ  มีหน่วยเป็นราคา   แต่คุณก็ยังไม่รู้อีกละว่าหน่วยมันเป็นอะไร หมื่น แสน หรือ ล้าน หรือเท่าไหร่  จนกว่าคุณจะได้ทราบว่าผมขับรถอะไร รุ่นอะไร  สมุตติว่าผมขับ BMW 318i ตัวใหม่  คุณจะอ่านออกเองทันทีว่า  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ  คือหลักล้านแน่  หรือถ้าไม่แน่ใจคุณจะถามผมว่า ล้านหรือแสน  ซึ่งตามความเข้าใจกันคงจะคิดว่าเป็นหลักหมื่นหลักพันไม่ได้แน่


  แล้วสมมุติว่าผมขายรถไปแล้ว เจอเพื่อนอีกคนถามว่า เห้ย ขายรถไปเท่าไหร่ ได้เท่าไหร่ละ ร้านมันให้เท่าไหร่  ผมตอบว่า 4.7 วะ หรือถ้าแปลงเป็นคำพูดก็ต้องพูดว่า สี่ล้านเจ็ดวะ   ถ้าคุณเป็นคนฟัง แล้วผมพูดย่อๆสั้นๆกระทัดรัดแค่นี้ คุณจะถามผมต่อมั้ยว่า  สี่ล้านเจ็ดถ้วนๆเลยเหรอวะ  ผมก็ต้องตอบว่า สี่ล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นสามพันบาทวะ (4.753.000) หรือ สี่ล้านเจ็ดแสนห้ากว่าๆวะ  ร้านเพื่อนกันเองมันให้ราคาดี   กรณีแบบนี้มีเกิดขึ้นจริงมั้ยครับ  มันเกิดขึ้นอยู่จริงในชีวิตประจำวันเราใช่มั้ยครับ  คุณก็ต้องเคยเจอมาบ้าง  นี่เป็นประโยคคำพูดสนทนาที่สามารถพูดได้ละเอียดกว่าการมาเขียนประกาศในเนื้อที่จำกัด แต่เราก็ใช้การย่อหลักมาพูดกันอยู่เสมอๆ  แล้วคำว่า 4.7 หรือ 4.7ล้าน ก็ไม่ได้ระบุบังคับใช้ว่า จะต้องนำมาใช้ต่อเมื่อจำนวนเต็มของมันทั้งหมดต้องเป็นจำนวนถ้วนๆเท่านั้น สามารถมีเศษได้  อยู่ที่คุณเอาไปสื่อถึงอะไร  หลักสากลที่ใช้กันมันแค่บ่งบอกจำนวนคร่าวๆ เป็นการตัดย่อสั้นๆมาใช้  เค้ามักนิยมใช้กันเพื่อรวบรัด  แต่ไม่ได้มีการห้ามใช้ถ้าจำนวนเต็มมีเศษส่วน  แต่การเอาไปใช้ก็ต้องดูที่ว่า ที่คุณเอาไปใช้ย่อในข้อความ ประโยคนั้นๆ คุณจะสื่อถึงอะไร  สื่อเพื่อให้เค้าเข้าใจว่าอะไร 

  กรณีที่ใช้ย่อโดยให้เข้าใจว่าจำนวนเต็มไม่มีเศษส่วนก็มีครับ  อย่างคุณรู้จักสินค้าชนิดหนึ่งมานาน คุณเห็นการปรับราคาเค้ามาตลอด  เอกลักษณ์ของการปรับราคาบริษัทนี้ไม่ปัดราคาให้มีเศษส่วน จะปรับราคาเพิ่มหรือลดเป็นจำนวนถ้วนๆเสมอ อย่างเช่น ถุงยางยี่ห้อนี้ เมื่อ 3 ปีก่อนราคา 30 บาท  พอ 2 ปีที่แล้วมีการปรับราคา เค้าขึ้นเป็น 40 บาท  มาปีนี้ราคาขึ้นอีกเป็น 50 บาท  อย่างนี้ทุกคนเข้าใจหมดว่ามันขายเป็นจำนวนถ้วนๆ ไม่มีเศษส่วน  ถ้าติดป้ายประกาศ ถุงยางยี่ห้อ ..... 50 หรืออาจจะขายถูก 40  ติดป้าย 40  ด้วนๆแบบนี้อะ  ทุกคนเข้าใจหมดแน่นอนว่าราคาจริงต้อง 40 หรือ 50 บาทถ้วน ต้องไม่ใช่ 40.75 สตางค์ หรือ 50.75 สตางค์  เพราะบริษัทนี่เป็นอันที่เราเข้าใจกันในราคาสินค้ามันละว่ามันไม่ขายของมีเศษส่วนแน่ๆ

   หรือถ้าเกิดมีบริษัทและสินค้าใดถูกสั่งหรือบังคับให้ต้องขายไม่เกินราคาที่เค้าระบุให้ขาย เช่น บริษัทนำเข้ารถยนต์แห่งหนึ่ง ถูกสั่งให้ต้องขายภายในประเทศได้ต้องไม่เกินราคานี้ๆๆๆๆ  ผมสมมุติว่าราคานี้คือถูกควบคุมว่าต้องไม่เกิน 35 ล้านบาทแล้วกันน๊ะ  เต็มๆของมันคือ 3.500.000 ล้านบาท  ถ้าเลขย่อของมันก็คือ 3.5 ล้าน หรือ 3.5 M   ทีนี้ทุกคนรับทราบหมดเพราะมีประกาศมาแจ้งให้ทราบว่าบริษัทนี้จะขายรถคันนี้ได้ยังไงก็ต้องไม่เกิน 35 ล้าน   แล้วบริษัทก็จะขาย 35 ล้านบาทเต็มๆ ถ้วนๆเลย คือเอาเต็มอัตราที่ทำได้  เค้าก็ติดป้ายประกาศโฆษณาว่า ขายรถรุ่นนี้ 3.5 M หรือ ขายรถคันนี้ 3.5 ล้านบาท ถ้าอย่างนี้ไม่น่าแปลกใจอะไรเลยที่คนจะเข้าใจว่า 3.5 จากประกาศนี้คือ 3.500.000 บาทถ้วน  เพราะเค้ารับทราบและเข้าใจมาจากประกาศอันนั้นแล้วว่า ยังไงมันบริษัทก็ขายรถคันนี้ก็ได้ไม่เกิน 3.5 ล้านบาทถ้วนๆ     

   กรณีให้เข้าใจว่าเป็นเลขจำนวนถ้วนๆก็มีเยอะน๊ะครับในชีวิตจริงเรา สินค้าบางอย่างก็ถูกควบคุมราคาไว้ว่าต้องไม่เกินเท่าไหร่  แค่ใช้หลักย่อสั้นๆมาประกาศคนก็เข้าใจแล้วว่ามันคือจำนวนเต็มถ้วนๆ  บางอย่างก็ไม่สามารถทำให้คนเข้าใจได้น๊ะครับว่าราคาจริงๆมันคือจำนวนถ้วนๆ  ขึ้นอยู่ที่คุณสื่ออะไร  แบบไหน  สินค้าคุณคืออะไร  หลายๆอย่างอะ มันจึงมีที่เข้าใจได้ 2 แบบครับ เข้าใจว่าถ้วนๆ กับ เข้าใจว่ามีเศษส่วน อยู่ที่คุณจะสื่อ และอยู่ที่คนรับข่าวสารว่าเค้าเข้าใจอย่างไร  ไม่ใช่ว่าถ้ายกตัวเลขมาจะต้องถือเป็นเข้าใจว่ามันคือจำนวนเต็มจริงๆต้องไม่มีเศษหรือต้องถ้วนๆเท่านั้น  หลักสากลเค้าใช้เอามาเพื่อให้เข้าใจคร่าวๆ ใช้เรียกให้รวบรัด แล้วอยู่ที่ว่าคุณเอาไปสื่อถึงอะไรด้วย

  ส่วนประเด็นเรื่องตั้งร้านอันนี้ผมไม่ขอออกความเห็นกับจุดนี้แล้ว เพราะผมได้คำตอบมาแล้วก็อย่างที่ผมเอามาประกาศในกระทู้แจ้งเบาะแสไป ว่าเค้าใช้หลักอะไรในการดู  แล้วเมื่อดูแล้วมีโทษเลยหรือว่าอย่างไร  เพราะในชีวิตจริงถ้าจะดิ้นสู้ความกันมันละเอียดกว่า  คุณถูกกล่าวหาว่าคุณใช้คำโฆษณาให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดในสินค้าและราคา  ทาง สคบ.ก็เห็นว่าเข้าข่าย แต่ถ้าเกิดไปสู้คดีความกัน ฝ่ายคนขายไปให้สำนักโพลสำรวจประชาชน เป็นสำนักโพลที่มีชื่อเสียงและยอมรับกันในสังคมไปสำรวจคน 1000 คน  7000 เกิดบอกว่า เข้าใจว่าประกาศราคาถ้วนๆ  อีก 300 บอก ไม่คิดว่าจะถ้วน แน่นอนคุณผิด  แต่เกิด 700 คนบอกว่า ไม่คิดว่าจะถ้วน และอีก 300 บอก คิดว่าถ้วน ตรงนี้ก็เอามาเป็นข้อโต้แย้งได้น๊ะครับ  เพราะ สคบ.เค้าระบุไว้ว่า การโฆษณาผู้ค้าต้องใช้คำโฆษณาโดยยึดถือความเข้าใจของผู้บริโภคเป็นหลัก  นั่นคือคนขายจะตั้งราคาที่ตัวเองเข้าใจคนเดียวไม่ได้ ต้องตั้งราคาหรือถ้อยคำที่ให้คนซื้ออ่านแล้วเข้าใจว่ามันเป็นอย่างนั้น  แต่เค้าไม่ได้มีข้อย่อยระบุชัดเจนเลยว่าแบบใดต้องผิด แบบใดห้ามตั้ง  เค้าวัดเอาจากคนซื้อ จากความรู้สึกคนซื้อที่อ่านและมองแล้วรู้สึกหรือเข้าใจว่า ที่ประกาศมันเป็นอย่างไร  มันละเอียดและหลากหลายประเด็น ยังไม่สามารถออกกฏระบุชี้ชัดตรงตัวได้ว่าแบบนี้ผิด แบบนี้ไม่ผิด   ในเกมส์มันแค่ทีมงานตัดสิน เมื่อตัดสินแล้วก็ลงโทษ  เค้าไม่ได้ให้ทั้งสองฝ่ายทำสำนวนมาหักล้างสู้กัน  แต่บทสรุปลงท้ายของทั้งในเกมส์และชีวิตจริงมันจะลงที่จุดเดียวกันของการตัดสินคือ  อัยการและลูกขุนลงความเห็น  บางทีต่อให้เสียข้างมากจากโพลสำรวจคุณว่าไม่คิดว่าถ้วนตั้ง 700 ตน คุณดูเหมือนถูกละ แต่เค้าลงความเห็นว่าผิด คุณก็ผิดน๊ะ  ของเกมส์ถ้าทีมงานตัดสินแล้วว่าผิดหรือไม่ผิด มันก็คือสิ้นสุดการไต่สวนและลงโทษ  แต่ในชีวิตจริงคุณอุทรณ์ได้  ในเกมส์ได้มั้ยผมไม่รู้ เค้ามีเปิดให้ทำได้รึเปล่าไม่ทราบ  ในชีวิตจริงเราก็มีตั้งหลายคดีที่ใครๆก็ดูแล้วว่ามันผิด แต่มันก็กลับไม่ผิดได้ เยอะแยะมาก บางคดีดังแบบไม่อายใครเลย  g#036
สิ่งที่คุณกล่าวมาผมเข้าใจนะครับ แต่อะไรก็ตามที่ลงท้ายด้วย M ถ้าเป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน ก็จะมีการระบุว่าประมาณ
กว่าๆ, Approximately 
กรณีนี้ มองได้ว่าเป็นการติดฉลากสินค้าขนาดใหญ่ ระบุราคาไว้ที่หน้าร้าน อย่างชัดเจน และมีเจตนาให้คนเข้าใจว่าขายของนั้นๆ ที่ราคา 2.3 M ครับ
ยังไงการยกตัวอย่าง ผมอยากจะให้ยกตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นะครับ
อีกอย่างคือ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เศษเงินแต่อย่างใด เป็นจำนวนเงินที่ระบุไว้อย่างเด่นชัด
ประเด็นของเรื่องนี้ ที่ผมยอมปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ก็เพราะ ถ้ากรณีนี้ไม่มีความผิด
ต่อไปจะมีแต่คนตั้งร้านแบบนี้
ขายของราคา 1.1 M แต่ราคาจริงในร้านคือ  1,199,999  อะไรแบบนี้  เห็นแล้วน่ารำคาญนะครับ
ถ้าเผลอซื้อไปโดยที่ไม่ได้เช็คราคาข้างในดีๆ ก็เสียผลประโยชน์


  woon_yes woon_yes  ครับ  คือไอ้ตัวประเด็นการมองเนี่ย ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณสื่อตั้งแต่คอมเม้นที่เราคุยกันแรกๆแล้วครับ  ผมไม่ปฏิเสธหลักการคิดนี้น๊ะครับว่าไม่เป็นอยู่จริง  มันก็มีแบบที่คุณบอกจริงๆนั่นและครับ ก็คือการตั้งป้ายโฆษณาแสดงราคาสินค้าแบบย่อแล้วคนเข้าใจว่าจำนวนราคาจริงมันคือถ้วนๆ  แต่ที่ผมแย้งไปคือในกรณีนี้คือเรื่องไม่ใช่จำเพาะว่า  การมองตัวหลักเลขที่ย่อที่อยู่บนป้ายประกาศ ตัวเลขที่ยกมานั้นจะต้องมาจากจำนวนราคาเต็มจริงๆที่ต้องเป็นถ้วนๆเท่านั้น ไม่มีการบังคับว่าต้องถ้วนๆถึงยกตัวเลขมาบางหลักได้  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คำว่ากว่าๆ เริ่มต้นที่ หรือประมาณหรือคำอื่น ก็ไม่สามารถใช้ได้เลย   แล้วก็ไม่มีการตั้งข้อบังคับด้วยว่าจะต้องใช้คำเหล่านี้ใส่ร่วมลงไปทุกครั้งหากมีการหยิบยกตัวเลขขึ้นมาโฆษณา  มันอยู่ที่ว่าคุณสื่อถึงสินค้าอะไร  สินค้านั้นเป็นที่เข้าใจกันในผู้บริโภคอย่างแพร่หลายรึเปล่า  ตรงนี้ทาง สคบ. เป็นคนออกดูแลในเรื่องนี้ แต่เค้าก็ไม่สามารถระบุลงไปอย่างชัดเจนได้ว่า  ถ้ามีเศษต้องใช้คำอื่นเข้าช่วยแสดงด้วย หรือ ถ้ามีเศษต้องแสดงบนป้ายทั้งหมดเป็นราคาเต็มหลักเต็มจำนวน หรือมีเศษห้ามหยิบยกบางหลักขึ้นมาโฆษณา   แล้วก็ไม่มีการรับรองจากหน่วยงานหรือองค์กรหรือจากที่ใดว่า  จำนวนหลักตัวเลขที่ยกยอดมา ไม่ว่าจะเป็นใด หลักใด หน่วยอะไร  จำนวนเต็มของมันจริงๆต้องไม่มีเศษส่วนหรือต้องถ้วนๆเท่านั้น   ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคนที่อ่าน คนที่มองครับว่าคิดไปทางใด ซึ่งมันคล้องจองกับตัวนีี้อีกตัวคือ

 
  (ยาวอีกแล้ว ขออภัย ผมอธิบายที่ยาวเพราะอยากให้มันละเอียดสักนิดครับ)  ในการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับการโฆษณาเนี่ย  ที่ผมบอกไปว่าผมได้ข้อมูลมาแล้วได้ประกาศไปในกระทู้แจ้งเบาะแสไปแล้วคือ (ขอจับใจความสำคัญมันมาน๊ะ)  หลักการมองของเค้าและที่เค้าให้โฆษณา   เค้าให้ผู้ค้าที่จะทำการประกาศขายสินค้า ในประกาศหรือโฆษณาต้องถือเอาว่า ให้ผู้บริโภคเข้าใจเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ค้าเข้าใจ  ตรงนี้คือตรงกับที่คุณพูดไว้เลยครับ แต่ก็ยังไม่ผิดน๊ะครับเพราะยังไม่มีการพิจาณาและตัดสิน  คือคุณมองแล้วว่า 2.3M ในที่นี้ คุณเข้าใจว่ามันคือ สองล้านสามแสนบาทถ้วน  ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าเข้าข่าย คือคุณมองแล้วเข้าใจว่าแบบนั้น  เมื่อเข้าข่ายคุณก็แจ้ง  ทีมงานตัดสิน   ทีมงานพิจารณาแล้วว่าหลอกก็คือผิด  ตรงนี้ก็เป็นกระบวนการที่ถูกต้อง   ส่วนตัวจำเลยก็เห็นว่าไม่ยุติธรรมก็มาขออุทรณ์ให้พิจารณาใหม่   <<< เค้าก็ทำได้น๊ะครับ  แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่า กฏของเกมส์นี้ที่ว่า ถือการตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุดเนี่ย รวมถึงกรณีแบบนี้หรือเปล่า  ถ้าใช้หมดทุกกรณีต้องไม่มีการอุทรณ์ เพราะสิ้นสุดไปแล้ว การจะขอให้กลับมาตัดสินใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย  หรือถ้าให้ตีความอีกทาง  การตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุด  ก็อาจจะเป็นได้ว่า  ถ้าทีมงานจะเอามาพิจารณาอีกครั้งก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำใหม่อีกครั้ง ก็ถือว่าสิ้นสุด ห้ามคัดค้าน อย่างนั้นรึเปล่า  g#004  บอกตรงๆผมไม่ค่อยเชื่อมั่นในอะไรที่นี่เท่าไหร่ ชักว่าวกันบ่อย  บ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดา  ใช้คำว่า การตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุดเปลืองมาก  แต่แล้วมันก็เจอสิ้นสุดของสิ้นสุดอยู่ตลอด  เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า 

   เอ่ามาเข้าเรื่องต่อ   ทีนี้จำเลยมาอุทรณ์ เค้าก็มีเหตุผลและข้อโต้แย้งของเค้ามา  ฝายที่เห็นว่าผิดก็มีข้อมูลของเค้ามาเหมือนกัน  สุดท้ายก็กลับไปจุดเดิมอีกละ คือให้ทีมงานไปพิจาณาใหม่

  ที่ผมโต้แย้งกับคุณก็ว่าด้วยเรื่องหลักการที่คุณหยิบยกมาในการมองเจ้าตัว 2.3M  ถ้าคุณบอกว่า  ผมมองแล้วเข้าใจว่ามันคือ สองล้านสามแสนบาทถ้วน  มันก็ถูก ผมมองผมก็เข้าใจแบบนั้นครับ  แต่ที่ผมแย้งคุณคือ คุณบอกว่าถ้ามีกรณีตั้งแบบนี้  ตามหลักสากลเค้าถือว่าเป็น 2.300.000 หรือเรียกว่าเป็นมาตรฐานก็ว่าได้  อันนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะมันไม่ใช่ มันเป็นความเข้าใจในการมองเลขจำนวนนั้นแต่ละคน  ขึ้นอยู่กับว่าเลขจำนวนนั้นจะสื่อถึงอะไร หน่วยวัด หน่วยราคา  แล้วก็มีอีกคือ ถ้าคือหน่วยราคาของสินค้า ตัวสินค้าอะไร  ตัวสินค้ามีความเข้าใจแพร่หลายในราคาแค่ไหน  ถ้าทุกคนเข้าใจในตัวสินค้าไปในทางเดียวกันหมดเช่น  ถุงยางกล่องละ 50 บาท  ที่ไหนๆก็ขาย 50 บาท  ไม่มีที่ไหนเค้าขาย 50.50 สตางค์กันหรอก   อย่างเนี้ยคุณเอาเลข 5 กับเลข 0 ขึ้นป้ายวางไว้หน้าตัวสินค้าได้เลยโดยไม่ต้องลงหน่วยว่าเป็นบาทก็ยังได้  คนเค้าเข้ากันกันดี มันแพร่หลาย มองปุ๊บเข้าใจปั๊บ ไม่เข้าใจก็ต้องถามหรือดูราคาจริงที่ตัวสินค้า   แต่ถ้าผมบอกขายบ้าน 2.7 ล้าน ผมไม่ใส่กว่าๆ เริ่มต้นที่ เอาแค่ ขายบ้าน 2.7 ล้าน แค่นี้พอ  คุณว่าถ้ามีคนสนใจจะซื้อแล้วเค้าโทรมา  สิ่งแรกที่เค้าจะถามผมคืออะไร   จะถามว่า ขายสองล้านเจ็ดถ้วนๆเลยเหรอค๊ะ คือสอบถามราคาเต็มๆก่อน  หรือ  บ้านที่ประกาศขายฉันเอาน๊ะค๊ะ   คุณว่าเค้าจะเห็นราคาปุ๊บ ดูบ้านปั๊บ  เค้าจะไม่ถามราคาจริงๆผมเหรอครับว่าขายเท่าไหร่ เห็นปุ๊บซื้อปั๊บโดยไม่ถามราคาจริงเลย  เค้าจะคิดจริงๆเหรอครับว่าสองล้านเจ็ดแสนบาทถ้วนๆ  บ้านที่ไหนขายราคาถ้วนๆบ้าง  หายากน๊ะครับ อย่างน้อยๆต้องมีเศษหลักหมื่นบ้างละเพราะเค้ารู้ๆและเข้าใจกันว่า การซื้อขายบ้านส่วนใหญ่เค้าเป็นอย่างไร ราคามันมักไม่เป็นเลข 0 ถ้วนๆกันหรอก  เพราะฉะนั้นผมถึงบอกไงครับ อยู่ที่ใครมอง มองอะไร สินค้าตัวที่ขายนั้นมันแพร่หลายให้เค้าเข้าใจได้แค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือคนขายที่สื่อออกไป  อย่างกรณีขายบ้านที่ผมยกตัวอย่างว่า ขายบ้าน 2.7 ล้าน  อันนี้ก็ยอมรับว่าเป็นการสื่อที่ไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็ทำให้คนซื้อเข้าใจผิดก็เป็นได้

     แต่หลักการเลือกซื้อของ ของคนเรานั้น  ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม  ไม่มีใครให้ถามก็ดูฉลากหรือใบสุทธิราคาสินค้า  ถ้าเห็นป้ายปุ๊บ หยิบปั๊บ  ไม่ดูราคาของ  เข้าใจตามป้ายสั้นๆย่อๆ ที่ไม่ใช่ราคาสินค้าเต็มๆจริงๆ เวลาคิดตังค์ไม่ใช่ราคานั้นดันมีเศษส่วนอีกแล้วไปแจ้งเค้าข้อหาหลอกลวง  เค้าก็จะถามคุณว่า สินค้าที่คุณซื้อมีฉลากราคาแสดงบอกไว้ครบถ้วนมั้ย  มีค่ะ   แล้วก่อนคุณซื้อคุณได้อ่านราคาจากตัวสินค้าที่จะซื้อมั้ย หรือได้สอบถามราคาจากคนขายมั้ยครับ   เปล่าค่ะ ดิฉันรีบ ก็ป้ายหน้าร้านบอกว่าขายถุงขี้ 2.7 ล้าน ฉันก็รีบเข้าร้านไปหยิบสินค้ามาคิดเงินเพราะกลัวของจะหมด  ฉันคิดว่ามันราคาตามป้ายโฆษณาหน้าร้านอะค่ะ 2.7 คือ สองล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน    แล้วที่ป้ายเค้าบอกเหรอครับว่า 2.7 ล้านบาทถ้วน  เปล่าค่ะ  ดิฉันเข้าใจว่ามันใช่  ที่ไหนๆเค้าก็เข้าใจกันว่ามันใช่คะ อย่างนี้ก็เท่ากับโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคสิค๊ะ    เอ่อ ที่ไหนๆที่คุณว่าใช้มันคือที่ไหนครับ มีอะไรมายืนยันรึเปล่า  เพราะจากดุลยพินิจของผม ผมเห็นว่ามันไม่ได้เข้าข่ายหลอกลวงน๊ะครับ  ราคาที่ตั้งกับราคาสินค้าจริงต่างตรงเศษส่วนซึ่งมันก็เป็นไปได้  แล้วการเลือกซื้อของนั้น หากคุณจะซื้อสินค้าใด คุณต้องดูราคาจริงที่ตัวสินค้า ตามหลักกฏหมายเค้าถือเอาราคาที่ระบุไว้ที่ตัวสินค้าเป็นหลัก  และหากเห็นว่าราคาสินค้าจริงมีเศษส่วนหรือไม่ตรงตามที่คุณเข้าใจเมื่อเห็นป้ายราคาจากป้ายโฆษณาในทีแรก   คุณสามารถปฏิเสธไม่รับหรือไม่ซื้อสินค้านั้นได้น๊ะครับ   หรือหากก่อนคุณจะซื้อคุณเห็นว่าราคาที่ป้ายกับราคาจริงนั้นมีเศษส่วนที่ไม่ได้ระบุไว้ที่ป้ายโฆษณา คุณสามารถตัดสินใจไม่ซื้อได้เลย   แต่ยังไงผมจะทำหนังสือไปถึงร้านนั้นให้เค้าเปลี่ยนแปลงคำโฆษณาเสียใหม่ให้เข้าใจมากขึ้น    อ่าว แล้วอย่างนี้ไม่มีการลงโทษเหรอค๊ะ    เอ่อ คือถ้าราคาที่บนป้ายโฆษณาเค้าระบุหรือบ่งชี้ว่าเป็นราคาถ้วนๆหรือแสดงราคาเต็มๆของสินค้า  แล้วเมื่อคุณได้มาดูราคาจริงที่ตัวสินค้าหรือได้รับทราบราคาจริงของสินค้าจากผู้ขาย แล้วมันไม่ตรงกันกับที่โฆษณาถึงเข้าข่ายโฆษณาหลอกลวงครับ แต่จากคำโฆษณาเค้าไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นจำนวนถ้วนๆครับ  ซึ่งคุณเข้าใจว่ามันถ้วนๆ แต่ผมเอาจากความเข้าใจคุณไม่ได้ครับ เพราะไม่มีข้อบังคับหรือหลักการใดให้ไว้ว่ามันต้องเป็นถ้วนๆครับ  คุณมองแล้วอาจจะเข้าใจว่าถ้วน แต่ถ้ามองหลายๆคนก็คิดไปต่างกันครับ  คงทำได้แค่ให้เค้าเปลี่ยนถ้อยคำใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น    แต่ถ้าคุณเสียทรัพย์จากการซื้อสินค้าที่รับทราบราคาจริงจากผู้ขายหรือทราบราคาจริงจากตัวสินค้า แต่เวลาถูกเรียกเก็บชำระเงินกลับมีราคาสูงกว่าที่ระบุไว้ที่ตัวสินค้า  คุณสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ครับ

  ^^^ นี่เป็นเรื่องแต่งอิงขึ้นน๊ะครับ  เหตุการ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น  อยากรู้ต้องโทรถาม สคบ. ครับ  woon_sunny


    บางคนก็ว่าน๊ะครับ จะเอาเรื่องจริงมายกตัวอย่างให้ปนเปทำไมกับเรื่องในเกมส์  ที่ต้องยกมาเพราะไม่ว่าจะในเกมส์ จะโลกจริง การจะพิจารณาตัดสินคดีความอะไรก็ตาม มันก็ต้องใช้หลักการ หลักความจริง สิ่งที่อ้างอิงเชื่อถือได้เอามาประกอบการพิจาณาเหมือนๆกัน  ไม่งั้นศาลไม่ต้องมีคณะลูกขุน  อัยการอ่านสำนวนคดีแล้วคิดเอาเองแล้วอัยการเห็นพ้องคนเดียวว่าผิด สั่งติดคุกเลย  บอกเห็นว่าผิด ติดคุก  ถ้าแบบนี้เค้าไม่เรียกหลักการ แต่เป็น หลักกู  แล้วการตัดสินนั้นจะเป็นที่ยอมรับกันได้เหรอครับ  นี่ขนาดบางคดีศาลพิพากษาสิ้นสุดไปแล้วแต่ก็ยังเป็นที่คาใจของอีกหลายๆคน เพราะเค้าเชื่อว่า แบบนั้นไม่ผิด  แล้วจะไปนับประสาอะไรกับการลงโทษในเกมส์ครับ  เมื่อทีมงานพิจาณาลงโทษไปแล้วก็จะมีกลุ่มหนึ่งว่าผิด อีกกลุ่มว่าไม่ผิด  ทีมงานก็ต้องใช้หลักการ ใช้องค์ประกอบต่างๆมาพิจาณาเหมือนกัน หรือว่าคิดเอาคนเดียว เอาความรู้สึกตัวเองอันนี้ผมก็ไม่รู้น๊ะ  #038  แล้วสิทธิ์การชี้ขาดก็เป็นของเค้าด้วย  ใครว่าผิด ใครว่าถูกไม่รู้ละ แต่ถ้าเค้าชี้มาแล้วก็คือต้องแบบนั้น ที่นี่เค้าใหญ่  กฏก็เค้าร่าง  เค้าเป็นคนบังคับใช้ เป็นคนพิจารณา

   ส่วนเรื่องกลัวคนอื่นจะเอาแง่แบบนี้ไปตั้งร้านบ้างแล้วมีคนเข้าใจผิด  อันนี้ผมก็เข้าใจน๊ะ ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้มีตรงนี้  ทางแก้ก็คงต้องให้ทีมงานระบุออกมาละว่าถ้ามีเศษส่วนห้ามตั้ง ให้ใช้คำอื่น  บังคับใช้ทั่วกัน ถ้าแบบนี้มีใครแพลมๆตั้งมานิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ ถือว่าผิดหมด  แต่มันจะลำบากไปน๊ะผมว่า ลำบากคนเล่นไม่ได้ลำบากทีมงาน  ส่วนคนซื้อผมว่าให้เด็ก 12 ขวบก็ไม่น่าจะพลาดน๊ะ  การซื้อของเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กให้ดูราคาจริงที่สินค้าแล้วก็ใช้จริงในชีวิตประจำวัน   ถ้าหละหลวมหรือเลินเล่อในการเลือกซื้อ ให้อายุ 60 ขวบก็พลาดได้  ผมก็ตั้งราคาของในร้านพลาดอยู่บ่อยๆ โดนดึงหมด ซวยไป ตั้งเองกับมือแท้ๆ   ไม่ใช่ระบบร้านค้าเกมส์ไม่ดี  ผมต่างหากที่รีบร้อน ประมาทเอง   

  แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้ต้องรอดูคำชี้แจงจากทีมงานก่อนน๊ะว่าเค้าจะเอายังไง  ตกลงว่าให้ผิดหรือให้ไม่ผิด  เพราะตอนนี้ถึงให้คุณมาเถียงกันให้ตาย ยิงกันตายไปข้าง  แต่คนตัดสินใจคือทีมงาน 


Before

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 94
อ้างถึง
แล้วกฏข้อไหนของทีมงาน ที่ระบุไว้ว่า 2.3m ต้องเป็น 2,300,000 เสมอ!!! หละครับ คุณมีมาให้ผมดูไหม???
อันนี้มันยิ่งกว่ากฎอีกนะครับ
มันคือสัจนิรันดร์ หรือสิ่งที่เป็นจริงเสมอ
หรือจะเรียกว่ามาตรฐานก็คงไม่ผิด ผมไม่แน่ใจนะว่าคุณเข้าใจคำว่ามาตรฐานรึเปล่า ?
ถ้าจะอธิบายผมก็อย่าเปิด google มานะครับ
ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ?
เพราะ 2.3 M มันคือคำย่อของ 2.3 Mega หรือ Million ก้อคือคูณด้วยหนึ่งล้าน
และมันถูกพิสูจน์แล้วในเกม
ทุกคน 100 ทั้ง 100 เมื่อมีการพูดถึง 2.3 M นั่นคือ 2,300,000

 นาย อันนี้เราขอแย้งนิดน๊ะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นกระทู้น๊ะ เอาเรื่องประเด็นการยกย่อตัวเลข  ประเด็น 2.3M ไม่ใช่มาตรฐานต้องเป็น 2.300.000 ล้านถ้วนๆน๊ะครับ  หลักสากลที่เค้าเรียก 2.3M คือสองล้านสามแสนมันคือหลักคร่าวๆครับ ย่อมาจากจำนวนเต็มจริงเพื่อให้เข้าใจว่า จำนวนเงินมันคือ สองล้านสามแสน อยู่ในหลัก สองล้านสามแสน แต่ไม่ได้ระบุตายตัวว่าต้องไม่มีเศษส่วน   ถามว่าเพราะอะไร เพราะถ้ามาโดดๆ 2.3 ไม่มี M บาท หมื่น แสน ล้าน ไม่มีหน่วยราคา ไม่มีหน่วยวัด การเอาไปใช้ก็ไม่บ่งบอกว่ามันคืออะไรไอ้ตัว 2.3 มันมาจากอะไร       2.3 นั้นก็เท่ากับไม่รู้ที่มาว่ามันคืออะไร เป็นเลขของอัตราส่วนอะไร มาจากไหน  พอใส่ M หรือ บาท หรือ ล้าน หมื่น แสน  ทำให้รู้ว่าไอ้ตัว 2.3 มันมาจากหน่วยอะไร  ให้เข้าใจว่าเค้าใช้เลข 2 ตัวนี้ กับจุดทศนิยมนั้นมาจากหน่วยอะไร หมายถึงอะไร ราคา หน่วยวัด ตวง หรืออะไร    แต่เป็นการบอกแค่คร่าวๆน๊ะครับ ไม่ได้บ่งบอกว่าจำนวนหลักจริงๆของมันต้องถ้วนๆ

   อย่างประโยคบอกเล่าคำพูด  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ   <<< ถ้ามาถ้วนๆอย่างนี้ ผมยกมาโดดๆอย่างนี้คนอ่านก็ไม่รู้ว่าผมหมายถึงอะไร ราคา หน่วยวัด หรืออะไร   แต่ถ้าผมบอกไปอีกว่า ก่อนหน้าที่ผมพูดคำนี้ คุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของอู่รถอยู่เรื่อง รถผมคันนี้นายว่าถ้าจะขายนายจะให้ราคามันเท่าไหร่      อย่างนี้คนอ่านจะเข้าใจทันทีเลยว่า  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ  มีหน่วยเป็นราคา   แต่คุณก็ยังไม่รู้อีกละว่าหน่วยมันเป็นอะไร หมื่น แสน หรือ ล้าน หรือเท่าไหร่  จนกว่าคุณจะได้ทราบว่าผมขับรถอะไร รุ่นอะไร  สมุตติว่าผมขับ BMW 318i ตัวใหม่  คุณจะอ่านออกเองทันทีว่า  น่าจะราคาอยู่ที่ 4.7 หรือ 4.8 น๊ะ  คือหลักล้านแน่  หรือถ้าไม่แน่ใจคุณจะถามผมว่า ล้านหรือแสน  ซึ่งตามความเข้าใจกันคงจะคิดว่าเป็นหลักหมื่นหลักพันไม่ได้แน่


  แล้วสมมุติว่าผมขายรถไปแล้ว เจอเพื่อนอีกคนถามว่า เห้ย ขายรถไปเท่าไหร่ ได้เท่าไหร่ละ ร้านมันให้เท่าไหร่  ผมตอบว่า 4.7 วะ หรือถ้าแปลงเป็นคำพูดก็ต้องพูดว่า สี่ล้านเจ็ดวะ   ถ้าคุณเป็นคนฟัง แล้วผมพูดย่อๆสั้นๆกระทัดรัดแค่นี้ คุณจะถามผมต่อมั้ยว่า  สี่ล้านเจ็ดถ้วนๆเลยเหรอวะ  ผมก็ต้องตอบว่า สี่ล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นสามพันบาทวะ (4.753.000) หรือ สี่ล้านเจ็ดแสนห้ากว่าๆวะ  ร้านเพื่อนกันเองมันให้ราคาดี   กรณีแบบนี้มีเกิดขึ้นจริงมั้ยครับ  มันเกิดขึ้นอยู่จริงในชีวิตประจำวันเราใช่มั้ยครับ  คุณก็ต้องเคยเจอมาบ้าง  นี่เป็นประโยคคำพูดสนทนาที่สามารถพูดได้ละเอียดกว่าการมาเขียนประกาศในเนื้อที่จำกัด แต่เราก็ใช้การย่อหลักมาพูดกันอยู่เสมอๆ  แล้วคำว่า 4.7 หรือ 4.7ล้าน ก็ไม่ได้ระบุบังคับใช้ว่า จะต้องนำมาใช้ต่อเมื่อจำนวนเต็มของมันทั้งหมดต้องเป็นจำนวนถ้วนๆเท่านั้น สามารถมีเศษได้  อยู่ที่คุณเอาไปสื่อถึงอะไร  หลักสากลที่ใช้กันมันแค่บ่งบอกจำนวนคร่าวๆ เป็นการตัดย่อสั้นๆมาใช้  เค้ามักนิยมใช้กันเพื่อรวบรัด  แต่ไม่ได้มีการห้ามใช้ถ้าจำนวนเต็มมีเศษส่วน  แต่การเอาไปใช้ก็ต้องดูที่ว่า ที่คุณเอาไปใช้ย่อในข้อความ ประโยคนั้นๆ คุณจะสื่อถึงอะไร  สื่อเพื่อให้เค้าเข้าใจว่าอะไร 

  กรณีที่ใช้ย่อโดยให้เข้าใจว่าจำนวนเต็มไม่มีเศษส่วนก็มีครับ  อย่างคุณรู้จักสินค้าชนิดหนึ่งมานาน คุณเห็นการปรับราคาเค้ามาตลอด  เอกลักษณ์ของการปรับราคาบริษัทนี้ไม่ปัดราคาให้มีเศษส่วน จะปรับราคาเพิ่มหรือลดเป็นจำนวนถ้วนๆเสมอ อย่างเช่น ถุงยางยี่ห้อนี้ เมื่อ 3 ปีก่อนราคา 30 บาท  พอ 2 ปีที่แล้วมีการปรับราคา เค้าขึ้นเป็น 40 บาท  มาปีนี้ราคาขึ้นอีกเป็น 50 บาท  อย่างนี้ทุกคนเข้าใจหมดว่ามันขายเป็นจำนวนถ้วนๆ ไม่มีเศษส่วน  ถ้าติดป้ายประกาศ ถุงยางยี่ห้อ ..... 50 หรืออาจจะขายถูก 40  ติดป้าย 40  ด้วนๆแบบนี้อะ  ทุกคนเข้าใจหมดแน่นอนว่าราคาจริงต้อง 40 หรือ 50 บาทถ้วน ต้องไม่ใช่ 40.75 สตางค์ หรือ 50.75 สตางค์  เพราะบริษัทนี่เป็นอันที่เราเข้าใจกันในราคาสินค้ามันละว่ามันไม่ขายของมีเศษส่วนแน่ๆ

   หรือถ้าเกิดมีบริษัทและสินค้าใดถูกสั่งหรือบังคับให้ต้องขายไม่เกินราคาที่เค้าระบุให้ขาย เช่น บริษัทนำเข้ารถยนต์แห่งหนึ่ง ถูกสั่งให้ต้องขายภายในประเทศได้ต้องไม่เกินราคานี้ๆๆๆๆ  ผมสมมุติว่าราคานี้คือถูกควบคุมว่าต้องไม่เกิน 35 ล้านบาทแล้วกันน๊ะ  เต็มๆของมันคือ 3.500.000 ล้านบาท  ถ้าเลขย่อของมันก็คือ 3.5 ล้าน หรือ 3.5 M   ทีนี้ทุกคนรับทราบหมดเพราะมีประกาศมาแจ้งให้ทราบว่าบริษัทนี้จะขายรถคันนี้ได้ยังไงก็ต้องไม่เกิน 35 ล้าน   แล้วบริษัทก็จะขาย 35 ล้านบาทเต็มๆ ถ้วนๆเลย คือเอาเต็มอัตราที่ทำได้  เค้าก็ติดป้ายประกาศโฆษณาว่า ขายรถรุ่นนี้ 3.5 M หรือ ขายรถคันนี้ 3.5 ล้านบาท ถ้าอย่างนี้ไม่น่าแปลกใจอะไรเลยที่คนจะเข้าใจว่า 3.5 จากประกาศนี้คือ 3.500.000 บาทถ้วน  เพราะเค้ารับทราบและเข้าใจมาจากประกาศอันนั้นแล้วว่า ยังไงมันบริษัทก็ขายรถคันนี้ก็ได้ไม่เกิน 3.5 ล้านบาทถ้วนๆ     

   กรณีให้เข้าใจว่าเป็นเลขจำนวนถ้วนๆก็มีเยอะน๊ะครับในชีวิตจริงเรา สินค้าบางอย่างก็ถูกควบคุมราคาไว้ว่าต้องไม่เกินเท่าไหร่  แค่ใช้หลักย่อสั้นๆมาประกาศคนก็เข้าใจแล้วว่ามันคือจำนวนเต็มถ้วนๆ  บางอย่างก็ไม่สามารถทำให้คนเข้าใจได้น๊ะครับว่าราคาจริงๆมันคือจำนวนถ้วนๆ  ขึ้นอยู่ที่คุณสื่ออะไร  แบบไหน  สินค้าคุณคืออะไร  หลายๆอย่างอะ มันจึงมีที่เข้าใจได้ 2 แบบครับ เข้าใจว่าถ้วนๆ กับ เข้าใจว่ามีเศษส่วน อยู่ที่คุณจะสื่อ และอยู่ที่คนรับข่าวสารว่าเค้าเข้าใจอย่างไร  ไม่ใช่ว่าถ้ายกตัวเลขมาจะต้องถือเป็นเข้าใจว่ามันคือจำนวนเต็มจริงๆต้องไม่มีเศษหรือต้องถ้วนๆเท่านั้น  หลักสากลเค้าใช้เอามาเพื่อให้เข้าใจคร่าวๆ ใช้เรียกให้รวบรัด แล้วอยู่ที่ว่าคุณเอาไปสื่อถึงอะไรด้วย

  ส่วนประเด็นเรื่องตั้งร้านอันนี้ผมไม่ขอออกความเห็นกับจุดนี้แล้ว เพราะผมได้คำตอบมาแล้วก็อย่างที่ผมเอามาประกาศในกระทู้แจ้งเบาะแสไป ว่าเค้าใช้หลักอะไรในการดู  แล้วเมื่อดูแล้วมีโทษเลยหรือว่าอย่างไร  เพราะในชีวิตจริงถ้าจะดิ้นสู้ความกันมันละเอียดกว่า  คุณถูกกล่าวหาว่าคุณใช้คำโฆษณาให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดในสินค้าและราคา  ทาง สคบ.ก็เห็นว่าเข้าข่าย แต่ถ้าเกิดไปสู้คดีความกัน ฝ่ายคนขายไปให้สำนักโพลสำรวจประชาชน เป็นสำนักโพลที่มีชื่อเสียงและยอมรับกันในสังคมไปสำรวจคน 1000 คน  7000 เกิดบอกว่า เข้าใจว่าประกาศราคาถ้วนๆ  อีก 300 บอก ไม่คิดว่าจะถ้วน แน่นอนคุณผิด  แต่เกิด 700 คนบอกว่า ไม่คิดว่าจะถ้วน และอีก 300 บอก คิดว่าถ้วน ตรงนี้ก็เอามาเป็นข้อโต้แย้งได้น๊ะครับ  เพราะ สคบ.เค้าระบุไว้ว่า การโฆษณาผู้ค้าต้องใช้คำโฆษณาโดยยึดถือความเข้าใจของผู้บริโภคเป็นหลัก  นั่นคือคนขายจะตั้งราคาที่ตัวเองเข้าใจคนเดียวไม่ได้ ต้องตั้งราคาหรือถ้อยคำที่ให้คนซื้ออ่านแล้วเข้าใจว่ามันเป็นอย่างนั้น  แต่เค้าไม่ได้มีข้อย่อยระบุชัดเจนเลยว่าแบบใดต้องผิด แบบใดห้ามตั้ง  เค้าวัดเอาจากคนซื้อ จากความรู้สึกคนซื้อที่อ่านและมองแล้วรู้สึกหรือเข้าใจว่า ที่ประกาศมันเป็นอย่างไร  มันละเอียดและหลากหลายประเด็น ยังไม่สามารถออกกฏระบุชี้ชัดตรงตัวได้ว่าแบบนี้ผิด แบบนี้ไม่ผิด   ในเกมส์มันแค่ทีมงานตัดสิน เมื่อตัดสินแล้วก็ลงโทษ  เค้าไม่ได้ให้ทั้งสองฝ่ายทำสำนวนมาหักล้างสู้กัน  แต่บทสรุปลงท้ายของทั้งในเกมส์และชีวิตจริงมันจะลงที่จุดเดียวกันของการตัดสินคือ  อัยการและลูกขุนลงความเห็น  บางทีต่อให้เสียข้างมากจากโพลสำรวจคุณว่าไม่คิดว่าถ้วนตั้ง 700 ตน คุณดูเหมือนถูกละ แต่เค้าลงความเห็นว่าผิด คุณก็ผิดน๊ะ  ของเกมส์ถ้าทีมงานตัดสินแล้วว่าผิดหรือไม่ผิด มันก็คือสิ้นสุดการไต่สวนและลงโทษ  แต่ในชีวิตจริงคุณอุทรณ์ได้  ในเกมส์ได้มั้ยผมไม่รู้ เค้ามีเปิดให้ทำได้รึเปล่าไม่ทราบ  ในชีวิตจริงเราก็มีตั้งหลายคดีที่ใครๆก็ดูแล้วว่ามันผิด แต่มันก็กลับไม่ผิดได้ เยอะแยะมาก บางคดีดังแบบไม่อายใครเลย  g#036
สิ่งที่คุณกล่าวมาผมเข้าใจนะครับ แต่อะไรก็ตามที่ลงท้ายด้วย M ถ้าเป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน ก็จะมีการระบุว่าประมาณ
กว่าๆ, Approximately 
กรณีนี้ มองได้ว่าเป็นการติดฉลากสินค้าขนาดใหญ่ ระบุราคาไว้ที่หน้าร้าน อย่างชัดเจน และมีเจตนาให้คนเข้าใจว่าขายของนั้นๆ ที่ราคา 2.3 M ครับ
ยังไงการยกตัวอย่าง ผมอยากจะให้ยกตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นะครับ
อีกอย่างคือ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เศษเงินแต่อย่างใด เป็นจำนวนเงินที่ระบุไว้อย่างเด่นชัด
ประเด็นของเรื่องนี้ ที่ผมยอมปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ก็เพราะ ถ้ากรณีนี้ไม่มีความผิด
ต่อไปจะมีแต่คนตั้งร้านแบบนี้
ขายของราคา 1.1 M แต่ราคาจริงในร้านคือ  1,199,999  อะไรแบบนี้  เห็นแล้วน่ารำคาญนะครับ
ถ้าเผลอซื้อไปโดยที่ไม่ได้เช็คราคาข้างในดีๆ ก็เสียผลประโยชน์


  woon_yes woon_yes  ครับ  คือไอ้ตัวประเด็นการมองเนี่ย ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณสื่อตั้งแต่คอมเม้นที่เราคุยกันแรกๆแล้วครับ  ผมไม่ปฏิเสธหลักการคิดนี้น๊ะครับว่าไม่เป็นอยู่จริง  มันก็มีแบบที่คุณบอกจริงๆนั่นและครับ ก็คือการตั้งป้ายโฆษณาแสดงราคาสินค้าแบบย่อแล้วคนเข้าใจว่าจำนวนราคาจริงมันคือถ้วนๆ  แต่ที่ผมแย้งไปคือในกรณีนี้คือเรื่องไม่ใช่จำเพาะว่า  การมองตัวหลักเลขที่ย่อที่อยู่บนป้ายประกาศ ตัวเลขที่ยกมานั้นจะต้องมาจากจำนวนราคาเต็มจริงๆที่ต้องเป็นถ้วนๆเท่านั้น ไม่มีการบังคับว่าต้องถ้วนๆถึงยกตัวเลขมาบางหลักได้  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คำว่ากว่าๆ เริ่มต้นที่ หรือประมาณหรือคำอื่น ก็ไม่สามารถใช้ได้เลย   แล้วก็ไม่มีการตั้งข้อบังคับด้วยว่าจะต้องใช้คำเหล่านี้ใส่ร่วมลงไปทุกครั้งหากมีการหยิบยกตัวเลขขึ้นมาโฆษณา  มันอยู่ที่ว่าคุณสื่อถึงสินค้าอะไร  สินค้านั้นเป็นที่เข้าใจกันในผู้บริโภคอย่างแพร่หลายรึเปล่า  ตรงนี้ทาง สคบ. เป็นคนออกดูแลในเรื่องนี้ แต่เค้าก็ไม่สามารถระบุลงไปอย่างชัดเจนได้ว่า  ถ้ามีเศษต้องใช้คำอื่นเข้าช่วยแสดงด้วย หรือ ถ้ามีเศษต้องแสดงบนป้ายทั้งหมดเป็นราคาเต็มหลักเต็มจำนวน หรือมีเศษห้ามหยิบยกบางหลักขึ้นมาโฆษณา   แล้วก็ไม่มีการรับรองจากหน่วยงานหรือองค์กรหรือจากที่ใดว่า  จำนวนหลักตัวเลขที่ยกยอดมา ไม่ว่าจะเป็นใด หลักใด หน่วยอะไร  จำนวนเต็มของมันจริงๆต้องไม่มีเศษส่วนหรือต้องถ้วนๆเท่านั้น   ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคนที่อ่าน คนที่มองครับว่าคิดไปทางใด ซึ่งมันคล้องจองกับตัวนีี้อีกตัวคือ

 
  (ยาวอีกแล้ว ขออภัย ผมอธิบายที่ยาวเพราะอยากให้มันละเอียดสักนิดครับ)  ในการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับการโฆษณาเนี่ย  ที่ผมบอกไปว่าผมได้ข้อมูลมาแล้วได้ประกาศไปในกระทู้แจ้งเบาะแสไปแล้วคือ (ขอจับใจความสำคัญมันมาน๊ะ)  หลักการมองของเค้าและที่เค้าให้โฆษณา   เค้าให้ผู้ค้าที่จะทำการประกาศขายสินค้า ในประกาศหรือโฆษณาต้องถือเอาว่า ให้ผู้บริโภคเข้าใจเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ค้าเข้าใจ  ตรงนี้คือตรงกับที่คุณพูดไว้เลยครับ แต่ก็ยังไม่ผิดน๊ะครับเพราะยังไม่มีการพิจาณาและตัดสิน  คือคุณมองแล้วว่า 2.3M ในที่นี้ คุณเข้าใจว่ามันคือ สองล้านสามแสนบาทถ้วน  ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าเข้าข่าย คือคุณมองแล้วเข้าใจว่าแบบนั้น  เมื่อเข้าข่ายคุณก็แจ้ง  ทีมงานตัดสิน   ทีมงานพิจารณาแล้วว่าหลอกก็คือผิด  ตรงนี้ก็เป็นกระบวนการที่ถูกต้อง   ส่วนตัวจำเลยก็เห็นว่าไม่ยุติธรรมก็มาขออุทรณ์ให้พิจารณาใหม่   <<< เค้าก็ทำได้น๊ะครับ  แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่า กฏของเกมส์นี้ที่ว่า ถือการตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุดเนี่ย รวมถึงกรณีแบบนี้หรือเปล่า  ถ้าใช้หมดทุกกรณีต้องไม่มีการอุทรณ์ เพราะสิ้นสุดไปแล้ว การจะขอให้กลับมาตัดสินใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย  หรือถ้าให้ตีความอีกทาง  การตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุด  ก็อาจจะเป็นได้ว่า  ถ้าทีมงานจะเอามาพิจารณาอีกครั้งก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำใหม่อีกครั้ง ก็ถือว่าสิ้นสุด ห้ามคัดค้าน อย่างนั้นรึเปล่า  g#004  บอกตรงๆผมไม่ค่อยเชื่อมั่นในอะไรที่นี่เท่าไหร่ ชักว่าวกันบ่อย  บ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดา  ใช้คำว่า การตัดสินใจของทีมงานเป็นที่สิ้นสุดเปลืองมาก  แต่แล้วมันก็เจอสิ้นสุดของสิ้นสุดอยู่ตลอด  เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า 

   เอ่ามาเข้าเรื่องต่อ   ทีนี้จำเลยมาอุทรณ์ เค้าก็มีเหตุผลและข้อโต้แย้งของเค้ามา  ฝายที่เห็นว่าผิดก็มีข้อมูลของเค้ามาเหมือนกัน  สุดท้ายก็กลับไปจุดเดิมอีกละ คือให้ทีมงานไปพิจาณาใหม่

  ที่ผมโต้แย้งกับคุณก็ว่าด้วยเรื่องหลักการที่คุณหยิบยกมาในการมองเจ้าตัว 2.3M  ถ้าคุณบอกว่า  ผมมองแล้วเข้าใจว่ามันคือ สองล้านสามแสนบาทถ้วน  มันก็ถูก ผมมองผมก็เข้าใจแบบนั้นครับ  แต่ที่ผมแย้งคุณคือ คุณบอกว่าถ้ามีกรณีตั้งแบบนี้  ตามหลักสากลเค้าถือว่าเป็น 2.300.000 หรือเรียกว่าเป็นมาตรฐานก็ว่าได้  อันนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะมันไม่ใช่ มันเป็นความเข้าใจในการมองเลขจำนวนนั้นแต่ละคน  ขึ้นอยู่กับว่าเลขจำนวนนั้นจะสื่อถึงอะไร หน่วยวัด หน่วยราคา  แล้วก็มีอีกคือ ถ้าคือหน่วยราคาของสินค้า ตัวสินค้าอะไร  ตัวสินค้ามีความเข้าใจแพร่หลายในราคาแค่ไหน  ถ้าทุกคนเข้าใจในตัวสินค้าไปในทางเดียวกันหมดเช่น  ถุงยางกล่องละ 50 บาท  ที่ไหนๆก็ขาย 50 บาท  ไม่มีที่ไหนเค้าขาย 50.50 สตางค์กันหรอก   อย่างเนี้ยคุณเอาเลข 5 กับเลข 0 ขึ้นป้ายวางไว้หน้าตัวสินค้าได้เลยโดยไม่ต้องลงหน่วยว่าเป็นบาทก็ยังได้  คนเค้าเข้ากันกันดี มันแพร่หลาย มองปุ๊บเข้าใจปั๊บ ไม่เข้าใจก็ต้องถามหรือดูราคาจริงที่ตัวสินค้า   แต่ถ้าผมบอกขายบ้าน 2.7 ล้าน ผมไม่ใส่กว่าๆ เริ่มต้นที่ เอาแค่ ขายบ้าน 2.7 ล้าน แค่นี้พอ  คุณว่าถ้ามีคนสนใจจะซื้อแล้วเค้าโทรมา  สิ่งแรกที่เค้าจะถามผมคืออะไร   จะถามว่า ขายสองล้านเจ็ดถ้วนๆเลยเหรอค๊ะ คือสอบถามราคาเต็มๆก่อน  หรือ  บ้านที่ประกาศขายฉันเอาน๊ะค๊ะ   คุณว่าเค้าจะเห็นราคาปุ๊บ ดูบ้านปั๊บ  เค้าจะไม่ถามราคาจริงๆผมเหรอครับว่าขายเท่าไหร่ เห็นปุ๊บซื้อปั๊บโดยไม่ถามราคาจริงเลย  เค้าจะคิดจริงๆเหรอครับว่าสองล้านเจ็ดแสนบาทถ้วนๆ  บ้านที่ไหนขายราคาถ้วนๆบ้าง  หายากน๊ะครับ อย่างน้อยๆต้องมีเศษหลักหมื่นบ้างละเพราะเค้ารู้ๆและเข้าใจกันว่า การซื้อขายบ้านส่วนใหญ่เค้าเป็นอย่างไร ราคามันมักไม่เป็นเลข 0 ถ้วนๆกันหรอก  เพราะฉะนั้นผมถึงบอกไงครับ อยู่ที่ใครมอง มองอะไร สินค้าตัวที่ขายนั้นมันแพร่หลายให้เค้าเข้าใจได้แค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือคนขายที่สื่อออกไป  อย่างกรณีขายบ้านที่ผมยกตัวอย่างว่า ขายบ้าน 2.7 ล้าน  อันนี้ก็ยอมรับว่าเป็นการสื่อที่ไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็ทำให้คนซื้อเข้าใจผิดก็เป็นได้

     แต่หลักการเลือกซื้อของ ของคนเรานั้น  ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม  ไม่มีใครให้ถามก็ดูฉลากหรือใบสุทธิราคาสินค้า  ถ้าเห็นป้ายปุ๊บ หยิบปั๊บ  ไม่ดูราคาของ  เข้าใจตามป้ายสั้นๆย่อๆ ที่ไม่ใช่ราคาสินค้าเต็มๆจริงๆ เวลาคิดตังค์ไม่ใช่ราคานั้นดันมีเศษส่วนอีกแล้วไปแจ้งเค้าข้อหาหลอกลวง  เค้าก็จะถามคุณว่า สินค้าที่คุณซื้อมีฉลากราคาแสดงบอกไว้ครบถ้วนมั้ย  มีค่ะ   แล้วก่อนคุณซื้อคุณได้อ่านราคาจากตัวสินค้าที่จะซื้อมั้ย หรือได้สอบถามราคาจากคนขายมั้ยครับ   เปล่าค่ะ ดิฉันรีบ ก็ป้ายหน้าร้านบอกว่าขายถุงขี้ 2.7 ล้าน ฉันก็รีบเข้าร้านไปหยิบสินค้ามาคิดเงินเพราะกลัวของจะหมด  ฉันคิดว่ามันราคาตามป้ายโฆษณาหน้าร้านอะค่ะ 2.7 คือ สองล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน    แล้วที่ป้ายเค้าบอกเหรอครับว่า 2.7 ล้านบาทถ้วน  เปล่าค่ะ  ดิฉันเข้าใจว่ามันใช่  ที่ไหนๆเค้าก็เข้าใจกันว่ามันใช่คะ อย่างนี้ก็เท่ากับโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคสิค๊ะ    เอ่อ ที่ไหนๆที่คุณว่าใช้มันคือที่ไหนครับ มีอะไรมายืนยันรึเปล่า  เพราะจากดุลยพินิจของผม ผมเห็นว่ามันไม่ได้เข้าข่ายหลอกลวงน๊ะครับ  ราคาที่ตั้งกับราคาสินค้าจริงต่างตรงเศษส่วนซึ่งมันก็เป็นไปได้  แล้วการเลือกซื้อของนั้น หากคุณจะซื้อสินค้าใด คุณต้องดูราคาจริงที่ตัวสินค้า ตามหลักกฏหมายเค้าถือเอาราคาที่ระบุไว้ที่ตัวสินค้าเป็นหลัก  และหากเห็นว่าราคาสินค้าจริงมีเศษส่วนหรือไม่ตรงตามที่คุณเข้าใจเมื่อเห็นป้ายราคาจากป้ายโฆษณาในทีแรก   คุณสามารถปฏิเสธไม่รับหรือไม่ซื้อสินค้านั้นได้น๊ะครับ   หรือหากก่อนคุณจะซื้อคุณเห็นว่าราคาที่ป้ายกับราคาจริงนั้นมีเศษส่วนที่ไม่ได้ระบุไว้ที่ป้ายโฆษณา คุณสามารถตัดสินใจไม่ซื้อได้เลย   แต่ยังไงผมจะทำหนังสือไปถึงร้านนั้นให้เค้าเปลี่ยนแปลงคำโฆษณาเสียใหม่ให้เข้าใจมากขึ้น    อ่าว แล้วอย่างนี้ไม่มีการลงโทษเหรอค๊ะ    เอ่อ คือถ้าราคาที่บนป้ายโฆษณาเค้าระบุหรือบ่งชี้ว่าเป็นราคาถ้วนๆหรือแสดงราคาเต็มๆของสินค้า  แล้วเมื่อคุณได้มาดูราคาจริงที่ตัวสินค้าหรือได้รับทราบราคาจริงของสินค้าจากผู้ขาย แล้วมันไม่ตรงกันกับที่โฆษณาถึงเข้าข่ายโฆษณาหลอกลวงครับ แต่จากคำโฆษณาเค้าไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นจำนวนถ้วนๆครับ  ซึ่งคุณเข้าใจว่ามันถ้วนๆ แต่ผมเอาจากความเข้าใจคุณไม่ได้ครับ เพราะไม่มีข้อบังคับหรือหลักการใดให้ไว้ว่ามันต้องเป็นถ้วนๆครับ  คุณมองแล้วอาจจะเข้าใจว่าถ้วน แต่ถ้ามองหลายๆคนก็คิดไปต่างกันครับ  คงทำได้แค่ให้เค้าเปลี่ยนถ้อยคำใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น    แต่ถ้าคุณเสียทรัพย์จากการซื้อสินค้าที่รับทราบราคาจริงจากผู้ขายหรือทราบราคาจริงจากตัวสินค้า แต่เวลาถูกเรียกเก็บชำระเงินกลับมีราคาสูงกว่าที่ระบุไว้ที่ตัวสินค้า  คุณสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ครับ

  ^^^ นี่เป็นเรื่องแต่งอิงขึ้นน๊ะครับ  เหตุการ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น  อยากรู้ต้องโทรถาม สคบ. ครับ  woon_sunny


    บางคนก็ว่าน๊ะครับ จะเอาเรื่องจริงมายกตัวอย่างให้ปนเปทำไมกับเรื่องในเกมส์  ที่ต้องยกมาเพราะไม่ว่าจะในเกมส์ จะโลกจริง การจะพิจารณาตัดสินคดีความอะไรก็ตาม มันก็ต้องใช้หลักการ หลักความจริง สิ่งที่อ้างอิงเชื่อถือได้เอามาประกอบการพิจาณาเหมือนๆกัน  ไม่งั้นศาลไม่ต้องมีคณะลูกขุน  อัยการอ่านสำนวนคดีแล้วคิดเอาเองแล้วอัยการเห็นพ้องคนเดียวว่าผิด สั่งติดคุกเลย  บอกเห็นว่าผิด ติดคุก  ถ้าแบบนี้เค้าไม่เรียกหลักการ แต่เป็น หลักกู  แล้วการตัดสินนั้นจะเป็นที่ยอมรับกันได้เหรอครับ  นี่ขนาดบางคดีศาลพิพากษาสิ้นสุดไปแล้วแต่ก็ยังเป็นที่คาใจของอีกหลายๆคน เพราะเค้าเชื่อว่า แบบนั้นไม่ผิด  แล้วจะไปนับประสาอะไรกับการลงโทษในเกมส์ครับ  เมื่อทีมงานพิจาณาลงโทษไปแล้วก็จะมีกลุ่มหนึ่งว่าผิด อีกกลุ่มว่าไม่ผิด  ทีมงานก็ต้องใช้หลักการ ใช้องค์ประกอบต่างๆมาพิจาณาเหมือนกัน หรือว่าคิดเอาคนเดียว เอาความรู้สึกตัวเองอันนี้ผมก็ไม่รู้น๊ะ  #038  แล้วสิทธิ์การชี้ขาดก็เป็นของเค้าด้วย  ใครว่าผิด ใครว่าถูกไม่รู้ละ แต่ถ้าเค้าชี้มาแล้วก็คือต้องแบบนั้น ที่นี่เค้าใหญ่  กฏก็เค้าร่าง  เค้าเป็นคนบังคับใช้ เป็นคนพิจารณา

   ส่วนเรื่องกลัวคนอื่นจะเอาแง่แบบนี้ไปตั้งร้านบ้างแล้วมีคนเข้าใจผิด  อันนี้ผมก็เข้าใจน๊ะ ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้มีตรงนี้  ทางแก้ก็คงต้องให้ทีมงานระบุออกมาละว่าถ้ามีเศษส่วนห้ามตั้ง ให้ใช้คำอื่น  บังคับใช้ทั่วกัน ถ้าแบบนี้มีใครแพลมๆตั้งมานิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ ถือว่าผิดหมด  แต่มันจะลำบากไปน๊ะผมว่า ลำบากคนเล่นไม่ได้ลำบากทีมงาน  ส่วนคนซื้อผมว่าให้เด็ก 12 ขวบก็ไม่น่าจะพลาดน๊ะ  การซื้อของเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กให้ดูราคาจริงที่สินค้าแล้วก็ใช้จริงในชีวิตประจำวัน   ถ้าหละหลวมหรือเลินเล่อในการเลือกซื้อ ให้อายุ 60 ขวบก็พลาดได้  ผมก็ตั้งราคาของในร้านพลาดอยู่บ่อยๆ โดนดึงหมด ซวยไป ตั้งเองกับมือแท้ๆ   ไม่ใช่ระบบร้านค้าเกมส์ไม่ดี  ผมต่างหากที่รีบร้อน ประมาทเอง   

  แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้ต้องรอดูคำชี้แจงจากทีมงานก่อนน๊ะว่าเค้าจะเอายังไง  ตกลงว่าให้ผิดหรือให้ไม่ผิด  เพราะตอนนี้ถึงให้คุณมาเถียงกันให้ตาย ยิงกันตายไปข้าง  แต่คนตัดสินใจคือทีมงาน 

ก็เค้ากำลังดูถูกความคิดคนอื่นไงครับ ว่าคนอื่นคง "คิดไม่เป็น" แบบเค้า

ใครจะซื้อไม่ซื้อมันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคนครับ สำหรับคุณ G-Dragon พี่แกก็บอกอยู่แล้วว่า

เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเรียกคนเข้าร้าน อ่านเต็มๆประโยคก็จะรู้ว่าเป็น โฆษณาชวนเชื่อ

ใบประกัน 2.3M ล็อตสุดท้ายของเซิฟ พิเคราะห์ดูก็รู้ละครับ แยกออกมาเป็นคำ ก็รู้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

ขำ.... คนอะไรคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียว คนอื่นในโลกคงโง่กันหมด

โอ๊ว บร๊ะเจ้าาาาาาาา


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle



ก็เค้ากำลังดูถูกความคิดคนอื่นไงครับ ว่าคนอื่นคง "คิดไม่เป็น" แบบเค้า

ใครจะซื้อไม่ซื้อมันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคนครับ สำหรับคุณ G-Dragon พี่แกก็บอกอยู่แล้วว่า

เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเรียกคนเข้าร้าน อ่านเต็มๆประโยคก็จะรู้ว่าเป็น โฆษณาชวนเชื่อ

ใบประกัน 2.3M ล็อตสุดท้ายของเซิฟ พิเคราะห์ดูก็รู้ละครับ แยกออกมาเป็นคำ ก็รู้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

ขำ.... คนอะไรคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียว คนอื่นในโลกคงโง่กันหมด

โอ๊ว บร๊ะเจ้าาาาาาาา

   ผมไม่อยากจะยุ่งประเด็นนี้มาก (แต่ผมก็ล่อไปซ๊ะยาว g#019 ) เพราะได้คำตอบที่ผมเข้าใจมาแล้ว ว่าดูอย่างไร เป็นอย่างไร  แต่ถ้าให้ผมพูดตามตรงๆเลยน๊ะครับ  ข้อความที่อยู่ในป้ายร้านทั้งหมดเต็มๆข้อความ  ผมก็มองว่าเวอร์ เกินจริง  ล๊อตสุดท้ายในเซิร์ฟ   ตรงนี้ละครับเวอร์ แต่ก็อีกละ คำโฆษณาเวอร์ๆก็มีให้ดูอีกละ  จานดาวเทียมยี่ห้อนึงมันบอก ของมันชัดล้าน %  ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันชัดยังไงตั้ง ล้าน % แต่รู้ว่าดูจริงแล้วมันชัดละ  g#004


Before

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 94



ก็เค้ากำลังดูถูกความคิดคนอื่นไงครับ ว่าคนอื่นคง "คิดไม่เป็น" แบบเค้า

ใครจะซื้อไม่ซื้อมันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคนครับ สำหรับคุณ G-Dragon พี่แกก็บอกอยู่แล้วว่า

เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเรียกคนเข้าร้าน อ่านเต็มๆประโยคก็จะรู้ว่าเป็น โฆษณาชวนเชื่อ

ใบประกัน 2.3M ล็อตสุดท้ายของเซิฟ พิเคราะห์ดูก็รู้ละครับ แยกออกมาเป็นคำ ก็รู้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

ขำ.... คนอะไรคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียว คนอื่นในโลกคงโง่กันหมด

โอ๊ว บร๊ะเจ้าาาาาาาา

   ผมไม่อยากจะยุ่งประเด็นนี้มาก (แต่ผมก็ล่อไปซ๊ะยาว g#019 ) เพราะได้คำตอบที่ผมเข้าใจมาแล้ว ว่าดูอย่างไร เป็นอย่างไร  แต่ถ้าให้ผมพูดตามตรงๆเลยน๊ะครับ  ข้อความที่อยู่ในป้ายร้านทั้งหมดเต็มๆข้อความ  ผมก็มองว่าเวอร์ เกินจริง  ล๊อตสุดท้ายในเซิร์ฟ   ตรงนี้ละครับเวอร์ แต่ก็อีกละ คำโฆษณาเวอร์ๆก็มีให้ดูอีกละ  จานดาวเทียมยี่ห้อนึงมันบอก ของมันชัดล้าน %  ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันชัดยังไงตั้ง ล้าน % แต่รู้ว่าดูจริงแล้วมันชัดละ  g#004

การตั้งโฆษณาเวอร์ มันมีกฏหมายกำหนดครับ ลองไปหาอ่าน เหมือนอย่างที่คุณว่า ดาวเทียมชัดล้าน% แต่เวลาฝนตกมันล่มตลอด

ทำไมไม่เห็นมีผู้ใช้บริการร้องเรียน สคบ. ล่ะครับ ก็เพราะตอนฝนไม่ตกมันดันชัดล้้้าน% ไงครับ

สคบ.ก็เอาผิดไม่ได้ เพราะในโฆษณามันไม่ได้บอกว่า ชัดล้าน% ทุกสภาวะอากาศ

อุปมาอุปไมก็เข้ากับเกณฑ์โฆษณาอันนี้แหล่ะครับ การตั้งราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด

แล้วยังสำทับด้วยประโยค ล็อตสุดท้ายในเซิฟ เพื่อเป็นการขยายความน่าซื้อ น่าเข้าไปดูในร้าน

ประเด็นมันก็ตรงนี้แหล่ะครับ ไม่เห็นต้องมาดราม่าอ้างอะไรกันยาวๆเล๊ย ถ้าบางคนไม่อิโก้สูงเกินไป

คิดว่าหลักการคิดของตัวเองถูกเสมอแบบนี้ .. 555


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
กำลังพูดถึงราคาอยู่ พยายามลับ ลวง พราง ด้วยคำว่าโฆษณากันจัง
รอทีมงานมาตอบแล้วกันครับ หรือมีอะไรก็พิมพ์เหตุผลไว้
ผมอยากทราบเหตุผลที่ชัดเจนจากทีมงานด้วย
แล้วผมจะกลับมารวบยอดทีเดียว
ถ้าจะให้ตัวเองรอด ลองพิสูจน์ในเกมนะครับ ว่า 2.3 M ไม่ใช่ 2,300,000
ขอเหตุผลที่ตรงประเด็นหน่อย ไม่ใช่ยกนั่น อ้างนี่ ตัวอย่างที่ยกมาก็พยายามเบี่ยงเบนประเด็น
พูดความจริงไม่หมด



Before

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 94
เอาแบบนี้ครับ ประสบการณ์จริง ที่ดินแปลงนี้ ป้ายติดหน้าที่ 4 ล้าน ผมเห็นราคานี้ผมจึงรีบติดต่อกับเจ้าของที่ดิน

เพื่อจะจัดสรรทำบ้าน แต่พอไปถึงเจ้าของที่บอกราคาเต็มๆคือขายในราคา 4.5 ล้านรวมค่าโอน+ภาษี

ซึ่งผมซึ่งเป็นผู้ซื้อก็โอเคครับ ซึ่งถึงตอนนี้ผมสามารถปฏิเสธได้เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในเกมส์คือ

เมื่อเข้าไปในร้านแล้ว คุณจะซื้อหรือไม่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของคุณเอง



หลังจากนั้นผมก็ได้ออกแบบในพื้นที่ดินแปลงนี้โดยข้างหน้าจัดทำเป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งผมตั้งราคาไว้ที่ห้องละ 3 ล้านบาท

แต่ลูกค้าเข้ามาจองผมในห้องมุม ผมก็ขายให้ลูกค้าในราคา 3.5 ล้านบาท ซึ่งในป้ายโฆษณาผมไม่ได้บอกไว้ว่า

ห้องหัวมุมราคา 3.5 ล้านครับ ลูกค้าพอใจและตัดสินใจซื้อ



ส่วนอันนี้คือรูปบ้านที่ผมทำเสร็จก่อนขาย ถ่ายเมื่อปีที่แล้วครับ โครงการนี้ทำบ้านขายอยู่ 8 หลังซึ่งตอนนี้ปิดโครงการไปแล้ว

ผมตั้งราคาขายที่เก้าแสนบาท แต่ในวันโอนจริง ผมบวกทั้งค่ารั้ว ค่าไฟฟ้า ค่ามิเตอร์น้ำ ซึ่งลูกค้าก็ไม่ได้ติดใจอะไร

เบ็ดเสร็จราคาบ้านหลังนี้ของผมคือเก้าแสนสี่หมื่นบาทครับ



อ่อ สำหรับคนที่ว่าผมไปเอารูปที่ไหนมาอ้างอิงก็ได้นั้นน่ะ ผมขอท้าให้หาเลยนะครับ

ถ้าใครหาหลักฐานมาได้ว่าผมเนียนว่าเป็นโครงการของผมเอง ติดต่อผมมาทาง PM เลยครับ

ผมยอมมอบเงินให้เลยหนึ่งแสนบาท ถ้าไม่แน่จริง ผมคงไม่เอารูปโครงการที่ผมทำมาลงหรอกนะครับ





DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle
กำลังพูดถึงราคาอยู่ พยายามลับ ลวง พราง ด้วยคำว่าโฆษณากันจัง
รอทีมงานมาตอบแล้วกันครับ หรือมีอะไรก็พิมพ์เหตุผลไว้
ผมอยากทราบเหตุผลที่ชัดเจนจากทีมงานด้วย
แล้วผมจะกลับมารวบยอดทีเดียว
ถ้าจะให้ตัวเองรอด ลองพิสูจน์ในเกมนะครับ ว่า 2.3 M ไม่ใช่ 2,300,000
ขอเหตุผลที่ตรงประเด็นหน่อย ไม่ใช่ยกนั่น อ้างนี่ ตัวอย่างที่ยกมาก็พยายามเบี่ยงเบนประเด็น
พูดความจริงไม่หมด

  ไม่ได้ลับ ลวง พรางหรือเบี่ยงเบนประเด็นว่าโฆษณาน๊ะครับที่ผมยกๆมาให้ตัวอย่างเนี่ย   เอางี้  จากภาพที่แจ้งมานั่นอะ  ช่อง 4 เหลื่ยมๆที่มีไอ้ตัวเจ้าปัญหา 2.3M และข้อความอยู่ในนั้นอะ  คุณเรียกมันว่าที่สำหรับทำอะไร  ที่แสดงราคาสินค้าจริงหรือเปล่าครับ หรือช่องสนทนา หรือ ช่องเอาไว้ใส่อะไร   แล้วตามความเข้าใจของคุณ คุณคิดว่าช่องนั้นเอาไว้ทำอะไร เค้ามีไว้เพื่ออะไร มีไว้ทำไมในโหมดร้านค้าของเกมส์   นี่ถามเอาด้วยความเข้าใจของคุณก่อนว่าคุณมองช่องนั้นไว้ทำอะไร   แล้วก็ต้องไปถามทีมงานอีกทีว่าเค้าทำช่องนี้เค้าทำมาไว้เพื่ออะไร   ถ้าทีมงานให้คำตอบว่า ทำอะไรก็ได้แต่ไม่ได้มีไว้สำหรับการโฆษณาหรือประกาศถ้อยคำต่างๆ   ก็จะถือว่า การที่ผมยกประเด็นว่ามันเป็นการโฆษณาเป็นเรื่องที่ไม่เข้าข่ายกับประเด็นที่ถกกันเลย  เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น  ผมยินดีกล่าวขอโทษและขออภัยครับ