title: wish,color,blood
author: psynis
rate: 18+[โหดอย่างเดียวครับใครรับไม่ได้กรุณากดx]
[ชื่อฟิคจงใจให้มันเป็นคำว่า ปรารถนา สีสัน เลือด รวมสั้นๆว่าปรารถนาสีเลือดนั่นแหละ]
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
เบื่อ....เบื่อที่สุด...
ผมพึมพำเบาๆให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียว ในช่วงนี้เป็นอาการหน้าหนาว หิมะตกโปรยปรายลงมา ผมมองนอกหน้าต่างอย่างเบื่่อหน่ายเพราะความว่างจัด
ผมว่าผมคงจะเลิกมองหน้าต่างแล้ว..ใช่..ถ้าไม่มีอะไรมาฉุดเอาไว้ซะก่อน...
"กรี้ดดดดดดด"เสียงภายนอกลอดเข้ามาภายในตัวอาคารเรือนที่ปิดสนิทเกือบทุกด้าน เสียงนั้นหวีดร้องและนิ่งเงียบไป ผมค่อยๆชะเง้อออกไปมองข้างนอกอย่างเบื่อหน่าย
"อ...อะไร" นัยน์ตาเบิ่งกว้างราวกับคิดว่าตนยังคงฝันอยู่ ไม่..ไม่ใช่ฝันสักหน่อย ขยี้ตาหลายครั้งก็ไม่ใช่....
เลือดไหลย้อมพื้นหิมะให้กลายเป็นสีแดง ผืนหิมะโปรยปรายลงมาเป็นสีคาวกลิ่นเลือดทั้งๆที่ควรจะเป็นสีขาว เลือดนั้นไหลย้อมจนพื้นทั้งหมดกลายเป็นสีแดงฉาน ผมมองศพที่เกลื่อนถนนมากกว่า100ศพ!! ไม่กล้าทำอะไรนอกจากจะนิ่งไหวติ่งและสั่นระริก
...นี้มันเกิดบ้าอะไร....
ผมมองสานการณ์อย่าหวาดกลัว ทุกคนที่ยืนอยู่ที่ถนนในเมืองถืออาวุธต่างๆนาๆไม่ว่าจะเป็นมีด ปากกา ไม้ ท่อนเหล็ก ชาวเมืองต่างหวดทุบทำร้ายกันอย่างบ้าคลั่งราวกับสัญชาติญาณของสัตว์
"ช่วยด้วย...อะ..อ้ากก...ปะ..ปล่อยฉันที"เสียงวีดร้องโหยหวนดังออกมาเรื่อยๆ สักพักเมื่อเสียงเงียบไปผมจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง
...ไม่มีใครอยู่แล้ว เกิดอะไรขึ้นน่ะสงสัยต้องลองออกไปข้างนอก....
ผมคิดอย่างไม่ลังเลโดยไม่ลืมที่จะหยิบมีดพกติดตัวไปด้วย ...แหงละ ถ้าออกไปโดยมีอาวุธก็รู้สึกสบายใจกว่าเยอะ...
....แค่นี้เนี่ยนะ....
.....ไม่ได้เรื่อง....
ผมชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงจากที่ไหนบางแห่งแต่ก็เลือกที่จะเงียบ และก้าวเท้าเปิดประตูออกไปนอกบ้านเมื่อตรวจสอบอย่างแน่ชัดว่าไม่มีใครอยู่
ผมเดินก้าวเท้าออกไปสำรวจสภาพศพอย่างหวาดๆว่าตนอาจจะโดนทำร้าย
กลิ่นของคาวเข้าจมูกจนแทบรู้สึกอยากอาเจียน ศพเป็นนับพันมีร่างกายแหลกละเอียด เ้บ้าตาทะลักกลิ้งออกมา เลือดไหลเจิ่งนอง ผมอุดจมูกด้วยความรู้สึกอยากอาเจียน นี้มันเกิดอะไรขึ้น
ที่สำคัญเขารู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่เห็นศพแล้วชวนอ้วก แต่กลับรู้สึกดีซะอย่างนั้น
ตุบ
สัมผัสที่เหยีบย่ำเข้ามาใกล้แม้จะเาแต่เนื่องจากบริเวณนี้เงียบเชียบมากพอที่จะทำให้ได้ยิน ผมเลือกที่จะหันไปมองช้าๆโดยภายใต้เสื้อคลุมก็เอามือจับมีดเอาไว้
"มันเกิดอะไรขึ้น"ผมเอ่ยถาม เมื่อผมลองมองอย่างละเอียดแล้ว คนๆนี้ก็คือเพื่อนของผมจึงไม่น่าระแวง แต่มันชวนกลัวให้รู้สึกว่าจะเข้าใจผิดอย่างนั้น
ฟึ่บ
ร่างของคนที่ผมเอ่ยามหายไปและย้ายตัวมาอยู่ข้างหลัง ร่างนั้นเงื้อมีดสูงขึ้น หมายจะฆ่าผมจริงๆ... ผมกำมีดชักออกมารีบหันหลังกลับด้วยความตกใจก่อนที่มันจะแทงเข้าถูกเอวของเพื่อนผมจนมิดด้าม
วูบ.. ตุบ
ร่างนั้นล้มลงเหมือนกับหลายๆนับร้อยศพ นัยน์ตาเบิ่งค้างเลือดไหลซึมออกมาจากตา ชวนให้ดูสยดสยอง
ผมมองร่างที่ล้มลงไปอย่างตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่ง...แปลก ทำไมยิ่งรู้สึกดี...ผมขมวดคิ้ว มันคงไม่จริงผมต้องกำลังฝันอยู่ ใช่ ฝันว่าผมฆ่าเพื่อน และมีคนตายกันเป็นพันศพที่เมืองนี้...
"เฮ้ย หยุดแค่นั้นเถอะน่า แค่นี้ก็ทรมาณแล้ว ไม่มีความสงสารกันบ้างเลยรึไง!"
"สงสารทำไม นี้มันความปรารถนาของเจ้าตัวเองนะ"
ผมรู้สึกปวดหัวตุบๆอีกครั้ง เสียงบ้าอะไร... ปวดหัวสุดๆๆ....รู้ึสึกปวดหัวจนแทบยืนไม่ไหว...
ตุบ
ผมล้มลงท่ามกลางหิมะสีเลือด อยู่ๆผมก็เริ่มหายปวดหัวขึ้นมา ผมค่อยๆยันตัวมองหิมะที่เปื้อนเลือดอย่างแปลกใจ เมื่อจับหน้าผากตนก็สัมผัสได้ถึงของเหลวข้นหนืดๆ
.....ไม่รู้เพราะอะไรพอโดนเลือดก็หายปวดหัว รู้สึกดี.....
ปี้ด
รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้น ร่างกายเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
.................................
ผมอยู่ที่ไหน? พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากก็พบแต่เพียงห้องสีขาวๆที่คล้ายๆกับโรงพยาบาลแต่ไม่น่าใช่...
"หยุดการทำงานทำไมห่ะ"เสียงนั้นตวาดขึ้น ก่อนจะเงียบลงและหันมามองทางผม
ผมยันตัวลุกขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย--ไม่เข้าใจว่าตนอยู่ที่ไหน มาที่นี้ได้ยังไง-และเกิดอะไรขึ้น
"เธอไม่เป็นอะไรแล้วนะ ลืมบอกไป ผมเป็นหมอนะครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งยิ้มให้ผมแล้วยื่นมือส่งมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรต่างจากอีกคนที่นั่งไขว่ห้างที่โซฟา
เพียะ
ผมปัดมือในทิ้งอย่างไม่ใยดี นัยน์ตาที่เป็นมิตรเบิ่งกว้างด้วยความตกใจและค่อยๆแปรเป็นสีหน้าเรียบนิ่ง ปฏิกิริยาของผมทำให้คนที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟาแทบหัวเราะออกมา
"บอกแล้วไงว่าไม่มีประโยชน์แล้ว หยุดไปก็เท่านั้น"จากสีหน้าบึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นกลั้วหัวเราะ อยากจะหัวเราะกับผลงานของตัวเอง
"ผลงานที่แกทำ มันร้ายกาจเกินไป ไม่ว่ายังไงผมจะยุติโครงการนี้"หมอเดินตรงเข้าไปหาคนที่นั่งบนโซฟาด้วยท่าทีที่สบายๆ
"หึ ก็แค่ทดลองร่างแรกเองจะเป็นอะไรไป อีกอย่างทางเราทุ่มงบประมาณกับทรัพยากรไปตั้งมากมาย โครงงานนี้ก็ใกล้เสร็จแล้วอีกอย่าง ผู้ที่ริเริ่มโครงงานนี้มันคุณไม่ใหรอครับ?"สิ้นสุดเสียงนั่นเขาก็มองมายังทางหมอ
"แต่ยังไงผมก็จะยกเลิกโครงงานนี้"
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังูดอะไรกัน และไม่คิดจะใส่ใจด้วยถ้าคำพูดนั้นไม่ถูกเอ่ยออกมา
"รู้ไหมว่านี้คือความปราถนาของร่างทดลองเอง เพราะโครงงานชิ้นนี้จะทำให้คนที่ฝันอยากเป็นอะไรก็ตาม จะมีความสามารถทางด้านนั้นอย่างสูงจนน่าเหลือเชื่อและหันมาสนใจแบบจริงๆจังๆได้"ร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบนิ่งเรียบและจงใจเว้นวรรคคำพูด" แต่มันก็มีผลเสียแบบร่างแรกละนะ เอาเถอะ ไหนๆแล้วก็จัดการฆ่าเลยก็แล้วกัน"จากน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเหี้ยมที่พร้อมจะฆ่าได้จริงๆ
...โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าคำพูดนั้นจะกรตุ้นสัญชาติญาณดิบขึ้นมาและส่งผลกระทบยังไง...
ผมฟังน้ำเสียงนั้นด้วยความมึนงง ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว พอรู้ตัวอีกที ผมก็ฆ่าทุกคนที่สถานที่นั้นไปซะแล้วด้วยน้ำมือของตัวเอง
ต่อไป...ผมจะหาความปรารถนาของตัวเองด้วยตัวเอง..ไม่ว่าจะฆ่าคนไปอีกกี่คนก็ตาม
-------------------------------------------
END
อย่าเพิ่ง บอกว่างง เพราะคนแต่งมันก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเขียนอะไรลงไป- -(เฮ้ย)
สรุปเรื่องย่อๆก็ ได้มีนักวิจัยได้ทำการทดลองเกี่ยวกับเรื่องของความปรารถนาเพราะบางคนมีความปรารถนาของตัวเองแต่ไม่กล้าและไม่อยากที่จะทำ จึงทำการทดลองเอาความปรารถนาลึกๆในตัวบุคคลและงัดออกมาทำให้มันเป็นจริงได้ด้วยความฝัน ว่าง่ายๆก็เหมือนกับการล้างสมองเล็กน้อยละครับเพราะหลังจากที่โดนเครื่องนี้เข้าไป ถ้าอยากเป็นหมอแต่ความสามารถไม่ถึงพอโดนเครื่องนี้เข้าไปจะเก่งภายในด้านนั้นโดยพริบตา
แต่มันก็มีข้อเสียอย่างที่เห็นแหละครับ คือ คนเรามักไม่ค่อยรู้ความปรารถนาของตัวเองในจิตใจลึกๆอาจกำลังต้องการสิ่งนี้ แต่ความคิดเราอาจกำลังปรารถนาอีกสิ่งอยู่ ดังนั้นความปรารถนาลึกๆของคนนี้คือมีความสุขจากการฆ่าคนที่ตัวเองเกลียด(ก็คนรอบข้างนั่นแหละที่ตัวเองเกลียด)
(ไอคนแต่งมันซาดิส)