กฏหมายข้อมูลส่วนบุคคล
[/b]
(๑) การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย แก้ไขเปลี่ยนแปลง ลบ หรือกระทำการใด ๆ ต่อข้อมูลส่วนบุคคลชอบที่จะปฏิบัติได้ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งหมายความว่า จะมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลต่าง ๆ ได้ ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้
(๒) การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อบันทึกหรือพิมพ์เผยแพร่จะกระทำมิได้ เว้นแต่
-เป็นการเก็บรวบรวมภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมของผู้เก็บรวบรวม และ
-การเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น กระทำเพียงเท่าที่จำเป็น ตามกรอบวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
ความรับผิดทางแพ่ง
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้นำแนวคิดในเรื่องความรับผิดเด็ดขาดมาใช้ในความรับผิดทางแพ่งในกรณีที่มี การก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่นที่ เกี่ยวข้อง โดยกำหนดเป็นหลักการสำคัญไว้ว่า การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลด้วยประการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลหรือผู้ครอบครองหรือควบคุมบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ไม่ว่าการดำเนินการนั้นจะเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ เก็บรวบรวมข้อมูลหรือผู้ครอบครองหรือควบคุมบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ก็ ตาม เว้นแต่ผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าการดำเนินการเช่นว่านั้นเกิดจาก
(๑) เหตุสุดวิสัย
(๒) การกระทำตามคำสั่งของรัฐบาลหรือเจ้าพนักงานของรัฐ
(๓) การกระทำหรือละเว้นการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือบุคคลอื่นนั้นเอง
(๔) การดำเนินการครบถ้วนตามประมวลจริยธรรมที่ตนจัดทำขึ้น
ข้อสังเกต หากร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับ บทบัญญัติข้างต้น เอกชนผู้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลต้องระมัดระวังในการปฏิบัติตามกฎหมายนี้ อย่างเข้มงวด เพราะอาจทำให้ต้องรับผิดในทางแพ่งได้โดยง่าย
[แก้ไข] โทษทางอาญา
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้กำหนดความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติฝ่าฝืนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลไว้หลายกรณี ที่สำคัญ เช่น
(๑) ผู้ใดดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์อันมิชอบ ด้วยกฎหมาย หรือเพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๒) ผู้ใดเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ หรือเพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย ทำการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงหรือโดยเปิดเผย อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา ๑๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ