แค้นนี้ต้องอภัย
ความแค้นเป็นอารมณ์ครุกรุ่นอยู่ภายในเหมือนมีไฟที่มาสุ่มหัวอก เป็นอารมณ์แห่งความเกลียด ความขมขื่น เจ็บปวด ที่เกิดจากความเข้าใจว่าตนถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมทั้งร่างกายและจิตใจ และพร้อมที่จะตอบโต้ให้สาสมกับความแค้นภายใน ผมได้ยินคำพูดจากผู้นิยมหนังจีนบ่อยๆ ว่า “บุญคุณต้องตอบแทน แค้นนี้ต้องชำระ” ผมเห็นด้วยกับคำว่า “บุญคุณต้องตอบแทน” แต่ไม่เห็นด้วยกับคำว่า “แค้นนี้ต้องชำระ” แต่ขอให้เปลี่ยนเป็น “แค้นนี้ต้องให้อภัย” แทน
ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับการแก้แค้น แต่ถึงกระนั้นผมรู้สึกเห็นใจ บุคคลต่างๆ เหล่านั้นที่ถูกกระทำทารุณกรรมจากบางคนที่ขาดมนุษยธรรม ขาดเมตตาจิต หรือถูกโกง ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยไม่มีทางต่อสู้ ผมเข้าใจในความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันผมก็พบว่ามีหลายคนที่มีความเคียดแค้นและรู้สึกอยากล้างแค้นบางคนบนพื้นฐานที่เข้าใจผิด ได้ข้อมูลผิดๆ และเชื่อในข้อมูลผิดๆ นั้นโดยไม่ได้มีการศึกษาข้อมูลเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลที่เราเคารพและสนิทสนม
ฉะนั้นก่อนลงมือระบายความแค้นไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือการกระทำ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คนเราต้องมี สติ ยั้งคิด พร้อมถามตัวเองว่า การล้างแค้นหรือแก้แค้นที่จะกระทำอะไรตอบแทน ผลที่ได้จะคุ้มเสียหรือไม่ มันสามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือเปล่า บุคคลที่เราแก้แค้นเขามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เราแค้นจริงๆ หรือเปล่า เรามีทางอื่นที่สามารถแก้ปมสลายความแค้นในทางสร้างสรรค์ได้ไหม ?
ผมรู้จักบางคนไม่เพียงเก็บความแค้นไว้กับตัวเท่านั้น เขายังถ่ายทอดมรดกความแค้นไปยังลูกหลานสืบทอดต่อไปด้วย
ผลกระทบจากการแก้แค้นหรือล้างแค้นกันนำความเสียหายมาให้แก่กันและกันโดยไม่อาจประเมินได้ แต่ผลที่ได้รับชั่วขณะจิตคือ สะใจ และผลระยะยาวคือความสูญเสียและเสียใจอันยาวนาน
มีข้อพระคัมภีร์ในพระธรรมสุภาษิตสอนเราว่า เราควรระวังใจเราอย่างไรเมื่อมีบุคคลปฏิบัติไม่ดีต่อเรา “อย่าพูดว่า ข้าจะแก้แค้นเจ้าสำหรับความผิดครั้งนี้ จงรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะแก้แค้นแทนเจ้า” สุภาษิต 20:22 “อย่าพูดว่า ตอนนี้เป็นทีของเราแล้วจะได้แก้แค้นสิ่งที่เขาทำกับเราไว้” สุภาษิต 24:29
นอกจากนี้คริสตชนได้น้อมรับคำสอนและแบบอย่างของชีวิตพระคริสต์มาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ไม่ให้มีการล้างแค้นกันโดยมีคำสอนว่า
“อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว จงใส่ใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของทุกคน ถ้าเป็นได้เท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่ร่วมกับทุกคนอย่างสงบสุข เพื่อนเอ๋ยอย่าแก้แค้น แต่จงปล่อยให้พระเจ้าสำแดงพระพิโรธ เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ อย่าแก้แค้นเลย ตรงกันข้าม “หากศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารแก่เขา เมื่อเขากระหายจงให้เขาดื่ม การทำเช่นนี้ ท่านจะสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา” อย่าพ่ายแพ้แก่ความชั่ว แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” โรม 12:17-21
“อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว อย่าด่าว่าผู้ที่ด่าว่าท่าน แต่จงให้พรเขาแทน เพราะพระเจ้าได้ทรงเรียกท่านให้ทำเช่นนี้เพื่อท่านจะรับพรเป็นมรดก” 1 เปโตร 3:9
เหตุที่พระเจ้าให้เรามอบการล้างแค้นกับพระองค์เพราะพระเจ้าทราบดีว่ามนุษย์มีความจำกัดเรื่องความอดกลั้น การควบคุมตัวเอง ความรู้ ความยุติธรรม และความชอบธรรม พระองค์มีทางที่ดีกว่าที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันในที่สุด พระเจ้าทราบวิธีที่จะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร พระเจ้าสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นสิ่งดี หน้าที่ของเราคือ แค้นนี้ต้องให้อภัย แล้วใจจะมีความสงบสุข พระเจ้าจะนำพาและให้สติปัญญาให้มีทางออกด้วยหลักนิติธรรม คุณธรรม และชอบธรรม ในเวลาของพระองค์ จงสงบนิ่งและเราจะเห็นความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้าการทำคิดการทำเรื่องใดๆนั้น อย่าให้ความชั่วเข้ามาครอบนำจิตใจตัวเอง ทำในสิ่งที่ถูกและล้วนแต่จะให้อภัยในความผิดของคนอื่น
เหมือนที่อย่างคนอื่นคิดเช่นนั้นแล้ว ให้อภัยเจ้าในเวลาที่เจ้าทำผิด