GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

'Gold Cown' อภินิหารมงกุฎทองคำ

โพลล์

อยากให้อัพยังไง?

5 วันต่อบท
4 (21.1%)
7วันต่อบท
1 (5.3%)
1เดือนต่อบท
0 (0%)
เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่สะดวก
13 (68.4%)
ไม่ต้องอัพหรอกไม่อยากอ่าน
1 (5.3%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 19

ปิดการโหวต: สิงหาคม 31, 2011, 11:20:15

Gheglex Phantom of eagle.

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 3,382
  • ชิชิชิ
1.ชอบเกิ้ล โหดดี
2.ก็เหมือนแนะนำตัวละครนี่แหละ แต่ได้ใจความกว่า รวมถึงโยงไปเชื่อมกับตัวละครอื่นๆในเรื่องด้วย(แม้มันจะเป็นตัวประกอบ g#015)
3.ไปช่วยโลกนะเฟ้ยยยยย g#035 g#035
Joy to the world.The Lord is come!Let earth receive her king.Let every heart prepare him room.And heaven and nature sing.And heaven and nature sing.And heaven and heaven and nature sing


● ɪииocєит

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 389
  • ugh
แวะมาเยี่ยมคนไข้ =w=

  //me โดนรุมกระทื้บเละ

อ่ะไม่ใช่ละ ๆ =[]="

1. ส่วนตัวเค้าชอบทุกคนแหละ

2. อืม .. ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็นนะ เพราะตอนนี้ไม่ค่อยกล้าไปติ-ชมนิยายคนอื่นเขา =w="

3. อยากให้เดธ เดอะคิด คู่กับ อาเบะ!!


  //me โดนเอิร์ธไล่กระทื้บ


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
1.ชอบเกิ้ล โหดดี
2.ก็เหมือนแนะนำตัวละครนี่แหละ แต่ได้ใจความกว่า รวมถึงโยงไปเชื่อมกับตัวละครอื่นๆในเรื่องด้วย(แม้มันจะเป็นตัวประกอบ g#015)
3.ไปช่วยโลกนะเฟ้ยยยยย g#035 g#035

ถ้ามีแต่สงครามฆ่ากันเลือดสา-ด ก็น่าเบื่อสิ woon_555


แวะมาเยี่ยมคนไข้ =w=

  //me โดนรุมกระทื้บเละ

อ่ะไม่ใช่ละ ๆ =[]="

1. ส่วนตัวเค้าชอบทุกคนแหละ

2. อืม .. ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็นนะ เพราะตอนนี้ไม่ค่อยกล้าไปติ-ชมนิยายคนอื่นเขา =w="

3. อยากให้เดธ เดอะคิด คู่กับ อาเบะ!!


  //me โดนเอิร์ธไล่กระทื้บ

2. พูดมาเต๊อะ คำติ-ชม เป็นสิ่งที่นักเขียนต้องการ *-*

3.คิดๆอยู่=w=


ปล.ลายเซ็นเพชรโมเอะอีกแล้ว T^T


เอิร์ธคุงขอรับกระผม

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 142
  • ไม่รู้จะเขียนอะไร
1.ยังไม่มีความเห็นเพราะรู้ว่ายังไม่รู็จักตัวละครดีพอ
2.ใช่ได้ บรรยายเหตุการณ์ได้ดี
3.ไม่ต่องคู่หรอกเดี๋ยวเกิดข้อพิพาท woon_5555


Gheglex Phantom of eagle.

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 3,382
  • ชิชิชิ
1.ชอบเกิ้ล โหดดี
2.ก็เหมือนแนะนำตัวละครนี่แหละ แต่ได้ใจความกว่า รวมถึงโยงไปเชื่อมกับตัวละครอื่นๆในเรื่องด้วย(แม้มันจะเป็นตัวประกอบ g#015)
3.ไปช่วยโลกนะเฟ้ยยยยย g#035 g#035

ถ้ามีแต่สงครามฆ่ากันเลือดสา-ด ก็น่าเบื่อสิ woon_555

ไม่เบื่อดอก ยิ่งมีภาพฆ่ากันยิ่งดี g#009
* Gheglex Phantom of eagle. ไปไกลละ
บอกว่าช่วยโลก ก็เปลี่ยนภาพเป็นโลกละน้า g#010
Joy to the world.The Lord is come!Let earth receive her king.Let every heart prepare him room.And heaven and nature sing.And heaven and nature sing.And heaven and heaven and nature sing


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
1.ยังไม่มีความเห็นเพราะรู้ว่ายังไม่รู็จักตัวละครดีพอ
2.ใช่ได้ บรรยายเหตุการณ์ได้ดี
3.ไม่ต่องคู่หรอกเดี๋ยวเกิดข้อพิพาท woon_5555

3.แสดงว่าส่วนตัวมีคนแอบปิ๊งในบทใดบทหนึ่งจากเรื่องนี้ที่แต่งครั้งแรก(ก่อนนำมาแต่งใหม่)รึเปล่า woon_555


ไม่เบื่อดอก ยิ่งมีภาพฆ่ากันยิ่งดี g#009
* Gheglex Phantom of eagle. ไปไกลละ
บอกว่าช่วยโลก ก็เปลี่ยนภาพเป็นโลกละน้า g#010


โรคจิต+ซาดิส woon_5555


Gheglex Phantom of eagle.

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 3,382
  • ชิชิชิ
ขอบคุณสำหรับคำชม อิอิ g#010
Joy to the world.The Lord is come!Let earth receive her king.Let every heart prepare him room.And heaven and nature sing.And heaven and nature sing.And heaven and heaven and nature sing


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!

Gheglex Phantom of eagle.

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 3,382
  • ชิชิชิ
ขอบคุณสำหรับคำชม อิอิ g#010

บอร์ดฟิกนี่มีแต่คนปกติจริงๆนะ woon_555
g#037 g#037 g#037 g#037
Joy to the world.The Lord is come!Let earth receive her king.Let every heart prepare him room.And heaven and nature sing.And heaven and nature sing.And heaven and heaven and nature sing


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
อ๊ากก รู้สึกว่าตัวเองปล่อยให้บอร์ดร้างเกินไป

ตอนนี้ปิดเทอมได้ 4 วันละ แต่เพื่งมีเวลาเข้าเล่น

เพราะอฃฉะนั้นคงอีกไม่นานจะเอาตอนต่อไปมาลงนะจ๊ะ  woon_sunny



•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
Chapter 1 การรวมตัวของเหล่าผู้กล้า (ทั้งสี่)

ราชอาณาจักรเมนโดเรีย ศูนย์กลางความรุ่งโรจน์ภายในโลกแองเจลล่า คือเมืองที่มีความเจริญมากที่สุดในทุกอาณาจักร หรือถ้าเปรียบเทียบกับประเทศ ก็คงเป็นเมืองหลวงของประเทศนั้นๆ

เพราะอาณาจักรนี้เป็นศูนย์รวมทุกอาณาจักร หากนับรวมกับอาณาจักรนี้ก็จะเป็นอาณาจักรที่แปด แต่อาณาจักรที่แปด ไม่ถือว่าเป็นอาณาจักร เพราะจะนับเป็นราชอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุด.. แน่นอนว่า ทั้งเจ็ดอาณาจักรนั้น แยกออกจาก..เมนโดเรีย

ผู้คนมากมายหลายเผ่าพันธุ์หลายอาชีพ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ณ อาณาจักรแห่งนี้.. การแบ่งปัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลตอบแทน.. สามารถพบหาได้ง่ายภายในอาณาจักรแห่งนี้

ย่านการค้าที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนทั้งสัญจรและนักเดินทาง สำนักงานต่างๆที่คอยอำนวยความสะดวกก็มีอยู่ทั่วไป ร้านค้าหลักใจกลางเมืองที่มีชื่อเสียง ก็มีลูกค้าขาประจำมากมายมาแวะเวียน

การเดินทางที่สะดวกสบายทำให้เหล่านักรบสามารถเดินทางเข้ามาในเมืองได้หลายทางด้วยความปลอดภัยเพราะการคุ้มกันที่หนาแน่น...

แสงสีขาวสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้น ณ ใจกลางเมือง ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมยาวถึงกลางหลังสีม่วงอ่อน ที่สะพายเป้ไว้ข้างกายอย่างทุลักทุเล

ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสสีทองอร่ามจ้องมองไปรอบๆตัวด้วยความตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

“นี่น่ะหรอ...เมนโดเรีย” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกจากจุดที่ตนปรากฏตัวไปตามเส้นทางของอาณาจักรใหญ่

โซลไวท์ เดตี้ องครักษ์สาวจากราชอาณาจักรพอร์ยเอลรีย์ เดินทอดสายตาไปตามสิ่งต่างๆรอบตัวที่เดินผ่านอย่างช้าๆด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับร่างบางร่างหนึ่งที่ร้านขายอาวุธระยะไกลฝั่งซ้ายมือ..

“ธนูนี่ทำจากไม้อะไรหรอคะ” เสียงหวานใสจากร่างบางที่ร้านขายอาวุธระยะไกลของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ขาวสร้างความสนใจให้กับโซลมากขึ้น เพราะดูจากลักษณะการแต่งกายและเป้ข้างตัวจะบ่งบอกได้ว่าเป็นนักเดินทางที่เพิ่งมาเมนโดเรียเช่นกัน

“ไม้เอล์มจร้า ธนูนี้ทำจากไม้เอล์ม เป็นไม้ที่มีอำนาจในการต่อต้านความแตกแยก ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการต่อสู้ เจ้าสนใจไหมล่ะ” หญิงสาววัยกลางคนเจ้าของร้านขายอาวุธบอกกับร่างบางด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ไม่หรอกค่ะป้า ข้ามีแล้วน่ะ เห็นว่ามันสวยดีก็เลยลองถามดู เผื่อว่าข้าจะพอรู้จักบ้าง... ไปก่อนนะคะ”หญิงสาวกล่าวส่งท้ายพร้อมโบกมือลาให้แม่ค้าอย่างเป็นกันเอง พร้อมเดินหน้าต่อภายในย่านการค้า

“นี่เจ้า!” โซลส่งเสียงเรียกหญิงสาวผมบลอนด์สุดเสียง โดยไม่ได้สนใจคนรอบข้าง หญิงสาวหันกลับมาตอบรับคำเรียก ซึ่งคิดว่าจะต้องเป็นเสียงที่เรียกตนเองช้าๆ

“เรียกข้าหรอ?”หญิงสาวถามบุคคลตรงหน้าอย่างงุนงง พร้อมใช้นิ้วชี้ข้างขวาชี้ที่ตนเองเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“เจ้าเป็นนักเดินทางใช่ไหม ข้าเห็นสะพายเป้มาด้วย หวังว่าคงคิดไม่ผิด” โซลถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างร่าเริง เธอยิ้มนิดๆก่อนจะตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง

“ไม่ผิดหรอก ข้าเป็นนักเดินทาง เพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่นานนี่เอง พอดีข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องมาอยู่เมนโดเรียชั่วคราวน่ะ” เมื่อสิ้นคำพูดของหญิงสาว โซลก็ฉีกยิ้มอย่างร่าเริงขึ้นมาทันใด เมื่อพบบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน และมีเป้าหมายที่คล้ายคลึงกันหรือดีไม่ดีเป้าหมายอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้

“ข้าโซลไวท์นะ หรือจะเรียกโซลเฉยๆก็ได้ ยินดีที่รู้จัก” โซลพูดพร้อมยิ้มร่า พลางยื่นมือไว้ข้างหน้า แสดงถึงการทำความรู้จักแบบสากล

หญิงสาวยื่นมือมาจับที่มือของโซลเป็นการตอบรับ เธอยิ้มและเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป

“ข้าคุมิโกะ หรือเพชร ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เพชรกล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียง สีหน้าท่าทางที่ยังคงเป็นกันเองเหมือนคนรู้จักที่สนิทสนมกันมานาน

“เอ? ทำไมชื่อจริงกับชื่อเล่นมันต่างกันขนาดนั้นล่ะ เหมือนชื่อของคนละคนเลยนะ” โซลถามเพื่อนสาวคนใหม่ด้วยความงุนงงที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับฟังนามของบุคคลตรงหน้า ในแง่มุมของชาวมิฮาวิวอย่างเพชร เธอรู้ดีว่ามันไม่แปลกเท่าไหร่สำหรับชื่อที่แตกต่างกันเหมือนชื่อของคนละคน

แต่สำหรับโซลที่เกิดมาในอาณาจักรที่ไม่ได้มีความโดดเด่นในด้านชื่อแต่เป็นด้านของความสวยงาม จึงเป็นสิ่งที่แปลกเกินคาดสำหรับเธอเท่าที่เคยพบมา

“ชาวมิฮาวิวอย่างข้ามีลักษณะเด่นหลายด้านโดยเริ่มตั้งแต่เรื่องชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เพื่อเพิ่มความแตกต่างให้กับประชาชนของตนเองในอาณาจักรอื่นๆ เพราะฉะนั้นทุกครอบครัวที่มีบุตรจึงต้องตั้งชื่อของบุตร

ให้มีความแตกต่างกันเหมือนชื่อของคนละเผ่าพันธุ์หรือคนละคนเพื่อนเป็นลักษณะเด่นไว้แบ่งแยกว่าเป็นชาวมิฮาวิว อย่างไรซะอาณาจักรอื่นก็ต้องมีเอกลักษณ์ของตนเองเหมือนกันใช่หรือไม่ เพราะงั้นเจ้าไม่ต้องสงสัยหรืองุนงงหรอกนะโซล”


เพชรอธิบายคร่าวๆให้เพื่อนใหม่รับฟังอย่างร่าเริง เธอยิ้มได้ตลอดเวลาเหมือนมีชีวิตที่มีความสุขตั้งแต่เกิด ดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นเป็นประกายไม่หม่นหมอง กริยาท่าทางที่แสดงในทุกอิริยาบถแสดงถึงความมีมารยาทในระดับหนึ่ง หากเปรียบเทียบกับสังคมในปัจจุบัน นับว่าหาได้ยากมากกับบุคลที่มีลักษณะเยี่ยงนี้

“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง เป็นลักษณะเด่นที่แยกแยะได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย ชาวมิฮาวิวนี่ท่าทางจะฉลาดมากๆ ใช่หรือเปล่าเพชร ถึงได้คิดลักษณะเด่นที่เริ่มจากเรื่องง่ายๆได้แบบนี้ ถ้าเป็นเมืองอื่นๆก็คงมองข้ามเรื่องนี้ไปแบบไม่ได้สนใจอะไรกับมันแน่ๆเลยเนอะ แบบนี้ข้าชักจะอยากรู้แล้วสิว่าชาวมิฮาวิวอย่างเจ้ามีลักษณะเด่นอะไรอีก แล้วชาวพอร์ยเอลรีย์จะมีมากเหมือนมิฮาวิวไหมนะ”

เมื่อสิ้นประโยคที่เหมือนจะสั้นแต่ฟังแล้วยาวของโซล เพชรถึงกลับทำหน้าแหยเมื่อรู้สึกถึงความสามารถในการพูดของเพื่อนสาวที่เข้าขั้น ‘พูดมาก’

“แหะๆ ก็นะ.. ว่าแต่ว่าโซลมาทำอะไรที่เมนโดเรียหรอ มาเที่ยวหรือเปล่า” เพชรตอบอย่างอึ้งๆ พร้อมถามโซลกลับไปอย่างไม่ลังเล

“เอ่อ..เปล่าหรอก ข้าเองก็คงจะคล้ายเจ้าละมั้ง” คำพูดของโซลดูเหมือนจะทำให้ความงุนงงในจิตใจของเพชรปรากฏออกมา เพราะคำว่า ‘คล้าย’ ที่โซลพูด มันทำให้เพชรฉุดคิดในบางเรื่องที่ อาจจะ เป็นไปได้

“คล้ายงั้นหรอ...อืม..ถ้าให้ข้าบอกตามตรงเพื่อไม่ให้งงทั้งสองฝ่าย ข้าก็จะบอกว่าข้าเป็นผู้ถูกรับเลือกจากอาณาจักรให้มาที่เมนโดเรียตามคำสั่งของทางค่ายนักรบน่ะ ไม่รู้ว่าเจ้าคล้ายจริงๆหรือเปล่าน่ะนะ” เพชรเอ่ยความจริงที่ปกปิดในตอนแรกกับโซลอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ก่อนจะพูดประโยคนั้นออกไป โซลดูตกใจนิดๆก่อนจะพล่ามประโยคออกมาอีกครั้ง

“ถูกรับเลือกงั้นหรอ! ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าที่ถูกรับเลือกน่ะ ถูกรับเลือกจากคนทุกคนในอาณาจักรให้มาที่เมนโดเรีย โดยเป็นหนึ่งคนจากหนึ่งอาณาจักร ซึ่งจะเป็นตัวแทนของอาณาจักรทั้งเจ็ดเพื่อมารวมตัวกันในอาณาจักรที่แปดซึ่งคือเมนโดเรีย เพื่อฝึกฝนพลังให้แข็งแกร่งใช่ไหม!” โซลพูดด้วยอาการที่ตื่นเต้นสุดขีด หากเธอไม่คิดเกรงใจคนรอบข้าง เธอคงกระโดดไปมาอย่างดีใจเหมือนเด็กห้าขวบเมื่อได้ขนมไปเรียบร้อยแล้ว

“อื้อ” เพียงคำตอบสั้นๆคำเดียวของเพชร ก็ทำให้ให้โซลแทบคลั่ง เธอเกือบจะเก็บอาการที่จะกระโดดกอดเพื่อนสาวตรงหน้าไม่ได้ เพราะอย่างน้อย เธอก็เจอเพื่อนร่วมค่ายคนหนึ่งแล้ว!

“ฮ่าๆ น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงไม่เสียเวลาคุยจนถึงเรื่องเมืองแบบนี้ ข้าก็เป็นผู้ถูกรับเลือกแหมือนกัน แม้จะไม่เข้าใจว่าคู่ควรตรงไหนก็เถอะนะ ออ! จะว่าไปข้าบอกเจ้ารึยังว่าข้ามาจากอาณาจักรอะไรน่ะ” โซลพูดกับเพื่อนสาวด้วยอาการที่ยังงุนงงในตัวเอง

“เอ่อ..รู้สึกว่าจะไม่ได้บอกตรงๆนะ แต่ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงอาณาจักรพอร์ยเอลรีย์น่ะ ใช่อาณาจักรของเจ้าหรือเปล่า” สิ้นประโยคของเพชร โซลก็ทำหน้าเหวออย่างน่าทึ่ง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอพูดออกไปเมื่อไหร่ แต่คงเป็นเพราะความเพลิดเพลินในการพูดกระมังที่ทำให้เธอไม่รู้บอกบอกชื่ออาณาจักรของตนเองออกไป

“เหอะๆ ใช่ พอร์ยเอลรีย์นั่นแหละ ข้าจำไม่ได้น่ะ สงสัยข้าจะพูดเพลินไปหน่อย ไม่ว่ากันนะเพชร” คำขอโทษที่แฝงมาในประโยคทั่วๆไปของโซลทำให้เพชรยิ้มรับอย่างไม่ต้องคิดให้ยาก เพชรไม่ได้คิดมากเรื่องความผิดพลาดของเพื่อน เพราะคงเป็นธรรมชาติของคนช่างพูดที่เป็นกันทุกคน

“ถ้าอย่างนั้น ข้าว่าเราไปค่ายกันเถอะเผื่อว่าคนอื่นๆจะไปรออยู่แล้ว” เพชรเสนอความคิดเห็นเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเสียเวลาในการพูดคุยมากเกินไปโดยไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพชรเองเป็นคนที่มักจะทำอะไรอย่างรอบคอบและตรงเวลา ก่อนออกเดินทางเธอได้คิดไว้ว่าจะต้องถึงค่ายก่อนพลบค่ำ เพราะฉะนั้นเธอจะไม่มีทางทรยศต่อความตั้งใจของตัวเองเด็ดขาด

“ไปสิ ข้าเองก็อยากเจอคนอื่นๆเต็มที ข้าแทบอดใจไม่ไหวแล้วรู้ไหม” เมื่อสิ้นประโยคของโซล ทั้งคู่ก็เดินต่อไปในตลาด เพื่อมุ่งหน้าสู่ค่ายที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตลาดประมาณครึ่งไมล์



“ฮ่าๆ เจ้านี่ช่างพูดจาน่ารักสมชื่อ เรน่าข้าว่าหุ่นแบบเจ้านั้นสวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่ข้าเคยรู้จักมาด้วยซ้ำไป ข้าไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีหญิงแบบเจ้าอยู่ในเมนโดเรียน่ะ” เสียงทุ่มต่ำที่แหลมนิดๆของชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีดำขลับขาว แต่งกายด้วยชุดทักษิโด้สีดำสนิท ดังขึ้นท่ามกลางวงล้อมของหญิงสาวนับสิบคนที่ร่ายล้อมรอบตัวของเขาเพราะความหลงใหล

“คิดเจ้าพูดแบบนี้แสดงว่าข้าไม่ใช่คนที่ดีพอสำหรับเจ้าใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งภายในกลุ่มนั้นพูดขึ้น เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากของชายหนุ่ม

“โอ๋ๆ ไม่นะไม่นะ ข้าไม่เคยมองว่าเจ้าไม่ดีพอสำหรับข้าหรอกนะฮาน่า เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน” ชายหนุ่มปลอบประโลมหญิงสาวด้วยคำพูดที่อ่อนโยน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดก๊าดของหญิงสาว

“แล้วข้าล่ะคิด”

“เจ้าก็ด้วย”

“ข้าด้วยใช่ไหม”

“แน่นอนอยู่แล้ว”


บทสนทนาระหว่างหนึ่งหนุ่มกับอีกสิบสาวดังก้องไปทั่วบริเวณทางออกของตลาด โดยข้างๆเขามีชายหนุ่มผมกระเซิงสีทองยืนอยู่ห่างๆจากวงล้อม เขาได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆในการหว่านเสน่ห์ของเพื่อนชายคนใหม่ที่พบกันขณะเข้าเมือง

เขายอมรับว่าเพื่อนคนนี้ชอบหลีสาวจนเป็นนิสัย เพราะตั้งแต่เข้าเมืองมามีสาวๆเข้ามาแจไม่มีขาดสาย โดยที่ตัวเขาเองได้แต่ปลีกตัวออกห่างจากความวุ่นวาย

แม้ว่าจะละอายกับนิสัยเจ้าชู้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะสัญชาติญาณของผู้ชายล้วนชอบหญิงสาว แต่ของเพื่อนเขานั้นหนักเกินรับได้จริงๆ

“พอเถอะคิด เราเสียเวลามามากแล้วนะ เมื่อไหร่เจ้าจะออกจากผู้หญิงพวกนั้นแล้วเดินทางต่อเสียที” ชายหนุ่มบอกกับเพื่อนชายของตนที่ยืนอยู่ท่ามกลางหญิงสาวด้วยสีหน้าท่าทางที่เบื่อหน่ายสุดขีด แต่น้ำเสียงของเขาหาได้กระทบกับเพื่อนชายแต่อย่างใด

เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา โดยไร้หนทางในการแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากเขาจะปล่อยให้เพื่อนหนุ่มของเขาแก้ปัญหาด้วยตนเอง

“ฮ่าๆ ข้าเองก็รู้สึกว่าเคยได้ยินมาเหมือนกัน รู้สึกว่าเขาโดนลงโทษด้วยการถูกกักบริเวณสามเดือนด้วยล่ะ”

“ใช่ๆ คิดแล้วสมน้ำหน้านัก หลีสาวจนได้เรื่อง ฮ่าๆ”


เสียงหวานใสสองเสียงดูเหมือนจะเป็นกุญแจสู่ทางออกของเขาในตอนนี้ ความคิดอันแสนชาญฉลาดผุดขึ้นมาทันใด เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่อ่อนหวานและร่าเริงของหญิงสาวสองคน พร้อมกับร่างบางของทั้งสองปรากฏขึ้นตรงหน้า

หญิงสาวสองคนสะพายกระเป๋าเดินทางเดินตรงมาทางพวกเขา คนหนึ่งมีเรือนผมสีม่วงอ่อนและอีกคนมีเรือนผมสีบลอนด์ขาว เขาไม่รอช้า รีบเดินไปยังหญิงสาวสองคนอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะ ช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวทั้งสองพร้อมฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์...


“โอ๋ๆ ไม่ต้องแย่งกันนะ ข้ามีของให้ทุกคนเลย” ชายหนุ่มผมดำขลับขาวบอกกับหญิงสาวรอบกายอย่างใจเย็นพร้อมแจกของเล็กๆน้อยๆให้พวกเธอทีละคน

“ไม่ทราบว่าหัวใจของท่านยังว่างอยู่หรือไม่” เสียงหวานใสของหญิงสาวผู้มาเยือนคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มยังเพลิดเพลิน เขาหันมามองหญิงสาวทั้งสองตรงหน้าอย่างสำรวจ

หญิงสาวคนหนึ่งมีเรือนผมสีม่วงอ่อน ผิวขาวอมชมพู จมูกโด่งเข้ารูป ดวงตากลมโตเป็นประกายสีทอง แต่งกายด้วยชุดลำลองสีขาวดำ ส่วนอีกคนมีเรือนผมสีบลอนด์ขาว ผิวขาวอมชมพู แก้มแดงระเรื่ออ่อนๆเป็นสีชมพู ดวงตากลมโตเป็นประกายสีฟ้าอ่อน แต่งกายด้วยชุดนักรบบางอย่างที่เขาไม่คุ้นเคย

ดวงตาของชายหนุ่มลุกโซนและร้อนแรงดั่งไฟเมื่อเขามองหญิงสาวทั้งสองอย่างเต็มตา ทั้งสองคนนั้นจัดได้ว่า สวย น่ารัก และเพอร์เฟกต์ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา ถ้านำมาเปรียบเทียบกับหญิงสาวนับสิบที่ยืนห้อมล้อมเขาไว้ ก็ไม่มีใครได้ครึ่งหนึ่งของหญิงสาวสองคนนี้ด้วยซ้ำ

“วะว่างสิครับสาวน้อย หัวใจของข้าว่างสำหรับพวกเจ้าเสมอ” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน พร้อมค่อยๆเดินออกจากกลุ่มหญิงสาวมายังบุคคลทั้งสอง

“แต่ข้าว่าหัวใจของเจ้าคงจะเต็มหมดแล้วแน่ๆเลย ดูสิหญิงสาวมากมายซะขนาดนั้น” หญิงสาวอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนกำลังงอน พลางชี้ไปที่กลุ่มหญิงสาวทั้งสิบที่หันมามองพวกเขาด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น

“เอ่อ สาวๆครับกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆผมจะไปหาถึงบ้านเลย” ชายหนุ่มหันกลับไปบอกหญิงสาวทั้งสิบคน พร้อมส่งยิ้มที่แสนจะมีเสน่ห์ ก่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจของสายตาตัวเองกลับมาที่หญิงสาวตรงหน้าทั้งสองคน

“ตอนนี้หัวใจผมก็ว่างแล้วนะครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย พร้อมยิ้มให้ทั้งคู่อย่างอ่อนโยน

“...ถ้าตอนนี้หัวใจว่างแล้ว ขอเข้าไปอยู่ได้ไหมคะ” หญิงสาวผมม่วงบอกกับชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มแสนหวานให้อย่างยั่วยวน

“ดะได้เสมอครับ” ชายหนุ่มตอบตะกุกตะกักเพราะรอยยิ้มของเธอ ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวอีกคนที่เริ่มเปลี่ยนไป

“ถ้าอย่างนั้น ก็จงรับนี่ไปนะคะ...พาราลีซิส!” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานในตอนแรก แต่กลับแข็งกระด้างและทรงพลังเมื่อเอ่ยสี่คำสุดท้ายออกมา

เมื่อสิ้นคำพูดของหญิงสาวชายหนุ่มตรงหน้าก็หยุดนิ่งไปแบบไร้การเคลื่อนไหว หรือถ้าให้เรียกแบบตรงๆ คิดชายหนุ่มนั้นโดนพลังสะกดให้เป็นอัมพาตของหญิงสาวเข้าไป เมื่อเห็นเพื่อนชายตกหลุมพรางชายหนุ่มอีกคนก็เดินมาที่ทั้งสามพร้อมยิ้มร่า

“ฮ่าๆ ขอบใจมากนะทั้งสองคนที่ช่วยสั่งสอนเจ้าบ้านี่ ข้าคิดว่ามันน่าจะเข็ดไปสักสองสามวัน แล้วนี่จะกลับเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่เนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวทั้งสองอย่างสุภาพ

“ไม่เป็นไรหรอก พวกข้าก็ว่างๆอยู่ ส่วนเพื่อนของเจ้า... หายแล้วล่ะ” หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มพร้อมชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองการพูดคุยของทั้งสามอย่างเคียดแค้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคริส! เจ้าจะสั่งสอนข้าด้วยวิธีแบบนี้เนี่ยนะ ข้าเสียสาวๆไปเจ้ารู้ไหม!”ชายหนุ่มตะคอกใส่เพื่อนของตนด้วยอาการโกรธที่เดือดดานเหมือนน้ำร้อนๆ

“ถ้าข้าไม่ใช้วิธีนี้ก็สยบเจ้าไม่ได้สิ เจ้าเป็นคนยังไงข้ารู้ดีคิด แม้เพิ่งจะรู้จักกันก็เถอะนะ ออ ข้าชื่อคริสนะแล้วนี่ก็คิด ยินดีที่รู้จักพวกเจ้าทั้งสอง ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยข้า”

“ข้าโซลไวท์หรือโซล แล้วนี่ก็คุมิโกะหรือเพชร ยินดีเช่นกัน ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงมีเรื่องต้องสะสางกันใช่ไหม”
โซลพูดอย่างร่าเริง เธอเอามือปิดปากไว้ทันทีที่พูดจบประโยค เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่

“ไม่หรอก พวกข้าก็เป็นแบบนี้แหละนะ จะว่าไปพวกเจ้าสองคนจะไปไหนกัน ทำไมถึงเดินมาทางนี้ล่ะ ทางนี้เป็นทางไปค่ายนักรบนะ” คริสถามหญิงสาวตรงหน้าทันทีที่นึกขึ้นได้ ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางไปค่ายของนักรบที่ใหญ่ที่สุด โดยส่วนมากผู้คนไม่ค่อยเดินผ่านแถวนี้บ่อยนัก

“มาทางค่ายก็ต้องไปค่ายสิ”โซลตอบอย่างไม่สนใจสีหน้าของผู้ที่รอฟังคำตอบ เมื่อเพชรเห็นดังนั้นเธอจึงกลัวว่าจะเกิดการโต้แย้งโดยไร้เหตุผลเพราะความกวนประสาทของเพื่อนสาว เธอจึงอธิบายด้วยตนเอง

“คือว่า เราสองคนกำลังจะไปที่ค่ายน่ะ เราเป็นตัวแทนจากราชอาณาจักรของเราเองในการมาฝึกที่เมนโดเรีย ตามที่ได้รับคำสั่งจากเมนโดเรียว่าให้ส่งนักรบตัวแทนมาที่เมนโดเรีย” เพชรอธิบายคร่าวๆ ซึ่งคำอธิบายนั้นทำให้คิดและคริสหน้าเหวอไปตามๆกัน

“...ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า เธอสองคนเป็นเพื่อนร่วมค่ายกับเราสินะ” คริสเอ่ยเสียงเรียบ โดยทิ้งความงุนงงให้กับทั้งสองเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองคนจะปรับสภาพตามคำพูดของคริสได้ทัน

“โอ~ แบบนี้ข้าก็ได้เข้าใกล้สาวสวยถึงสองคนเลยรึนี่” คิดพูดพร้อมส่งสายตาเป็นประกายให้กับหญิงสาวทั้งสองคน แต่สิ่งที่ได้รับกลับคืนคือความเพิกเฉย

“ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการ ข้าไม่คิดว่าจะได้พบเพื่อนร่วมค่ายเร็วแบบนี้ และข้าก็ขอโทษด้วยที่ประเมินพวกเจ้าทั้งสองต่ำเกินไป มองดูภายนอกพวกเจ้าไม่เหมือนนักรบตัวแทนเท่าไหร่ เพราะข้าเห็นท่าทางที่เหมือนพวกคนมีฐานะหาเรื่องไร้สาระทำเสียมากกว่า” โซลกล่าวกับชายหนุ่มทั้งสองอย่างสำนึกผิดเล็กน้อย

“พูดแบบนี้มะ..”

“ข้าว่าเราเข้าค่ายกันเถอะ ข้าไม่อยากเสียเวลาให้มากไปกว่านี้..เจ้าเข้าใจข้านะ”
เพชรพูดตัดบทพร้อมยิ้มอย่างสดใสก่อนที่คิดจะพูดเป็นประโยค เธอรู้ดีว่า หากปล่อยให้พูดจบ มีเรื่องแน่...


ตัวแทนทั้งสี่เดินทางเข้ามาภายในค่ายด้วยความสงบเสงี่ยม ต่างฝ่ายต่างเงียบและเดินสำรวจค่ายไปพร้อมๆกับการเดินไปที่ที่พักของผู้ดูแลค่าย

ซึ่งอยู่ใจกลางของค่ายนักรบของเมนโดเรีย แน่นอนว่ารอบๆค่ายและหลายๆจุดภายในค่าย ได้รับการป้องกันอย่างดีจากนักรบชั้นเยี่ยมที่ผ่านการฝึกฝนมาเรียบร้อยแล้ว

“มาแล้วสินะ ผู้กล้ากลุ่มที่สอง” เสียงทุ่มต่ำของชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้ามาภายในกระโจมกลางค่าย ปรากฏพร้อมกับร่างใหญ่กำยำ ที่ประกอบด้วยกล้ามเป็นมัดๆ กับผมสีม่วงดำที่ถูกจัดทรงอย่างเป็นระเบียบ

ขึ้นรูปด้วยใบหน้าที่สดใส ที่มีเคราเล็กน้อย ผิวสีแทนเข้ากับชุดหัวหน้านักรบเป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้เขากำลังนั่ง ณ ใจกลางห้องอย่างทรงพลัง

“...กลุ่มที่สอง? แสดงว่าอีกสามคนที่เหลือมาก่อนเราแล้วงั้นหรอคะ” ด้วยความช่างพูด โซลถามบุคคลตรงหน้าทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

“ใจเย็นๆสิผู้กล้า ข้าว่าเรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อนดีกว่า...ข้าชื่อเลอัส เป็นผู้ดูแลค่ายแห่งนี้” เลอัสกล่าวอย่างสุภาพ พร้อมเปรยสายตามองที่บุคคลตรงหน้าอย่างรอคำพูดต่อไป

“..อะ..เอ่อ..ข้าชื่อคริส..มาจากแกรนฟอเรล” คริสแนะนำตัวเป็นคนแรกพร้อมโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อม

“ข้าคิด จากอัลเบอร์แกรน” คิดแนะนำตัวเสียงเรียบแบบไม่สนใจบุคคลตรงหน้าเท่าไหร่

“ข้าชื่อคุมิโกะหรือเพชร มาจากมิฮาวิวค่ะ” เพชรกล่าวแนะนำตัวพร้อมยิ้มอย่างสดใส

“ส่วนข้าชื่อโซลไวท์ เดตี้ค่ะ หรือจะเรียกว่าโซลเฉยๆก็ได้ มาจากอาณาจักรพอร์ยเอลรีย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของปราสาทคริสตัลและเทือกเขาที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์

พร้อมหิมะที่ตกในฤดูฝนที่ไม่มีเมืองไหนเหมือนค่ะ”
โซลแนะนำตัวอย่างร่าเริงด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแบบไม่มีท่าทีว่าจะเศร้าหมอง

“อืม เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วนะ เดี๋ยวพวกเจ้าไปพักที่ที่ข้าเตรียมไว้ให้ก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปสถานที่ฝึกจริง เดี๋ยวข้าจะให้นักรบนำทางไป”

“เอ่อ ท่านเลอัสคะ แล้วเรื่องกลุ่มละคะ หมายความว่ายังไง ช่วยอธิบายเรื่องนี้แล้วก็เรื่องของค่ายให้เราฟังได้มั้ยคะ”
เพชรถามผู้ดูแลทันทีที่เห็นท่าทีของบุคคลตรงหน้า ที่แสดงให้รู้ได้เลยว่ากำลังจะทำอะไรต่อไป ซึ่งเธอต้องการความกระจ่างและความแม่นยำก่อนจะไปที่พัก

“นั่นสินะ ข้าลืมไป งั้นเชิญพวกเจ้านั่งก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง..” เลอัสเว้นระยะพูดสักพัก ให้นักรบทั้งสี่คนนั่งเรียบร้อย ก่อนจะยืนตัวตรงแล้วกล่าวประโยคต่อไป

“ความจริงเรื่องกลุ่มทางค่ายไม่ได้คิดจะแยกนักรบทั้งเจ็ดออกเป็นสองกลุ่มหรอกนะ แต่เราใช้เรียกสำหรับผู้ที่มาก่อนหลังตามลำดับน่ะ ซึ่งเราเห็นสามคนแรกมาก่อนและเห็นกลุ่มของพวกเจ้าตามมาในวันต่อมา เราก็เลยนับเป็นกลุ่มไปในตัว เพราะยังไงพวกเจ้าก็คงจะสนิทกับคนที่รู้จักก่อน

มากกว่าคนที่รู้จักทีหลังจริงมั้ย จะว่าง่ายๆ สรุปๆก็คือ เราไม่ได้แยกพวกเจ้า แต่พวกเจ้าแยกของพวกเจ้าเอง แต่ยังไงก็จะกลับไปรวมเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่มีผลอะไรหรอก

ส่วนเรื่องค่าย ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าคงจะอยากรู้เรื่องสถานที่ฝึกจริงน่ะสินะ... ความจริงแล้วพวกเจ้าไม่ได้ฝึกที่เมนโดเรียแห่งนี้ แต่จะฝึกที่เมนโดเรียอีกที่ ที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งมิตินั้นจะเป็นมิติที่ฝึกพวกเจ้า และให้พวกเจ้าได้ทำหน้าที่อย่างแท้จริง...”


สิ้นประโยคของเลอัส ทุกคนก็พยักหน้ารับอย่างตอบโต้ว่าเข้าใจ ก่อนเลอัสจะให้นักรบคนหนึ่งนำทางทั้งสี่คนไปที่ที่พัก ซึ่งทั้งสี่คนยังไม่ได้พบกับอีกสามคนที่เหลือ แต่คิดว่าคงจะพบกันในวันพรุ่งนี้


วันที่ได้ข้ามมิติ...



คำถามข้อที่ 8 ไม่มี -0-

//โดนถีบ




ขอโทษที่หายไปนานจร้า พอดีติดธุระน่ะ ยุ่งกับการช่วยงานอยู่

พอดียายเค้าเสีย ก็เลยต้องช่วย วันนี้วันสุดท้าย ก็เลยมีเวลามาลง

ยังไงก็อ่านให้สนุกเน้อ ^^


-ChiVas-

  • เบื่อมากมาย~
  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 265
  • ชาปกากๆ...
น่าดีใจที่การกลับมาตอนนี้ ได้โพสคนแรกหลังอัพเดท

อ๊างงงงงง อีก 4 คน ขอแบบเร้าใจได้ม่ะ คุคุคุ  woon_555


ถึงแม้การอยู่คนเดียวจะน่าเศร้า แต่ก็ยังมีสิ่งที่เคียงข้าง แม้มันจะโต้ตอบเราไม่ได้ก็ตามที


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
น่าดีใจที่การกลับมาตอนนี้ ได้โพสคนแรกหลังอัพเดท

อ๊างงงงงง อีก 4 คน ขอแบบเร้าใจได้ม่ะ คุคุคุ  woon_555


ยินดีด้วย  woon_sunny -0-

อีก 3คนนะพี่ >< ไม่ใช่ 4 ...555+


•♫•и๐๐и•♫•

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 216
  • Otaku Number.1!
อ๊ากกกก ตอนนี้แก้ไขบททุกบทที่ผ่านมาได้สนุกโฮก

แต่ไม่สามารถแก้ไขกระทู้ได้ T^T

โถๆ บทนำอันแสนอลังการ... เมื่อไหร่จะมีคนดูแลบอร์ดซะทีนะ T[]T