ทหารทั้ง ๒ กองร้อยเคลื่อนที่พ้นทุ่งนาเข้าไปแล้ว ระเบิดควันสีเขียวสีม่วงสีเหลืองถูกเหวี่ยงออกไปเป็นสัญญาณบอกแนวให้นักบินรู้ว่ากำลังของเราอยู่ที่ไหน กันชิพทั้งสองเครื่องต่างผลัดเปลี่ยนกันกระหน่ำเสียจน ผกค. โงหัวไม่ขึ้น พอกระสุนปืนและจรวดหมดก็บินกลับไปโหลดให้ โดยเปลี่ยนให้ บ.จล. ๒ “สปุ๊กกี้” ของกองทัพอากาศซึ่งบินวนคอยทีอยู่แล้วลงกระหน่ำด้วยปืน“มินิกัน” ที่มีอัตราการยิงมากกว่า ๖,๐๐๐ นัดต่อนาที
เท่านั้นยังไม่หนำใจพอ “สปุ๊กกี้” จากไป ปืนใหญ่จากฐานยิงบนเขาค้อเริ่มบรรเลงซ้ำลงยังที่หมายเดิมเป็นวงกว้าง เสียงระเบิดตูมตาม ต้นหมากรากไม้ล้มระเนระนาดทั้งหินทั้งดินฟุ้งกระจายสะเกิดปลิวว่อนจนเราต้องหลบกันจ้าละหวั่น เพราะเป็นการยิงในระยะใกล้แนวของทหารภาคพื้นดิน ผู้ตรวจการณ์หน้า (ผตน.) ต้องตะโกนกรอกวิทยุเสียงลั่นให้ยิงห่างแนวออกไปหน่อย ภารกิจยิงของปืนใหญ่ครั้งนี้รู้สึกสะใจจริงๆ เพราะเป็นการยิงติดต่อกันยาวนานนับชั่วโมง
พอปืนใหญ่เงียบเสียงไป คราวนี้ ร้อย ร.๔๔๒ กับ ร้อย ร. ๔๔๓ ก็ชาร์ทเข้าไปโดยอัตโนมัติ กำลังทั้งสองกองร้าอยเข้าไปลุยอยู่ในบริเวณสำนักทหารช่างก่อนแล้วเลยเข้าไปที่ รร.การเมืองการทหาร เผาให้มันวายวอดไปเลย หมูเห็ดเป็ดไก่วิ่งกันกระเจิงเสียง กระโต๊กกระต๊ากดังลั่นป่าไปหมด ผกค.หนีกันเตลิดเปิดเปิงเห็นหัวสลอนวิ่งเข้าป่าไปปักหลักสู้อยู่ตามคูยิงและบังเกอร์ที่มีอยู่อย่างมากมายในบริเวณนั้น ทิ้งศพเพื่อนนอนตายไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้นับได้เกือบ ๒๐ ศพ โดยมีทหารไล่ตามขยี้อย่างดุเดือด
เสียงปืนดังกึกก้องไฟลุกข้ามจากหลังโน่นไปหลังนี้ติดต่อกันไปเป็นบริเวณกว้างหลายไร่ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตถูกนำออกจากป่าอย่างทุลักทุเลแล้วนำไปคอย ฮ. อยู่ที่บริเวณทุ่งนาเพื่อรอส่งกลับส่วนหลังต่อไป
หลังจากศึกถล่มศูนย์ประสาท ผกค. เขต ข.๓๓ ผ่านไป ผู้พันหาญสั่งให้ตรวจค้นทันที สิ่งของ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือช่าง เอกสารสำคัญต่างๆ ถูก ผกค. นำไปซุกซ่อนไว้ตามอุโมงค์ โดยเฉพาะที่ริม ลำน้ำเข็ก พวก ผกค. ได้ขุดอุโมงค์ไว้ เรียงกันเป็นตับเต็มตลิ่งไปหมด และใช่ว่าจะขุดกันตื้นๆ เสียด้วย แต่ละแห่งจุคนได้ไม่น้องกว่า ๕ คนขึ้นไป
ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ผู้พันหาญได้สั่งให้กำลังเข้าโจมตีสำนักนาเคลื่อนที่ ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารไปประมาณ 2 กม. แต่การต่อสู้กับ ผกค. ที่นี่ไม่หนักหนาเท่าไรนัก เพราะ ผกค. ได้นำกำลังจากที่หมายนี้ไปช่วยสู้รบที่สำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารหมด จึงเหลือกำลังอยู่ไม่กี่คน การรบจึงไม่รุนแรง
ตามแผนที่กำหนดไว้นั้น จะใช้ ฮ. เคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศลงสู่ฐานที่มั่นของ ผกค. ในบริเวณหนองแม่นาพร้อมกัน ๒ กองพัน คือ พัน. ร. ๓๔๔๔ และ พัน. ร. ๓๔๔๗ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ใน วันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ จึงได้ส่ง พัน. ร. ๓๔๔๔ ลงไปก่อนเพียงกองพันเดียว ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ส่วน พัน. ร. ๓๔๔๗ นั้นได้เคลื่อนย้ายกำลังเข้าที่หมายในวันที่ ๒๑ ก.พ. ๒๕๒๔
พัน. ร. ๓๔๔๗ เป็นกองพันผสมระหว่างทหารจากกรมทหารราบที่ ๔ กับกรมทหารราบที่ ๗ กองพันนี้อยู่ในบังคับบัญชาของ พ.ต. ประสม สอนปาน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การกวาดล้าง ผกค. และทำลายโรงพยาบาลเขต สำนักพลาธิการเขต ๑๕ พลาธิการกองร้อย ซึ่งที่หมายทั้งหมดนี้อยู่ที่บริเวณตีนเขาย่า ใกล้กับหมู่บ้านทุ่งแดงชิงชัยใหม่ มีทหารบ้านติดอาวุธจำนวนหนึ่งเฝ้ารักษาไว้อย่างแข็งแรง
นักบิน ฮ. และช่างเครื่องต้องทำงานหนักกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะ ฮ. ที่นำมาใช้ในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ก็คือ ฮ. ชุดเดียวกับเมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ ฮ. ทุกเครื่องได้ถูกนำไปรวมไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งในเพชรบูรณ์ตั้งแต่เมื่อพลบค่ำแล้ว การเตรียมการเป็นไปอย่างคึกคัก พล.ต. ระลอง รัตนสิงห์ พ.อ. พิจิตร กุลละ-วนิชย์ พ.อ. สุรเชษฐ์ เดชาติวงศ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ วิ่งวุ่นกันตั้งแต่เช้า เพราะขณะนี้หน่วยต่างๆ ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่หนองแม่นาได้รายงานเข้ามาเป็นระยะ ๆ บางหน่วยยึดที่หมายได้กำลังรอรับคำสั่งปฏิบัติต่อไป บางหน่วยร้องขอ ฮ. เพื่อไปรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บางหน่วยร้องขอกระสุนและเสบียงเพิ่มเติม
ครั้นได้เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ขณะนี้ ฮ. ทุกเครื่องติดเครื่องรอพร้อมอยู่แล้ว พอทหารจาก พัน.ร. ๓๔๔๗ กองร้อยแรกขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว ฮ. ลำเลียงทั้ง ๑๐ เครื่อง ได้ทยอยกันขึ้นตามลำดับมุ่งไปทางบ้านเล่าลือ โดยมี ฮ. กันชิพ ๔ เครื่องบินคุ้มกันไปตลอดทาง เมื่อถึงพื้นที่เหนือเป้าที่ได้กำหนดให้เป็นที่ร่อนลงจอดของ ฮ. แต่ละเครื่อง จึงได้ลดระดับเพื่อเตรียมปล่อยทหารลง....
ไอ้พวกแม้วแดงซึ่งคอยทีอยู่แล้วก็เริ่มแผลงฤทธิ์ยิงถล่มไปที่ ฮ. ทันที ซึ่งมันคงหวังอย่างยิ่งว่าวันนี้ต้องซัด ฮ. ให้ระเบิดกลางอากาศให้ได้อย่างน้อยหนึ่งเครื่อง
เพราะเมื่อวานนี้พวกมันเสียท่าถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว มันระดมยิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา กระสุนมีเท่าไรมันซัดเข้ามาเป็นห่าฝน แต่ฝ่ายเราก็รู้ตัวมาก่อนแล้วว่าวันนี้มันต้องเล่นหนักแน่ เพราะฉะนั้นแทนที่จะปล่อยให้มันเล่นเอาฝ่ายเดียว ปืนทุกกระบอกทั้ง เอ็ม-๖๐ บน ฮ. และอาวุธประจำกายของทหารแต่ละคนที่อยู่บน ฮ. จึงซัดสวนลงไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เท่านั้นยังไม่พอ ฮท. ๑ (กันชิพ) ซึ่งบินวนคอยทีอยู่ก่อนแล้วยังช่วยถล่มลงไปอีกจนในเงยหัวไม่ขึ้น
แต่ถึงแม้ว่าจะยิงถูกต่อต้านจากภาคพื้นดินหนาแน่นเพียงไร นักบินผู้กล้าจากศูนย์การบินทหารบกก็สามารถส่งทหารทั้งหมดลงสู่ที่หมายได้ตามแผน พอตั้งตัวได้ก็เคลื่อนเข้าหาโรงพยาบาลเขตทันที เพราะมองจากพื้นที่ส่งลงก็สามารถเห็นหลังคาของโรงพยาบาลเขตอยู่ในชายป่าข้างหน้าแล้ว และพอขยับเข้าไปใกล้ ผกค. อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคอยต้อนรับอยู่แล้วก็ส่งไอ้หัวปลีมรณะออกมาทักทายทันที
“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ” ติดตามด้วยเสียง “เปรี้ยง...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...” ซึ่งเป็นเสียงปืนอาร์ก้าและเซกาเซ่อย่างถี่ยิบ "ไม่เป็นไร เอ็งยิงได้ยิงไป ข้าก็มีสิทธิยิงได้เหมือนกัน" ทหารทุกนายบุกเข้าไปเป็นแถวหน้ากระดาน รุกคืบหน้าใกล้เข้าไปตามลำดับ และพอใกล้เข้าไป กับระเบิดที่ ผกค. วางไว้อย่างหนาแน่นก็ระเบิดตูมๆ นักรบของเราพลีชีพไป ๒ นาย และจากนั้น ร.ท. พรธเณศร์ สุนทรเกส ผบ. ร้อย ก็สั่งให้เคลื่อนที่ช้าลง
ในช่วงที่ฝ่ายทหารชะลอการบุกนั่นเอง ที่ฝ่าย ผกค. ได้ฉวยโอกาสถล่มด้วยอาวุธนานาชนิดอีกครั้งหนึ่ง แล้วดาหน้าเฮโลออกมาจากชายป่าหวังจะอัดให้ละลายไปในพริบตา ร.ท. พรธิเณศร์ สั่งทหารทุกนายสู้ตายทันที เสียงปืนและลูกระเบิดมือดังสนั่นหวั่นไหว การรบเป็นไปอย่างดุเดือด ทุกคนยิงอย่างไม่ยั้งมือ บางคนยิงจนกระบอกปืนกลายเป็นสีแดงเพราะความร้อน การปะทะเป็นไปอย่างหนักกินเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ผกค. แตกกระเซอะกระเซิงหลบหนีเข้าป่าไปแล้ว ร.ท. พรธเณศร์ สั่งไม่ใช้ติดตามหรือเข้าตรวจค้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกลัวว่าอาจจะถูกกลลวงให้เราเข้าสู่พื้นที่สังหารก็ได้
ห่างจากพื้นที่ปะทะบริเวณโรงพยาบาลเขตไปเล็กน้อย ฮ. เที่ยวที่สองได้นำทหารจาก พัน.ร. ๓๔๔๗ อีกกองร้อยหนึ่งลงสู่ที่หมายแล้ว ทหารกองร้อยนี้มีหน้าที่เข้าทำลายสำนักพลาเขตซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน และเช่นเดียวกับทุกครั้ง ผกค. ที่แอบซ่อนอยู่ตามหุบเขาก็ยิงต้อนรับอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ความหวังของมันที่จะระเบิด ฮ. ก็เกือบจะเป็นผลสำเร็จ เพราะ ฮ. เครื่องหนึ่งที่บรรทุกทหารมาถูกยิงเข้าที่สุดสำคัญจนเครื่องดับ เซถลาลงมากับพื้นดินและทำท่าจะพลิกหงายท้อง จ.ส.อ. พรศักดิ์ แก้วประสิทธิ์ ช่างเครื่องรีบกระโดดลงมาจาก ฮ. ผลักทหาร ๔-๕ นาย ให้ออกไปพ้นรัศมี มิฉะนั้นอาจจะถูก ฮ. ทับแบน
แต่เดชะบุญ ฮ. ที่ทำท่าจะพลิกตะแคงจนฐานสกีข้างหนึ่งชี้ฟ้านั้นเกิดพลิกตัวกลับได้อย่างปาฏิหาริย์ และเครื่องก็เกิดติดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นักบินจึงรีบนำเครื่องโผขึ้นสู่อากาศทันที โดยหารู้ไม่ว่าขณะนี้ จ.ส.อ. พรศักดิ์ ยังวิ่งหลบกระสุนของ ผกค. อยู่ข้างล่าง ต่อมาเมื่อนำเครื่องกลับมาถึงลานจอดแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าช่างเครื่องของตนหายไปคนหนึ่ง จึงตามตัวกันจ้าละหวั่นตามหาเท่าไรก็ไม่พบเลยวิทยุไปที่หน่วยซึ่งปล่อยลงเมื่อสักครู่ จึงได้รู้ว่า จ.ส.อ. พรศักดิ์ ตกค้างอยู่ที่นั่น แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถไปรับได้เพราะหน่วยกำลังปะทะหนัก จ.ส.อ. พรศักดิ์ ก็เลยต้องจับปืนช่วยเขารบไปพลางๆ ก่อน วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์เบาบางลงจึงได้นำ ฮ. ไปรับกลับมารับขวัญเป็นการใหญ่ เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องฮาไม่สิ้นสุดจนทุกวันนี้..
ในวันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๒๔ ร.ท. พรธเณศร์ ผบ.ร้อย ได้สั่งทหารให้บุกเข้าโจมตีโรงพยาบาลเขตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเจ็บใจที่เมื่อวานนี้ถล่มไม่สำเร็จ แถมเมื่อคืนนี้มันยังตามมากวนตลอดคืนอีกด้วย วันนี้ต้องเอาให้แหลกให้ได้ โดยให้ปืนใหญ่ยิงเข้าถล่มเข้าไปก่อนตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ให้ ฮ. กันชิพ เข้ายิงถล่มซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ ฮ. กันชิพ บินผละออกไปจากที่หมายไปแล้ว ร.ท. พรธเณศร์ ก็สั่งให้ทหารชุดแรกเคลื่อนที่เป็นหัวหอกเจาะนำเข้าไป และให้ทหารอีกสองส่วนแยกเข้าตีปีกซ้ายปีกขวา
นาทีระทึกใจใกล้เข้ามา....ทหารทั้งหมดค่อยๆ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ เพราเกรงใจกับระเบิดที่เจ้าของบ้านวางดักเอาไว้ พอเข้าใกล้เข้าไปห่างจากที่หมายประมาณ ๑๐๐ เมตร ปืนทุกกระบอกทุกชนิดก็เปิดฉากยิงถล่มขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กัน เสียงปืนฝ่าย ผกค. ก็ตอบโต้มาทันใจเหมือนกัน
“เปรี้ยง...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...”
“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ” ไฟจากท้ายกระบอก อาร์พีจีของมันพุ่งไปข้างหลังขณะยิงเสียงดัง “ฟั่บ...ๆ...”
“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ” จรวดอาร์พีจี ตกใกลักับทหารฝ่ายเราสะเก็ดปลิวว่อน ทหารที่ถูกสะเก็ดร้องโอยๆ ไป ๒-๓ นาย
คราวนี้ไม่ต้องเลี้ยงต่อไปแล้ว อาวุธมีเท่าไรถล่มเข้าไปไม่นับ เสียงสนั่นหวั่นไหว บางคนลุกวิ่งพรวดเข้าไปขว้างลูกระเบิดมือดัง หวือ....ตูม ดินกระจาย สะเก็ดปลิวว่อน
ร.ท. พรธเณศร์ สั่งทหารบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ตัวเองวิ่งกราดปืนนำหน้าไปก่อน จนพลวิทยุตามเกือบไม่ทัน.... แต่แล้วพอเกือบถึงที่หมายอยู่รอมร่อก็มีเสืยงดัง.... “บึ้มส์.....”
ร่างของ ร.ท. พรธเณศร์ ถลากระเด็นลอยคว้างเพราะไปเหยียบกับระเบิดเข้า ทหาร ๒ นายโผเข้าประคองลากถอยออกมา ไม่เป็นไรครับ... เพียงแค่ขาซ้ายเละ ข้อเท้าขวาหมุนได้รอบ เลือดไหลไกรกยังกับน้ำประปา แต่ถึงกระนั้นผู้หมวดใจเด็ดก็ยังป้องปากตะโกนลั่น “เอาเข้าไป...เหยียบมันให้แหลกคาตีน...ทางนี้ไม่ต้องห่วง...”
เท่านั้นเองทหารไม่ต้องคืบต้องคลานกันอีกแล้ว ทุกคนวิ่งพรวดเข้าชาร์ทไปทันที ไอ้แม้วเห็นท่าไม่ดีเพราะยิงสกัดเท่าไรก็ไม่อยู่ ยิ่งยิงทหารยิ่งบุก มันหวดด้วยอาวุธทุกชนิดเป็นครั้งการสั่งลาแล้วโกยแน่บเข้าไป ทิ้งเพื่อนฝูงหลายคนเละเป็นปลากระป๋องอยู่ทางนี้เลือกสาดแดงฉานไปหมด ป่านนี้ได้พวกหมอกับพยาบาลซึ่งมีอยู่ประมาณ ๓๐ คน คงจะเปิดแน่บไปนานแล้ว ทิ้งให้พวกทหารบ้านซึ่งน่าจะมีอยู่ประมาณ ๓๐ คน สู้อยู่กับทหาร
พอทุกคนย่างเหยียบเข้าไปถึงที่หมายก็ไม่ฟังเสียง จ่อไฟแช๊กเข้าที่ชายคาบ้านซึ่งมุงด้วยแฝกไฟก็ลุกพึ่บพั่บควันโขมง ไม่กี่อึดใจโรงพยาบาลเขตของพวกมันก็ตกอยู่ในกองเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วด้วยแรงลม และในขณะเดียวกับที่กองร้อยที่ ๑ ของพัน ร. ๓๔๔๗ เข้าโจมตีโรงพยาบาลแห่งนี้ กำลังอีกกองร้อยก็กำลังถล่มสำนักพลาเขตของ ผกค. อยู่อย่างเมามัน
โดยสังเกตได้จากเสียงปืนทุกชนิดที่ดังอื้ออึงไปหมด บนท้องฟ้า ฮ. กันชิพหลายเครื่องบินว่อนเหมือนฝูงเหยี่ยว จิกหัวลงยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลเขต ที่การเข้าตีที่หมายมีความดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะสำนักพลาเขตมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่หมายแห่งอื่นๆ เพราะเป็นคลังมหึมาที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์สายพลาฯ
รวมทั้งอาวุธกระสุนที่สะสมไว้เพื่อรอลำเลียงไปสนับสนุน ผกค. ที่จังหวัดตากด้วย คลังต่างๆ ที่มีอยู่กว่า ๑๐ หลังล้วนแล้วมีแต่ขนาดใหญ่โตทั้งสิ้น ซึ่งแน่ละที่เจ้าของต้องหวงเป็นธรรมดา เพราะถ้าคลังแห่งนี้ถูกทำลายได้เมื่อใดก็หมายความว่าอาวุธกระสุนที่รวบรวมไว้จำนวนมหาศาลจะต้องวอดวายไปด้วย แล้ว ผกค. เหล่านี้จะสู้อยู่ได้อย่างไร เพราะมีปืนก็เหมือนมีสากกะเบืออันหนึ่งเท่านั้นเอง...!!