แต่งเหรอครับ สั้นๆ แต่ได้ใจความ เนื้อหาหลักๆคือ ไม่เคยคิดรักแม่เลย แต่เพิ่งรู้ตัวในวันที่สายไป
ผมแต่งบ้างละกัน เห็นว่าใกล้วันแม่แล้ว น่าจะช่วยกันเล่าเรื่องแม่กันดีกว่าเนอะ "แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล"
เสียงเพลงวันแม่ดังก้องกังวาน ทั่วที่ประชุมที่แน่นขนัดไปด้วยเด็กนักเรียนที่กราบตักคุณแม่ของตน
ตัวฉันเฝ้ามองไปยังกลุ่มนักเรียนนั้น ด้วยใจที่ชุ่มชื้นด้วยความปีติยินดี ทีเห็นแม่และลูกหลายคู่กอดกันในวันแม่แห่งชาติปีนี้
มันเป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้พบหน้าแม่ของฉัน แม่ที่แสนดีของฉัน ทั้งใจดีคอยสอนฉัน ทั้งคอยให้ความอบอุ่นมาตลอด แต่บัดนี้ ท่านได้จากฉันไปแล้ว
มันเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน
เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่แม่เพียรเลี้ยงฉันตั้งแต่ร้องไห้คำแรกมา จนกระทั่งฉันเติบใหญ่ มีคนรัก มีเพื่อนฝูงมากมาย จนจบปริญญามีงานทำ
ฉันได้งานทำที่เมืองฟ้าวิลัย กรุงเทพมหานครฯ จากบ้านนาที่เคยวิ่งเล่น จากนี้ฉันจากไกลแม่ ทิ้งท่านไว้เบื้องหลังของความสำเร็จ แล้วมีความสุขไปในแสงสีของ กทม
ฉันทำงาน และส่งเงินให้แม่ฉันเสมอเพื่อส่งเสียน้องให้เรียนจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี ฉันมีครอบครัว
ฉันมีความสุขกับทรัพย์สมบัติมากมาย โดยที่ได้กลับบ้านบ้าง ไม่กลับบ้าง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้รับจดหมายหนึ่งจาก บ้านนอก และพบว่า แม่ที่ฉันรักนั้น ได้ป่วยหนัก และต้องการจะพบฉัน
ใจของฉันกระวนกระวาย ว้าวุ่นใจอย่างมากจึงรีบเดินทางกลับบ้านนอกทันที และได้พบกับแม่ของฉันที่บัดนี้ผมขาวโพลนไปทั้งหัว นอนอยู่บนเตียง ท่านเห็นฉันจึงเอ่ยถามว่า
"ไม่ทำงานเหรอ ไม่ใช่วันหยุดนี่นา" น้ำตาของฉันไหลออกมานอกนัยตา ฉันซบลงที่ตักของท่านแล้วกอดท่านไว้จนกระทั่งแพทย์ที่ตรวจอาการได้มาทำการตรวจอาการ
หมอได้เรียกฉันออกไปจากห้องและบอกกับฉันว่าท่านเป็นมะเร็งในกระดูกระยะสุดท้าย อาจจะอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งเดือน ฉันเสียใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี
หลังจากนั้นทั้งคืน ฉันได้นอนเฝ้าไข้แม่ และร้องไห้ไปด้วย แม่ฉันจึงถามว่า "เกิดอะไรขึ้น มีอะไรหรือเปล่า" ฉันส่ายหน้า เหมือนไม่มีอะไีร แต่ไม่วาย เหมือนท่านรู้ทัน
ท่านกล่าวกับฉันว่า "อย่าเสียใจเลย ชีวิตคนเรา ต้องแก่ ต้องป่วย ต้องตาย เป็นธรรมดา" ใบหน้าของฉันชาวูบ ท่านพูดเหมือนว่าท่านรู้ว่าท่านต้องตายแน่แล้ว
"ลูกเอ๋ย แม่นี้ก็แก่แล้ว ไม่ช้า ก็เร็ว ต้องจากเจ้าไปอย่างแน่นอน" ท่านพูดต่อไปอย่างราบเรียบ
"แม่จ๋า ฉันยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณแม่เลย" ฉันท้วงแม่ฉัน เพราะฉันไม่อยากให้ท่านจากไป
แม่ฉันกล่าวว่า "ลูกเอ๋ย เจ้ามีหน้าที่การงานที่ดี เจ้ามีครอบครัว เจ้าสามารถช่วยตนเองได้ แค่นี้แม่ก็มีความสุขแล้ว"
"แต่ฉันยังไม่ได้อยู่เลี้ยงดูแม่บ้างเลย ฉันอยากอยู่กับแม่" หลังจากนั้นแม่ก็เงียบไปแล้วล้มตัวนอนลง จนกระทั่งเช้าวันนั้น สิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น
แม่ของฉันยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เตียง ฉันคิดว่าท่านคงเพลียมากจึงหลับอยู่ จนกระทั่งหมอได้เข้ามาทำหน้าที่ของแพทย์
"เราขอแสดงความเสียใจด้วย ท่านได้เสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ" หมอบอกกับฉันด้วยใบหน้าขรึม โธ่เอ๋ย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อท่านเลย ทำไมถึงไวเช่นนี้หนอ
ฉันเสียใจมาก หลังจากหมอได้เดินออกจากห้องไป ฉันก้มลงที่ปลายเตียง พนมมือกลาบลงแทบเท้าท่าน ขอให้ท่านไปสู่สุขติ แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา
โทรบอกน้องของฉัน คุณน้า คุณป้า ว่าแม่ฉันได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นจึงจัดงานศพให้ท่าน
จวบจนวันนี้ วันที่ฉันมีลูก ฉันแก่ลงบ้าง ฉันป่วยบ้าง และ บัดนี้ ฉันก็คงใกล้ตายบ้างแล้ว ลูกของฉัน จะเสียใจไหม ถ้าฉันจะจากไป
ลูกของฉัน จะร้องไห้ไหม ถ้าฉันจะจากไป และ ลูกฉันจะอยู่ต่อไปได้ไหม ถ้าฉันจะจากเขาไป ในวันข้างหน้า...
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่ก็แต่งขึ้นด้วยความรัก แะสำนึกในพระคุณของแม่ ถ้าชีวิตจริงของเรา สามารถจะอยู่กับแม่ได้นานๆ
สามารถไม่ทำให้ท่านเสียใจ ไม่ทำให้ท่านผิดหวังได้ และ ไม่สำนึกตอนที่สายเกินไปได้ ก็ขอให้ทำตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะสายเกินไปที่จะบอกท่านว่า "รักแม่"