เขียนเรื่องนี้ด้วยความปวดหัวอย่างแรง อยากเขียนระบายมากๆไม่รู้จะทำไงเขียนฟิคซะเลย- -
เรื่องนี้ใกล้เคียงกับชีวิตผมเล็กน้อยนะครับ จริงในบางส่วนและบางเรื่องไม่จริง
Title: Abnormal is my life(ความผิดปกติคือชีวิตของผม)
Rate: 18(อย่ารู้อายุคนเขียนเชียว)
author: psynis
Type: Drama-Guro-Liar-Blood-Kill-Inhumanity-No mercy-kill myself
(ประเภทของเนื้อเรื่อง// ดราม่า-กุโระ-หลอกลวง-เลือดสาด-ฆ่า-ไร้มนุษยธรรม-ไร้ความปราณี-ฆ่าตัวตาย)
เดียวมีคนถามทำไมต้องเขียนประเภท เพราะเรื่องนี้มันสุดๆครับ- - อ่านไปอ่านมาแอบทำร้ายจิตใจผู้อ่าน
หมายเหตุ* เรื่องนี้อาจมีหลายตอนนะครับ คิดว่าอาจจะหยุดเขียนเรื่่องนี้ถ้าขี้เกียจไม่ก็ ไม่มีใครมาเม้น
----------------------------------------------------------
PART 1
ได้แต่เพียงเฝ้าคอย...เฝ้าคอยอะไรบางอย่างที่ไร้สาระ
เฝ้าคอย...ให้ตัวเองกลับมาได้ดั่งคนปกติทั่วไป
......เฝ้าคอยมานานจนอยากอาเจียน อยากฆ่าตัวตายไปเสียพ้นๆ
ทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่ออายุได้ 7 ปี
ตอนนั้นผมยังไม่ได้เข้าโรงเรียนชั้นประถม 1
"พี่มาเล่นกับผมหน่อยสิ"น้องของผมพูดพร้อมมอง ผมจ้องกลับอย่างเงียบๆก่อนจะละสายตากลับไปอ่านหนังสือเหมือนเคย
"....."ไร้คำตอบจากผม ผมไม่อยากคุยกับใครตอนนี้เพราะอารมณ์ไม่ดี
"พี่มาเล่นกับผมหน่อยได้ไหม"น้องผมถามซ้ำไปเรื่อยๆ ด้วยความรำคาญผมจึงตอบ ไม่ เมื่อได้ยินคำตอบนั้นน้องจึงรีบขโมยหนังสือจากมือผมเอาขึ้นไปซ่อน ผมวิ่งตามไป รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
"เอาหนังสือไปซ่อนไว้ที่ไหน"ผมเอ่ยเสียงเรียบ น้องเดินลงมามองผมทำหน้าไม่รู้เรื่องทั้งๆที่ผมเห็นชัดๆว่ามีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก
".....ไม่รู้เรื่อง หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้"น้องผมตอบ นั่นสร้างความโมโหขึ้นอย่างรุนแรงจนตัวเองทำอะไรบางอย่างลงไป...ที่ไม่คาดคิด นั่นก็คือการบีบคอน้องชายแท้ๆของตัวเองอย่างไม่คิดปราณี
"หะ..หายใจไม่ออก"น้องผมดิ้นอย่างทุรนทุรายพร้อมตะโกน นั่นทำให้แม่เดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี
"ทำอะไรน่ะ อย่าไปบีบคอน้องสิ"แม่พูด ผมจึงรีบปล่อยพลางคิดว่าแย่แล้ว แต่แม่กลับวิ่งเข้าไปหาน้องแล้วดู ก่อนจะเอ็ดด่าผมอย่างหนัก
"ด่าผมทำไม ก็มันหาเรื่องก่อน"ผมตอบอย่างเฉยชา ทำสีหน้าราวกับว่าถ้าแม่ไม่เข้ามาห้ามผมก็ฆ่ามันกับมือได้แล้วแท้ๆ
"แต่นั้นเป็นน้องแท้ๆของลูกเลยนะ"แม่เริ่มเอ็ดผม ผมเริ่มขี้เกียจเถียงเพราะคิดว่านั่นอาจเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่น้องทำแบบนี้...แต่ผมคิดผิดเมื่อเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นซ้ำๆๆๆ และผมก็จะโดนด่าอยู่ร่ำไป
จนกระทั่งผมเริ่มไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เมื่อถูกดุเพียงเพราะคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ธรรมดาแล้ว เนื่องจากการถูกดุเกิน1ครั้งต่อวันทำให้ผมเริ่มรู้ว่าควรจะปฏิัติยังไงไม่ให้โดนด่า
จนกระทั่ง...เมื่อมันผ่านไปได้สักสามปี จนผมอายุ 10ปี ถึงได้รู้ว่าชีวิตผมมันเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดกาล
อย่างที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก
ใช่ตั้งแต่เริ่มขึ้นป.3
"เฮ้ย ทำไมไม่ยิ้มซะบ้างเลยวะ เย็นชาอยู่ได้"เพื่อนร่วมห้องคนนึงทัก ผมมองเขาแบบเงียบๆ ก่อนจะนั่งมองท้องฟ้าต่อ อย่างไม่สนใจคิดตอบคำถามนั้นเลย
"......"ผมเงียบ ทำเป็นไม่สนใจ เพื่อนจึงแกล้งผมต่างๆนานาๆ นับหลังจากวันนั้น แกล้ง...เลวร้าย....อย่างที่สุด สารพัดวิธี เช่น ขโมยของ ขโมยเงิน โยนความผิดให้ รุมแกล้งกันทั้งห้อง จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว
.........ไม่รู้ตัวเองกำลังทำอะไร แต่ผมทนแรงกดดันนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ผมจะฆ่าตัวตาย........
คิดเตรียมการไว้เสร็จสรรพ ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายโดยใช้มีดที่อยู่หลังครัว สับคอตัวเองให้ขาดแล้วตายตรงนั้นซะ
แต่แล้ววันนั้น...ผมก็ไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่สิ ......
"ข่าวฆ่าตัวตายออกมาอีกแล้ว คนพวกนี้คิดสั้นจริงๆ"พ่อผมบ่นอย่างหงุดหงิดขณะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์
"เขาอาจเบื่อโลกแล้วก็ได้มั้ง"ผมตอบอย่างขอไปที ที่ผมอยากฆ่าตัวตายเพราะผมทนแรงกดดันไม่ไหวแล้ว ผมกำลังจะฆ่าตัวตายแต่ไม่อยากบอกใคร
"ถ้าลูกของพ่อฆ่าตัวตายเมื่อไหร่ พ่อจะไม่เสียใจเลย"ถึงคำพูดของพ่อผมจะดูแปลกๆ ในตอนนั้นผมยังไม่รู้คำตอบหรอก
"ทำไมถึงไม่เสียใจละ?"
"พ่อจะไม่เสียใจที่ลูกตาย แต่พ่อจะเสียใจเพราะสั่งสอนลูกไม่ดีถึงให้คิดสั้น"พ่อผมตอบ ....แต่ผมสนใจเมื่อไหร่ ผมทนมานานแล้ว ทนภายใต้คำด่าในครอบครัว ทนการถูกแกล้งในสังคม มันทนไม่ไหวจนผมต้องถูกบีบบังคับอับจนต้องฆ่าตัวตาย
ในคืนนั้นผมย่องมาที่หลังครัวตอนกลางคืน มั่นใจว่าทุกคนหลับดีแล้ว ผมเดินตรงเข้าไปยังห้องครัว ในใจคิดลังเล....เสียใจ....แต่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...ที่จะต้องอยู่ในโลกอันโสมมแห่งนี้ ในใจคิดเสร็จก็หยิบมีดอีโต้ออกมาจากแผงแทงลงไปที่ผิวเนื้อตัวเองอย่างแรง!!
ฉัวะ!!
หยาดโลหิตไหลทะลักออกมาจำนวนมาก ผมร้องโอ้ย เมื่อมีดถูกปักเข้าไปที่แขนตัวเองอย่างแรงจนถึงกับเห็นกระดูก ผมมองแผลนั้นกัดริมฝีปากจนเลือดแทบไหล ทำไม...ยังไม่ตายสักที ว่าจะตั้งใจฟันเข้าไปอีกทีก็ได้ยินเสียงร้องเรียก
"ทำอะไรน่ะ"พ่อผมวิ่งเข้ามา ผมมองพ่อที่เดินเข้ามาใกล้...รู้สึกปวดหัว สติใกล้จะดับ อยากร้องไห้ว่าทำไมตัวเองไม่ตายไปพ้นๆสักที ดูเหมือนพ่อผมจะตกใจมากว่าผมทำอะไรจึงเดินเข้ามาช่วยและพาผมไปยังโรงพยาบาล ปู่ที่เดินมาเห็นก็ดูตกใจขับรถพาผมไปส่งทันที
....ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายละ.....
ขณะที่ผมคิด สตินั้นมันใกล้จะดับ...เลือนรางเพราะเลือดออกเยอะเกินไป ไม่มีใครรักผมบนโลกแล้วไม่ใช่เหรอ...ไม่สิ ถ้าเขาไม่รักแล้วจะช่วยผมทำไม หรือว่านั่นก็แค่โกหก... รู้สึกภาพเลือนรางตรงหน้าก่อนสติจะดับลงเมื่อหมอฉีดเข็มอะไรบางอย่างให้
...พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งผมก็มาอยู่ที่บ้าน ไม่สิ มันไม่ใช่ความฝัน ผมมองแผลบนแขนตัวเองซึ่งเป็นรอยน่าขยะแขยงจวนเจียนอยากจะตัดแขนตัวเองทิ้ง
"ตื่นแล้วเหรอ"ปู่ผมพูดขณะละสายตาจากหนังสือพิมพ์
แล้วหลังจากเหตุการณ์นั้น.....ผมก็เริ่มสนิทกับปู่ตัวเองมากขึ้น ดูเหมือนว่าปู่จะรักผมมากเพราะเวลาจะให้ของมักให้ผมเพียงคนเดียวและยังบอกผมว่าอย่าไปบอกน้องอีก รู้สึกเหมือนเวลาที่มีคนที่ห่วงใยตัวเองแล้วรู้สึกดี....
....ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน.....
"ดูเหมือนปู่จะเสียชีวิตแล้วละ"พ่อผมเอ่ยระหว่างรับผมกลับจากโรงเรียน ผมอึ้งทันที พลางคิดว่าล้อเล่นโกหกกันหรือยังไง
"เป็นไปไม่ได้หรอก โกหกใช่ไหม?"ผมเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆรู้สึกอยากจะอ้วก อยากจะตาย ถ้าไม่มีปู่ผมคงฆ่าตัวตายไปแล้ว ก็..บนโลกนี้ไม่มีใครรักผมแล้วนี้
"......ปู่เขาหัวใจวายตาย ไม่รู้รึไงว่าปู่เป็นโรคหัวใจ"พ่อผมตอบ ผมมองด้วยสีหน้าอึ้งพูดอะไรไม่ถูก พยายามปฏิเสธ....โกหกคำพูดที่ได้ยิน
.....แต่สุดท้ายผมก็ได้เห็นงานศพของปู่ผมเอง.......
........ตั้งแต่นั้น ผมก็แสดงอารมณ์ไม่เป็นอีกแล้ว เริ่มโกหกตัวเอง...ให้อยู่กับสังคม......
----------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ผมแทงตัวเองนี้ไม่จริงนะครับแต่ผมเคยคิดอยากฆ่าตัวตายจริงๆตอนป.3ส่วนสาเหตุก็ตามเนื้อเรื่อง แต่ที่ไม่ฆ่าเพราะมีเหตุอะไรบางอย่างมาฉุดผมเอาไว้ซะก่อนเลยไม่ได้ฆ่าตัวตาย
แต่ที่แทงตัวเองนี้เปรียบเทียบกับอุบัติเหตุ คือผมได้รับอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็กจนมันกลายเป็นแผลเป็นไปชั่วชีวิตเลย
ความจริงยังเขียนฉากดราม่าไม่ครบด้วยซ้ำ...
**ตอนนี้ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของผมมาก เดียวหาว่าเขียนดราม่า เรื่องจริง- -ครับ
อ่านแล้วก็เม้นบ้างละ(ใครจะอ่าน เขียนซะยาว)
...ส่วนเรื่องที่มาเขียนต่อเพราะผมเริ่มเกิดอาการแบบ..ไม่ได้เขียนนี้แย่แน่ๆ ทำนองนั้นว่าไม่มีที่ระบาย...//หลบมีด