เทเรเซีย
บทนำ
ท่ามกลางความมืดมิดดั่งห้วงแห่งรัตติกาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดจนทำให้อดรู้สึกเหน็บหนาวและเดียวดาย แสงสว่างที่วาบขึ้นตรงหน้าก่อให้เกิดวามรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด จนทำให้เด็กสาวอดใจที่จะเอื้อมมือไปคว้าวัตถุอันเป็นบ่อเกิดแห่งพลังงานตรงหน้ามาไว้แนบอกไม่ได้ ความอบอุ่นคุ้นเคยอย่างประหลาดแทรกซึมผ่านทั่วทุกรูขุมขน ร่างกายอันเหน็บหนาวอุ่นขึ้นในทันใด ความมืดที่เคยปรากฏลับหายกลายเป็นแสงสว่างสีขาวพุ่งออกมาจากวัตถุในมือ จนดวงตาสีสนิมต้องปิดลง
เวลาผ่านไปเล็กน้อย ดวงตาของเด็กสาวกลับลืมขึ้นอีกครั้ง ภาพของอาคารบ้านเรือนโบราณรูปทรงแปลกตาดูสวยงาม ปรากฏขึ้นแทนแสงสว่างที่ค่อยๆ จางลงไป
ทางด้านหน้าปรากฏซุ้มประตูหินสีแดงดั่งไฟ ประดับด้วยสัตว์ 1 คู่ ที่มีลักษณะคล้ายสิงโตหากแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก มีหางดังม้า และมีเขาราวกับเขาของยูนิคอน 1 อัน ด้านบนหัวระหว่างใบหูทั้งสองข้าง ยามเมื่อซุ้มประตูขนาดใหญ่เปิดกว้าง ปรากฏเป็นปราสาทหินสีแดงที่ดูโอ่อ่าตระการตา แต่มันกลับแฝงด้วยความรู้สึกคุ้นเคย...
ทันใดนั้น ภาพทั้งหมดก็พลันสลายไป ราวกับโทรทัศน์ถูกปรับเปลี่ยนช่องอย่างกะทันหัน...
“เคร้ง! พรึบ! โอ๊ย” เสียงโลหะกระทบกันที่มาพร้อมๆ กับเสียงร้องระงมอันแสนเจ็บปวดดังแว่วเข้าสู่โสตประสาทของเด็กสาว เธอหันไปมองภาพด้านหลังอย่างช้าๆ
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือ...สมรภูมิรบขนาดย่อมท่ามกลางป่ากว้าง
กองกำลังสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย...
กองกำลังกลุ่มแรกแต่งกายเหมือนกันในชุดสีขาวบางคนถือดาบ บางคนถือไม้คทาที่มีลำแสงปล่อยออกมาทุกครั้งที่ยกขึ้นและมักจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างตามมาด้วย เช่น สายน้ำพุ่งออกมา หรือแม้แต่เปลวเพลิงก็ตามที กองกำลังกลุ่มนี้กำลังปกป้องบุรุษในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวขลิบทองผู้ถือไม้คทาสีทองด้ามสั้นกว่าที่ควรจะเป็น ที่ดูราวกับบาดเจ็บไม่น้อยกับสตรีชุดสีฟ้าสดใส ในมือของเธอนั้นมีห่อผ้าสีขาวอุ้มไว้แนบอกบอกให้รู้ว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งชีวิต...
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้นรวดเร็วและน่ากลัว เหมือน...เหมือน...เหมือนปีศาจกระหายเลือดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางและดูเหมือนสิ่งที่มันต้องการคือห่อผ้าสีขาวในมือของสตรีชุดฟ้านั่นเอง
“ราชู ท่านจงพามีร่าและธิดาแห่งเราหนีไปก่อน” บุรุษร่างองอาจข้างสตรีนางนั้นกล่าวขึ้นกับบุรุษที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่ดูแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ผมสีน้ำเงินยาวจรดกลางหลังของเขาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
“...แต่ว่า...ท่านคนเดียวสู้ไม่ไหวหรอก ลงได้จตุรทูตมากันครบแบบนี้ แล้วยังจะ...”
“ข้าบอกให้ไป!” เสียงทรงอำนาจตวาดลั่นก่อนจะชักดาบขึ้นมาแทนคทาสีทองที่หักเป็นสองท่อนวิ่งไปสู่สมรภูมิรบอันดุเดือด ผมสีทองของเขาลู่ไปตามลมเพราะความเร็วอันเหลือเชื่อของร่างกายที่พุ่งออกไป
“ท่านพี่...!” สตรีผมสีฟ้านางนั้นร้องเรียก น้ำตาของเธอหลั่งลงมาเป็นสาย ก่อนจะถูกบุรุษชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินนั้นดึงออกไป ทิ้งภาพการสู้รบเบื้องหลังไว้จนลับสายตา
“พี่ราชู...ท่านกลับไปช่วยองค์ราชาเถอะ ข้า...ไม่เป็นไร” มีร่ากล่าวทั้งน้ำตา นัยน์ตาสีฟ้าของเธอพร่ามัว น้ำเสียงของเธอสั่นไหวราวใจจะขาด
“ไม่ได้พี่จะปล่อยให้เจ้ากับหลานของพี่เป็นอะไรไม่ได้เป็นอันขาด” ราชูจับข้อมือของผู้เป็นน้องสาวไว้แน่น
“แต่องค์ราชา...”
เด็กสาวผู้เป็นดั่งส่วนเกินแห่งบทสนทนาเฝ้าดูบทสนทนานั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเห็นบุรุษชุดสีน้ำเงินนั้นทรุดตัวลง หญิงสาวมองภาพนั้นอย่างตกใจเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานซึมออกมาจากใบหน้าของชายผู้นั้น
“ฮ่า...ฮ่า..ฮ่า” เสียงแหบแห้งชวนขนลุกหัวเราะร่า คาดว่าคงมาจากที่ไม่ไกลนัก
“พี่ราชู...” มีร่าร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก มือของเธอกระชับกอดร่างน้อยๆ ในห่อผ้าไว้แน่น
“หนีไปก่อน...มีร่า” ราชูกัดฟันพยุงตัวขึ้นมาอย่างยากเย็น เลือดสีแดงยอมชุดสีน้ำเงินจนชุ่มโชกไปด้วยเลือดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล แต่กระนั้น...เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ
มีร่าตัดสินใจหอบลูกน้อยวิ่งน้ำตาพราวไปในทิศตรงกันข้ามกับเสียงที่ดังออกมาเมื่อครู่ ทิ้งภาพการต่อสู้ไว้เบื้องหลัง...
เธอวิ่งออกมาด้วยขาอันอ่อนล้าเต็มทน ขาดทั้งจุดมุ่งหมายและทิศทาง เธอรู้พียงแต่ว่า...เธอต้องปกป้องคนที่อยู่ในอ้อมอกนี้จนถึงที่สุด...
มีร่าทรุดตัวลงข้างต้นไม้ใหญ่กอดบุตรสาวไว้แนบอก