GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

[FanFicAsura][เรื่องสั้น] : Deceitful Memory (เคยลงในบอร์ดเก่า;)

(´Д`)ノ oOo.o.O <ซูริ>

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 263
  • *~Ca$p€r~*,, if it wasn’t for you :)
แอบเอางานเก่าจากบอร์ดเก่ามาลงซ้ำ *ฮา*
ก็เห็นคนที่ไม่เคยอ่านเยอะนิ  g#003
เหมือนจะลงแต่งานเก่าเก่า -_-'

เพลงประกอบ แนะนำให้ฟังคลอนะ เพราะฟังเพลงนี้ตอนแต่ง






[FanFicAsura][เรื่องสั้น] : Deceitful Memory
By : ซูริ
Date : 28 March 2011
<deceitful = ซึ่งหลอกลวง)

    ‘ข้ารักเจ้านะ’
    ‘อื้ม’
    ‘รักจริง ๆ นะ ไม่เคยโกหก จะสาปแช่งข้าก็ได้หากข้าไม่กล่าวความจริง’
    ‘บ้า แล้วนี่ไม่พักผ่อนหน่อยหรือไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฝึกจนเป็นลมข้าไม่รู้ด้วยนะ’
    ‘ข้าทนได้…’
    ‘…’
    ‘จะให้ทนเพื่อเจ้าทั้งชีวิต ข้าก็ทนได้’
    ‘อ่า…’
    ‘เพราะข้ารักเจ้า’
 
    ยังจำได้ไหม คำที่เจ้าเคยเฝ้าบอก
    ยังจำได้ไหม ยามคิดถึงถวิลหา
    หรือทุกช่วงเวลา…ทุกชั่วโมง...ทุกวินาที
    มันเป็นแค่หน้ากากและกลลวง ไม่เคยมีค่าพอให้เจ้าจดจำ
 
++

    ร่างบางยืนนิ่งอยู่ริมหน้าผาสูงชัน เส้นผมสีน้ำตาลยาวสะบัดไหวไปตามลมฤดูหนาว นางยืนอย่างนิ่งงัน ปล่อยให้ปุยหิมะสีขาวสัมผัสลงบนผิวกายที่เย็นเฉียบ
    หิมะเอ๋ย...โปรยปรายอย่างงดงาม...นุ่มนวล จากนั้นความงามก็เหลวละลาย ไม่ต่างกับความทรงจำเมื่อสองปีก่อน
    นางไม่เคยนึกฝันว่าคนที่บอกรักกันทุกเช้าเย็น กลับถูกอำนาจเงินตรา ซื้อตัวให้เข้ากับสมาคมอริ
    ครั้งสุดท้ายที่พานพบกัน...เจ้ายังยิ้มให้ข้าเฉกเช่นทุกคืนวัน
    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในวันนี้ของเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเป็นวันที่สงครามชิงปราสาทถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ นางถูกสั่งให้เป็นผู้ถือแผนที่ลับซึ่งระบุตำแหน่งธง โดยหวังให้ฝ่ายตรงข้ามมุ่งหาเพียงแต่จากสมาชิกคนใหญ่คนโตเท่านั้น
    นึกไม่ถึงว่าคนที่นางไว้ใจที่สุด จะเป็นผู้ลงมือ
    แผนที่หนึ่งใบ...ธงที่ได้ในสงครามใหญ่คือที่สุดแห่งเกียรติยศในรอบห้าร้อยปี
    แผนที่หนึ่งใบ...แลกกับเงินและอำนาจมหาศาล ที่คนทรยศคนหนึ่งจะมีได้...
    “เกรเทีย เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ?” เสียงหวานใสร้องถามจากด้านหลัง นักเวทสาวสะดุ้งเฮือกจากภวังค์ จากนั้นหันไปยิ้มจาง ๆ ให้กับผู้มาใหม่
    “เปล่านี่นา มายืนมองหิมะน่ะ”
    “แล้วไม่หนาวหรือไงฮะ” เด็กสาวที่ห่อตัวอยู่ในเสื้อขนสัตว์ตัวโตขมวดคิ้ว
    “เย็นดีนี่นา เจ้าน่าจะลองดูบ้างนะเรเรีย”
    เรเรียคว้าแขนของอีกฝ่าย ลมแทบจะจับกับความเย็นที่แผ่ซ่านผ่านจากเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม
    “กลับเข้าปราสาทได้แล้ว อีกชั่วโมงจะมีประชุมกิลด์แล้ว เดี๋ยวข้าขอให้พวกพี่สาวหาอะไรอุ่น ๆ ให้จิบ” คนตัวเล็กกว่าออกแรงฉุดลากเพื่อนสาวให้ตามตนมาอย่างลำบาก “เร็วเข้า ให้ตาย! หัดรักตัวเองบ้างสิ”
    ได้ยินเพียงเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าจางของนักเวทสาวก็ราวกับจะดับแสงลง
    ใบหน้าของใครคนนั้นก็ปรากฏขึ้นกลางใจ ทุกคำพูด...ทุกการกระทำที่เคยมอบให้
    หากให้ข้ารักตัวของข้าเอง ข้าคงทำไม่ได้ดีนักหรอกเรเรีย
    เพราะทุกรัก ทุกความใส่ใจ
    ข้ามอบให้ใครคนนั้น จนไม่อาจมอบให้ใครได้อีกจริง ๆ
 
++

    หลังจากดื่มชาร้อน ๆ ตบท้ายด้วยเค้กชิ้นเล็ก ๆ และคำเทศน์ยาวเป็นชุดจากเรเรีย เกรเทียก็เข้ามานั่งทำตาแป๋วในการประชุมกิลด์ก่อนสงครามชิงปราสาทอย่างทุกครั้งสำหรับการประชุมสมาคมทุกครั้ง แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีปัญหา เพราะสมาชิกแต่ละคนล้วนเป็นพวกไม่ยึดติด เป็นตัวของตัวเองสูง ขอเพียงแต่กฎระเบียบนั้นไม่ปิดกั้นอิสระมากเกินไป หรือบังคับให้ก้มหัวให้คน ๆ ไหนก็เพียงพอ
    หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่เคร่งเครียด ไม่แยแสจะออกความเห็นอะไรมากนัก
    ในเวลานั้น มีเพียงนักรบหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นที่ยืนอยู่ คำบ่นมากมายดังออกมารัวเร็วจนแทบฟังไม่ทัน หญิงสาวพอจะจับใจความได้เพียงว่า
    “...นี่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะครับรุ่นพี่! พวกกิลด์โอเวอร์ฯ (Overwhelm) มันใช้คาถาแปลงเป็นมอนส์เตอร์ แล้วมาตีข้าแย่งซูลันไป ข้าว่าถ้าไม่ส่งคนไปเคลียร์ไอ้เรื่องแย่ง ๆ เนี่ย มันไม่จบง่าย ๆ แน่ แล้วถ้าเจอหน้ามันอีกทีข้าก็ไม่ไว้หน้าแล้วนะครับ!”
    หัวหน้าสมาคมยังคงนั่งรับฟังอย่างใจเย็น จนกระทั่งอารมณ์ของนักรบผู้นั้นสงบลง
    “จะให้วู่วามจัดการเลยก็คงไม่ได้หรอกนะ” หัวหน้าหนุ่มว่า “แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนระวังตัวกันเอาไว้ด้วย หากเป็นการป้องกันตัวขอให้ลงมืออย่างเต็มที่ สรุปว่ากิลด์วอร์วันนี้ใช้แผนเดิม ส่วนปัญหาของใครที่ข้าบอกจะจัดการให้ ข้าก็จะจัดการให้ตามนั้น...แยกย้ายกันไปตามแต่ละปาร์ตี้ได้แล้วครับ”
    ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ยิ้มของหัวหน้ากิลด์ธานาทอสอบอุ่นเสมอ แม้จะเป็นยามกราดเกรี้ยวก็ตาม
    เกรเทียเดินพร้อมกับเรเรียออกมาจากโถงประชุม จากนั้นสอดส่ายสายตาหาปาร์ตี้หน้าบ้านที่ทั้งสองคนเป็นคนดูแล
    “เกรย์จัง! เรริ๊นจัง!” เสียงแบ๊ว ๆ ร้องทัก ตามมาด้วยร่างของพระสาวผมสีชมพู “ทำอะไร๊กันน้ะ”
    “ก็มาเตรียมวอร์ไงจ้า” เรเรียหัวเราะ ก่อนจะเรียกเอาดาบคู่ออกมาถือไว้ในมือ “วันนี้เอาให้เต็มที่เลย แล้วแน่นอนที่ต้องระวังน่ะ คนนู้น”
    สาวน้อยพยักพเยิดไปทางเกรเทียที่ยืนรวมกับสาว ๆ คนอื่นในปาร์ตี้
    “อารมณ์เบื่อ ๆ เหนื่อย ๆ แบบนี้ทีไร พอถึงเวลาบู๊ล่ะก็ ไม่มีวางอาวุธเลยอ๊ะ”
    รอยยิ้มเย็นขยับบนใบหน้าของผู้ใช้เวทสาว วาดมือผ่านอากาศ ไม้เท้าด้ามยาวก็ปรากฏในมือ
    “ก็ว่ากันไปน้า”
    ไม่นานนักเสียงประกาศเริ่มต้นชิงปราสาทก็ดังขึ้น แววตาของสมาชิกกิลด์ธานาทอสระริกไหวราวกับจะได้เจออะไรที่แสนสนุก
    รอยยิ้มเย็นชายิ่งคลี่กว้างออกบนใบหน้าของเกรเทีย
    “ไปกันเถอะ”
 
++

    ร่างบางเคลื่อนกายอย่างคล่องแคล่ว ดวงตาสีท้องฟ้ากวาดมองไปรอบด้านอย่างละเอียด ไพร่พลฝั่งของนางยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก หญิงสาวนับถอยหลังในใจอย่างสุขุม สิ้นเสียงนับถอยหลังในความคิด ร่างของผู้บุกรุกมากหน้าหลายตาก็วาปขึ้นตามแต่ละจุด
    ไม้เท้าในมือถูกยกขึ้นสูง พร้อมกับรอยยิ้มเหยียบเย็นที่ขยับขึ้นบนใบหน้า บทเวทถูกเอื้อนเอ่ยอย่างแช่มช้า
    “สายน้ำหลั่งริน...ดวงแสงแห่งความตาย...หิมะมอดไหม้...”
    ทันทีที่ศาสตราเวทถูกตวัดลง แสงสว่างจ้าก็ราวกับระเบิดออกจากอัญมณีสีฟ้านั่น
    “...พายุวิปลาส เหมันต์ร่ำริน!!”
    ฟ้าว!!
    พายุหิมะราวกับจะหอบคนทั้งหมดให้หายไปในบัดดล รวดเร็วเกินกว่าใครจะตั้งตัวได้ทัน เสียงกรีดร้องดังระงม จนกระทั่งแสงสว่างจ้านั้นจางหายไป
    เกรเทียทรุดฮวบ เคลริคสองคนที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว
    “พลังเวทลดลงเร็วมาก...บทเวทที่ใหญ่ขนาดนั้น”
    พระชายพึมพำอย่างกังวลใจ บทเวทแบบนั้นเผาผลาญพลังเวทและพลังชีวิต ในระดับที่ว่าลดลงรวดเร็วจนสมองรับข้อมูลแทบไม่ทัน
    ฝ่ามือเรียวแตะลงบนไหล่ของนักเวทสาว แสงไฟสีฟ้าอ่อนจางเข้าโลมเลียร่างของนาง
    “หวังว่าพวกมันคงยังสับสนกันอีกสักพัก จังหวะนี้หวังว่าทุกคนคงประจำแต่ละจุดได้” เกรเทียพึมพำ ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ
    “แล้วเจ้าไหวหรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม “จะขึ้นไปก่อนไหม”
    ร่างบางกำลังจะเอ่ยตอบคำ หากไม่ใช่จิตสัมผัสกลับจับได้ถึงอะไรบางอย่าง
    เป็นสัมผัสที่รุนแรง กดทับจนไม่อยากหายใจ
    ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมมีดสั้น อันที่จริงเกรเทียไม่อาจมองเห็นใครคนนั้น เพียงแต่อะไรบางอย่างบอกว่า ต้องยกศาสตราในมือขึ้นรับ
    แก๊ง!!
    คมอาวุธกระทบกับปลอกเหล็กที่หุ้มอยู่กับไม้เท้า แล้วร่างในผ้าคลุมปิดหน้าอย่างมือลอบสังหาร ก็ค่อย ๆ ปรากฏอย่าเชื่องช้า
    “บ้าเอ๊ย! มีพวกมันหลุดเข้ามา”
    เสียงของนางเรียกให้มือสังหารที่ยืนคุมอยู่ด้านข้างขยับเข้ามาลงมือ เพียงแต่มีดที่มุ่งปลิดชีพของเขากลับพลาดเป้า ผู้บุกรุกเพียงขยับมืออีกข้าง เลือดสด ๆ ก็สาดกระจาย
    น่ากลัว...
    การตอบโต้ว่องไวเกินไป เด็ดขาดเกินไป
    เกรเทียกระชับไม้เท้าในมือ ก่อนจะผลักอีกฝ่ายให้ถอยหลังไป
    “หึ...” ร่างสูงส่งเสียงในลำคอ พลิ้วกายไปด้านหลัง ราวกับปักษาร่อนตามสายลม
    นัยน์ตาสีม่วงเข้มตวัดฉับ ประกายเย็นเหยียบตัดกับผ้าคลุมสีดำ หญิงสาวสะดุ้งเฮือก มือขาวจิกเกร็งลงบนไม้เท้าโดยไม่รู้ตัว
    “แก...”
    หากไม่ได้คิดไปเอง ในความเย็นเหยียบของอีกฝ่าย เหตุใดอบอุ่นในความรู้สึกนัก
    จิตสังหารที่กดทับ...ไฉนคุ้นเคยเหลือเกิน
    เกรเทียหลุบตาลง ก่อนจะช้อนสายตามองอีกครั้ง ใบหน้าคมคายนั้นคุ้นแสนคุ้นแม้จะถูกผ้าสีดำปกปิดจนเกือบครึ่ง
    คุ้นเคยนัก...
    คุ้นเคยจนอยากจะบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความจริง
    นักเวทสาวเค้นรอยยิ้มอำมหิต มือขาวตวัดไม้เท้าลงตรงเบื้องหน้าอีกฝ่าย อยากจะบอกนัก ว่าแสนจะคิดถึง เพียงแต่คำพูดที่ออกจากปาก กลับเย็นชาเหลือเกิน
    “ว่ายังไงคะ..” เกรเทียกระซิบ น้ำเสียงนั้นเย็นเหยียบราวทะเลสาบกลางฤดูหนาว “...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
    “...” มือสังหารหนุ่มมองตรงมาอย่างนิ่งงัน
    “สองปีแล้วสินะคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเกรเทียยิ่งเหี้ยมเกรียม ไอเวทแผ่ออกจากร่างระหงอย่างแช่มช้า ประกายกราดเกรี้ยวสั่นระริกในดวงตาคู่คม
    ความยินดีพุ่งวาบเข้ามาในจิตใจ...ยินดียิ่งนักที่ได้พบเจอ
    แต่ในขณะเดียวกัน การทรยศครั้งนั้น ก็ไม่อาจให้อภัย
    ใช่ไหมคะ...
     “...ที่รัก”
    ฟึบ
    ศาตราเวทในมือสะบัดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบทบริกรรมคาถาที่ว่องไวจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
    ตู้ม!!!
 
++

    ตู้ม!!!
    ฝุ่นที่คละคลุ้งนั้นจางลงแล้ว พื้นหินจุดที่มือสังหารหนุ่มเคยยืนนั้นแหลกละเอียด
    “หนีเก่งจริงนะ” เกรเทียขยับยิ้มหยัน
    “...เรื่องใจร้อนนี่ ไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงทุ้มนุ่มที่แสนจะโหยหา เอ่ยอย่างระอาใจ
    “เจ้าไม่ต้องมาสนหรอก ว่าข้าจะเป็นยังไง” นักเวทสาวขยับตัวอย่างอึดอัดใจ “ตอนที่เจ้าทรยศข้า เจ้ายังไม่สนเลยนี่ว่าข้าจะรู้สึกยังไง”
    “...”
    “เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาพูดเรื่องของข้าอีก เรื่องของข้า จากปากของเจ้า...ข้าไม่อยากฟัง!!!”
    ร่างบางทิ้งคำตวาด เสียงใสกังวานจนได้ยินไปทั่วกัน อีกฝ่ายยังคงมองตรงมาอย่างนิ่งเฉย เกรเทียหรี่ตาลงอย่างพินิจ
    ฟึบ!!
    พลันดวงตาสีม่วงคมทอประกายวาบ อดีตคนรักหนุ่มไหวตัวเข้ามา รวดเร็วจนน่าพรึงเพริด ร่างระหงพลิ้วหลบคมมีดที่วาดฉับลงมา รู้อยู่เต็มอกว่าไม่สามารถหลบได้พ้น ได้แต่ปล่อยให้คมศาสตราแฉลบผ่านสีข้างจนเลือดไหลซึม
    “บ่วงแค้น...กาลผกผัน...ทรายแห่งความทรงจำ...” บัญญัติเวทถูกกล่าวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน วงแหวนสีน้ำตาลเข้มที่ปรากฏบริเวณจุดที่นักฆ่ายืนอยู่ “ธรณีพิโรธ!”
    พายุทรายสาดกระหน่ำใส่ร่างสูง เป้าหมายเบิกตากว้างเมื่อหินปลายแหลมแหวกตัวขึ้นมาจากพื้นดิน
    ฉึก!!
    คมหินแทรกเข้ากลางร่าง ใบหน้าคมคายปรากฏแววเจ็บปวด
    พรึบ...
    จากนั้นสลายกลายเป็นผ้าสีดำ!!
    “จักจั่นลอกคราบ” เกรเทียเหยียดยิ้ม “เก่งขึ้นนี่ คาซัส”
    ดวงตาของคาซัสปรากฏประกายเหมือนขบขัน ร่างสูงขยับกายเข้าประชิดอีกครั้ง มีดในมือขวาจ้วงแทง เกรเทียปัดมันออกไป จังหวะที่พลาดมีดในมือซ้ายของอีกฝ่ายก็เสียบเข้ากลางท้อง
    คาซัสดึงมีดออกจากร่างของหญิงสาวอย่างเลือดเย็น
    ผู้ใช้เวททรุดลงไปกับพื้น มือข้างซ้ายกุมบาดแผลแน่น นางหอบหายใจ ขบฟันแน่น หากมืออีกข้างไม่ยอมปลดปล่อยจากศาสตรา
    ‘หากวันใดเจ้าไม่เหลือใคร ข้าจะยังเคียงข้างเจ้าเสมอ’
    ถ้อยคำที่คนตรงหน้าบอกไว้ กระแทกเข้ามาในความคิด
    ‘ข้าจะปกป้องเจ้า’
    ‘...ข้าจะไม่มีวันทำลายเจ้า’
    “ตกลงว่า นี่คือการปกป้องของเจ้าใช่ไหม” เกรเทียเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าอ่อนหรี่ลง แววเกรี้ยวกราด เสียใจ เคียดแค้น เจ็บปวด ทุกอย่างดูผสมปนเปกันไปหมด “นี่ใช่ไหม ที่บอกว่าจะไม่ทิ้งกัน!?”
    สัมผัสเย็น ๆ แตะลงบนข้างแก้ม...เป็นน้ำตา
    เกรเทียกำลังร้องไห้ โดยที่นางไม่รู้ตัว
    “ข้า...” ร่างสูงก้มลงมองอดีตคนรัก ไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใด
    “ทำไม? เจ้าทำไม? จะแก้ตัวอะไรอีกล่ะ จะพูดอะไรได้อีก ก็มันเห็น ๆ อยู่”
    “...”
    “ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าทรยศข้า คาซัส...เจ้าทรยศทุกคน!! มีแต่ข้านี่แหละที่ยังคิดบ้า ๆ ว่าเจ้าจะกลับมา”
    “เกรย์...” ดวงตาคู่คมหลุบลง พริบตา ความรู้สึกผิดจาง ๆ ฉายในแววตานั้น
    หญิงสาวแผดเสียงหัวเราะ เส้นผมสีน้ำตาลลู่ลงปิดใบหน้าจนไม่อาจทราบอารมณ์ของนาง
    “เจ้ากลับมาจริง ๆ เจ้ากลับมา...เพื่อมาสังหารข้าใช่ไหม!?”
    คาซัสไม่อาจโต้ย้งสิ่งใดได้อีก คำสั่งที่ได้รับมาเป็นเช่นนั้น
    ...จงสังหารนาง เพื่อแสดงว่าเจ้าภักดีต่อเรา...
    พริบตาที่ความสับสนมีอิทธิพลเหนือมือสังหารหนุ่ม เกรเทียรวมแรงที่เหลืออยู่ กระแทกปลายไม้เท้าเข้ากับคางของอีกฝ่ายจนหน้าหัน จากนั้นฟาดมันลงกลางอกของคาซัส บทเวทถูกบริกรรมอย่างเลือดเย็น ก่อนเวทมนต์จะระเบิดออก กระแทกจนร่างสูงกระเด็นไปกระแทกพื้นด้านหลัง
    “ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็คงต้องตื่นจากฝันสักที” เกรเทียร่ายคำเวทในลำคอ “ธรณีพิโรธ!!”
    คมหินแทรกผ่านร่างสูงที่ยังคงนอนหงายบนพื้นจากแรงกระแทก เลือดสด ๆ สาดกระเซ็น พร้อมกับเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด ที่ดังลอดออกมาจากฟันที่ขบแน่น
    วงแหวนสีน้ำตาลและฟ้าเข้าทาบทับบนร่างของเหยื่อผู้ทรยศ ลูกพลังทิ้งตัวจากด้านบน อัดกระแทกจนเป้าหมายจมลงไปในพื้นดิน
    บัดนี้คนทั่วบริเวณต่างมองมาที่คนทั้งสองเป็นจุดเดียว เสียงโห่ร้องบอกให้สังหารดังโหวกเหวกวุ่นวาย
    เกรเทียเยื้องกรายไปยังข้างกายของชายหนุ่ม ปลายอีกด้านของไม้เท้าเงื้อขึ้นเหนืออีกฝ่าย ปลายนั้นถูกเหลาจนแหลมคม เสียงตะโกนโห่ร้องดังมาจากกลุ่มคนที่บัดนี้เฝ้าดูราวกับทั้งหมดเป็นละครฉากหนึ่ง
    “ฆ่ามัน!! คนทรยศ!!!”
    “ฆ่ามัน จะลังเลอะไรอีกเกรเทีย!!”
    “ฆ่ามัน!!”
    ฆ่ามัน...ฆ่า
    หญิงสาวเกือบจะจบทุกสิ่งลง หากไม่ใช่ว่า นัยน์ตาของเขากลับสอดประสานเข้ากับนาง บทสนทนาเดิม ๆ ก็วิ่งวนเข้ามาในห้วงคิด
    ‘ข้ารักเจ้านะยัยขี้โวยวาย’
    ‘อะไรอ่า’
    ‘ไม่รู้ล่ะ รักคนนี้ที่สุดเลย’
    มือที่ถือไม้เท้าอยู่สั่นสะท้านอย่างลังเลใจ
    สวบ!!!
    บังเกิดเสียงคมศาสตราแทรกผ่านเนื้อสด ๆ ของมนุษย์ ดวงตาสีฟ้าจางเบิกกว้าง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลลงมาอย่างร้าวราน
    ไม่ใช่อาวุธของนาง ที่แทรกเข้ากลางอกของคาซัส หากแต่เป็นมีดสั้นในมือของคาซัส ที่ถูกสะบัดเข้ามาปักกลางร่างของนางในวินาทีแห่งความเป็นความตาย
    “ทำไม...”
    ทำไมกัน...
    คนหนึ่งไม่อาจหักใจลงมือ
    อีกคนกลับคอยทรยศกันร่ำไป...
    ภาพทั้งหมดเริ่มพร่ามัว เกรเทียทรุดลงอีกครั้ง แพขนตาสีน้ำตาลเข้มปรือลงแนบใบหน้าขาวจนไร้สีเลือด สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือ มือสังหารหนุ่มเลือนหายกลายเป็นกลุ่มควัน กลุ่มคนมากมายมองตรงมาอย่างตระหนก และเสียงของเรเรียที่ตะโกนเรียกจากที่ไกลแสนไกล
    “เกรเทีย!!”
    ทำไมนางถึงไม่อาจลงมือ...
    อาจจะเป็นเพราะ ความทรงจำที่ยังหลงเหลือ ความผูกพันที่นางไม่อาจทำลาย
    จนบางครั้ง แม้คน ๆ นั้นจะทำลายทุกสิ่งในตัวนางจนแหลกสลาย
    ในยามนั้น...
    นางยังหลงละเมอ คิดว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อใครคนนั้นอยู่เลย
 
28 March 2011

Do you understand, who I am?
Do you wanna know?


I'm a goddess on my knees ;b


™۞۩•3•۩۞™

  • ล้านถ้อยคำยังน้อยไป หากจะใช้แทนคุณความดี
  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 350
  • ლ(ಠ益ಠ)ლ