GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

ขอถามถึงกระทู้นี้ หน่อย

nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
รู้สึกจะมาไม่ทันกระทู้นี้ http://forum.asura.in.th/index.php?topic=19552.0
 เดี๋ยวจะตอบกลับทุกความคิดเห็น ด้วยเหตุผลล้วนๆ นะครับ ไม่เอาแบบแถ ข้างๆ คูๆ


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle

รอยหยักในสมองอย่างท่าน ตัวเลขง่ายแบบนี้คงคูณถูกนะครับ
ร้านของท่านไม่ได้ตั้งว่า ขายที่ราคาเริ่มต้น 2.3 M นี่ครับ


เรียนผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าท่านปล่อยให้ประเด็นนี้เป็นการกระทำโดยไม่มีความผิด ต่อไปก้อจะมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นทำให้เกมน่าเบื่อนะครับ
ลองประชุมกันใหม่แล้วลองพิจารณาดีๆ ครับ   และกรุณาบอกผมด้วยว่า ที่ท่านคิดว่าผู้เล่นท่านนี้ไม่มีความผิด
ท่านใช้บรรทัดฐานอะไรพิจารณาครับ ผมใช้หลักฟิสิกส์, หลักคณิตศาสตร์ และเจตนาของผู้ขายเป็นหลัก


  หลักการคิดแบบนี้ถูกต้องน๊ะครับ ถ้าจะคิดเค้าก็คิดกันแบบนี้ครับสำหรับเรื่องที่ว่าจะเอาผิดจากการหลอกลวงราคา  แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นมานี้นั้นมันไม่ใช่ราคาจริงของสินค้าครับ มันราคาจากป้ายโฆษณา และจากราคาป้ายกับราคาสินค้าจริงในร้านไม่ได้แตกต่างกันจากหลักล้านและหลักแสน เพียงแต่ราคาที่ป้ายถือเป็นราคาย่อเพื่อเชิญชวนครับ  ราคาจริงสุทธิของสินค้าคือราคาของที่ตั้งในร้าน ไม่ใช่ป้ายประกาศ ผมถึงบอกว่า ถ้าจะเอาผิดเรื่องโฆษณาหลอกลวงราคา เค้าต้องหลอกจากราคาจริงคือ  ในร้าน 2.380.000 แต่ดันไปขาย 2.400.000  อย่างนี้เป็นต้น  คือคุณประกาศราคาเต็มว่าเท่านี้ แต่ผมผมไปซื้อจริงดันขายแพงอีกราคา  อย่างนี้หลอกลวง   ส่วนเรื่องราคาที่โฆษณาเชิญชวนที่ป้ายดันไม่บอกเศษส่วนก็ย่อมทำได้ ถือเป็นหลักย่อเพื่อการโฆษณา ตราบใดที่ราคาจริง (ราคาของที่ตั้งจริงในร้าน) ไม่ได้ผิดไปจากหลักย่อที่ได้ตั้งประกาศ

   เรื่องการใช้หลักย่อเพื่อการโฆษณาเค้าไม่ได้เขียนกฏไว้ละเอียดขนาดว่า จะต้องลงราคาและหลักจำนวนเต็มเท่านั้น จำนวนเต็มของสินค้าไว้ที่ป้ายประกาศอย่างครบถ้วน ชัดเจน  มันสามาถใช้ย่อได้เพื่อความกระทัดรัด แต่ต้องประกาศไม่เกินเลยจากราคาที่ขายจริง  มันก็มีให้เห็นเยอะแยะในชีวิตประจำวันเราครับ  แบบ ขาย 5xxx บาท ก็ยังมี  หรือลงประกาศที่ป้ายว่า 5000 บาท  แต่ซื้อจริง 5070 บาทก็มี +vat 7% อย่างนี้ก็ย่อมทำได้ หรือจะเป็น 5890 บาทก็ได้ มีค่าดำเนินการบางอย่าง+vat ไปอีก 890  เค้าไม่ได้บอกราคารวมภาษี  เค้าโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  แต่ตราบใดที่ท่านทราบราคาจริง มีใบหรือเอกสารหรือหลักฐานใดยืนยันว่า คุณตกลงซื้อหรือรับทราบราคาสินค้าจริงแล้วว่าราคา 5890 บาท  แต่ตอนเรียกเก็บเงินกันมีบวกค่าอื่นเพิ่มมา หรือมีการเพิ่มราคาผิดไปจากนี้  ผิดครับ 

 หรือ

 โทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่น A1 ขายราคา 5000 บาทจากป้ายประกาศขาย เปิดให้คุณจอง  แต่พอคุณจองและไปดูราคาสินค้าจริงรุ่นนี้กลายเป็น 6000 บาท 7000 บาท แถมยังไม่รวม vat+ค่าดำเนินการใดๆด้วย  อย่างนี้ชัดเจนครับ โฆษณาหลอกลวง เพราะคุณไม่ได้เริ่มต้นที่ 5000 บาท มันเกินหลักแรกไปแล้ว     

  เรื่องปัดเศษมันเป็นเรื่องของการคิดเงินของราคาสินค้าจริงๆที่ขาย  แต่ในการโฆษณาถ้าราคาสินค้าจริงไม่ได้ได้เกินหลักจากที่ป้ายโฆษณาเชิญชวน เค้ายังไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงน๊ะครับ ไม่อย่างนั้นป้ายโฆษณาต่างๆที่มีอยู่จะถูกปรับหมดและต้องลงราคาเต็มหมดทุกป้ายเลย ไม่สามารถใช้หลักย่อได้เลย  ทุกวันนี้หลักย่อจากป้ายโฆษณาสินค้าทุกคนอ่านแล้วสนใจก็ต้องสอบถามราคาจริง(คือราคาเต็มๆ)กันทั้งนั้นว่าเท่าไหร่ ราคาสุทธิมันเท่าไหร่  เวลาคุณไปซื้อของเห็นป้ายทำนองนี้คุณก็จะถามคนขายใช่มั้ยครับว่า พี่ รุ่นนี้เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ราคาเต็มเท่าไหร่ พี่ขายเท่าไหร่ 5000 เหรอ  เพราะทุกคนอ่านก็เข้าใจกันหมดว่าราคาจากป้ายมันแค่ย่อเท่านั้นจึงสอบถาม ขอทราบราคาเต็มๆ ราคาสุทธิ ราคาจริง   ไม่อย่างนั้นคุณอ่านจากป้ายโฆษณาที่ย่อราคาถือเป็นราคาจริง คุณก็หยิบสินค้าแล้ววางตังค์เอาไปได้เลยสิโดยไม่ได้ดูราคาจริง ไม่สอบถามรายละเอียดต่างๆ  เพราะถือว่าคุณเอาจากราคาย่อที่ป้ายเป็นหลัก  ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาสู้คดีกัน คุณจะใช้ราคาย่อจากป้ายไปสู้คดีกับเค้าเหรอครับ มันแค่ป้ายโฆษณาไม่ใช่ราคาเต็มจากตัวสินค้าจริง


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle
 อ่อ ผมลืมไปอีกเรื่อง และแม้จะประกาศจากป้ายโฆษณาว่า เริ่มต้นที่ 2.3 เอม หรือ ขายที่ราคา 2.3 เอมกว่าๆ  ถึงมีคำว่า เริ่มต้น และ กว่าๆ อยู่ในคำโฆษณาก็ตาม  แต่ถ้าราคาจริงของสินค้าผมเป็น 2399.999 คุณก็จะไปเอาหลักการปัดหลักมาบอกว่า ผมโฆษณาเกินจริงอีกรึเปล่า  ก็ในเมื่อเศษของมันต้องถูกปัดขึ้นหลักในการคิดคำนวนเหมือนกัน  อย่างนี้ป้ายโฆษณาไหนที่มีคำว่า เริ่มต้น กว่าๆ และไม่ลงจำนวนเต็มจริงก็จะผิดหมดสิครับ  เข้าข่ายหลอกลวงหมดเลย


  มันเป็นแค่คำโฆษณาที่ราคาจริงไม่ได้แจ้งหลักเกินจากราคาย่อที่ประกาศ  มันไม่ผิดหรอกครับ  ประกาศ 2.3 ราคาจริง 2.399.999 ก็ย่อมได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ 2.400.000 +


Before

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 94

รอยหยักในสมองอย่างท่าน ตัวเลขง่ายแบบนี้คงคูณถูกนะครับ
ร้านของท่านไม่ได้ตั้งว่า ขายที่ราคาเริ่มต้น 2.3 M นี่ครับ


เรียนผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าท่านปล่อยให้ประเด็นนี้เป็นการกระทำโดยไม่มีความผิด ต่อไปก้อจะมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นทำให้เกมน่าเบื่อนะครับ
ลองประชุมกันใหม่แล้วลองพิจารณาดีๆ ครับ   และกรุณาบอกผมด้วยว่า ที่ท่านคิดว่าผู้เล่นท่านนี้ไม่มีความผิด
ท่านใช้บรรทัดฐานอะไรพิจารณาครับ ผมใช้หลักฟิสิกส์, หลักคณิตศาสตร์ และเจตนาของผู้ขายเป็นหลัก


  หลักการคิดแบบนี้ถูกต้องน๊ะครับ ถ้าจะคิดเค้าก็คิดกันแบบนี้ครับสำหรับเรื่องที่ว่าจะเอาผิดจากการหลอกลวงราคา  แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นมานี้นั้นมันไม่ใช่ราคาจริงของสินค้าครับ มันราคาจากป้ายโฆษณา และจากราคาป้ายกับราคาสินค้าจริงในร้านไม่ได้แตกต่างกันจากหลักล้านและหลักแสน เพียงแต่ราคาที่ป้ายถือเป็นราคาย่อเพื่อเชิญชวนครับ  ราคาจริงสุทธิของสินค้าคือราคาของที่ตั้งในร้าน ไม่ใช่ป้ายประกาศ ผมถึงบอกว่า ถ้าจะเอาผิดเรื่องโฆษณาหลอกลวงราคา เค้าต้องหลอกจากราคาจริงคือ  ในร้าน 2.380.000 แต่ดันไปขาย 2.400.000  อย่างนี้เป็นต้น  คือคุณประกาศราคาเต็มว่าเท่านี้ แต่ผมผมไปซื้อจริงดันขายแพงอีกราคา  อย่างนี้หลอกลวง   ส่วนเรื่องราคาที่โฆษณาเชิญชวนที่ป้ายดันไม่บอกเศษส่วนก็ย่อมทำได้ ถือเป็นหลักย่อเพื่อการโฆษณา ตราบใดที่ราคาจริง (ราคาของที่ตั้งจริงในร้าน) ไม่ได้ผิดไปจากหลักย่อที่ได้ตั้งประกาศ

   เรื่องการใช้หลักย่อเพื่อการโฆษณาเค้าไม่ได้เขียนกฏไว้ละเอียดขนาดว่า จะต้องลงราคาและหลักจำนวนเต็มเท่านั้น จำนวนเต็มของสินค้าไว้ที่ป้ายประกาศอย่างครบถ้วน ชัดเจน  มันสามาถใช้ย่อได้เพื่อความกระทัดรัด แต่ต้องประกาศไม่เกินเลยจากราคาที่ขายจริง  มันก็มีให้เห็นเยอะแยะในชีวิตประจำวันเราครับ  แบบ ขาย 5xxx บาท ก็ยังมี  หรือลงประกาศที่ป้ายว่า 5000 บาท  แต่ซื้อจริง 5070 บาทก็มี +vat 7% อย่างนี้ก็ย่อมทำได้ หรือจะเป็น 5890 บาทก็ได้ มีค่าดำเนินการบางอย่าง+vat ไปอีก 890  เค้าไม่ได้บอกราคารวมภาษี  เค้าโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  แต่ตราบใดที่ท่านทราบราคาจริง มีใบหรือเอกสารหรือหลักฐานใดยืนยันว่า คุณตกลงซื้อหรือรับทราบราคาสินค้าจริงแล้วว่าราคา 5890 บาท  แต่ตอนเรียกเก็บเงินกันมีบวกค่าอื่นเพิ่มมา หรือมีการเพิ่มราคาผิดไปจากนี้  ผิดครับ 

 หรือ

 โทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่น A1 ขายราคา 5000 บาทจากป้ายประกาศขาย เปิดให้คุณจอง  แต่พอคุณจองและไปดูราคาสินค้าจริงรุ่นนี้กลายเป็น 6000 บาท 7000 บาท แถมยังไม่รวม vat+ค่าดำเนินการใดๆด้วย  อย่างนี้ชัดเจนครับ โฆษณาหลอกลวง เพราะคุณไม่ได้เริ่มต้นที่ 5000 บาท มันเกินหลักแรกไปแล้ว     

  เรื่องปัดเศษมันเป็นเรื่องของการคิดเงินของราคาสินค้าจริงๆที่ขาย  แต่ในการโฆษณาถ้าราคาสินค้าจริงไม่ได้ได้เกินหลักจากที่ป้ายโฆษณาเชิญชวน เค้ายังไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงน๊ะครับ ไม่อย่างนั้นป้ายโฆษณาต่างๆที่มีอยู่จะถูกปรับหมดและต้องลงราคาเต็มหมดทุกป้ายเลย ไม่สามารถใช้หลักย่อได้เลย  ทุกวันนี้หลักย่อจากป้ายโฆษณาสินค้าทุกคนอ่านแล้วสนใจก็ต้องสอบถามราคาจริง(คือราคาเต็มๆ)กันทั้งนั้นว่าเท่าไหร่ ราคาสุทธิมันเท่าไหร่  เวลาคุณไปซื้อของเห็นป้ายทำนองนี้คุณก็จะถามคนขายใช่มั้ยครับว่า พี่ รุ่นนี้เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ราคาเต็มเท่าไหร่ พี่ขายเท่าไหร่ 5000 เหรอ  เพราะทุกคนอ่านก็เข้าใจกันหมดว่าราคาจากป้ายมันแค่ย่อเท่านั้นจึงสอบถาม ขอทราบราคาเต็มๆ ราคาสุทธิ ราคาจริง   ไม่อย่างนั้นคุณอ่านจากป้ายโฆษณาที่ย่อราคาถือเป็นราคาจริง คุณก็หยิบสินค้าแล้ววางตังค์เอาไปได้เลยสิโดยไม่ได้ดูราคาจริง ไม่สอบถามรายละเอียดต่างๆ  เพราะถือว่าคุณเอาจากราคาย่อที่ป้ายเป็นหลัก  ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาสู้คดีกัน คุณจะใช้ราคาย่อจากป้ายไปสู้คดีกับเค้าเหรอครับ มันแค่ป้ายโฆษณาไม่ใช่ราคาเต็มจากตัวสินค้าจริง

มันโง่ รอยหยักในสมองมันมีน้อย อย่าไปสนทนากับมันเลย

55555++ อธิบายไปยังไงมันก็ยืนยันว่าผิด ช่างมันเห๊อะ

มันเอาหลักฟิสิกส์มาอ้างอิงในหลักการตลาด แค่นี้ก็รู้ถึงตรรกะความคิดควายๆของมันแล้ว

เฮ้อ เพลีย เกรียนไม่พอ ยังแถไปแบบหน้าด้านๆอีก 5555++


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle

รอยหยักในสมองอย่างท่าน ตัวเลขง่ายแบบนี้คงคูณถูกนะครับ
ร้านของท่านไม่ได้ตั้งว่า ขายที่ราคาเริ่มต้น 2.3 M นี่ครับ


เรียนผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าท่านปล่อยให้ประเด็นนี้เป็นการกระทำโดยไม่มีความผิด ต่อไปก้อจะมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นทำให้เกมน่าเบื่อนะครับ
ลองประชุมกันใหม่แล้วลองพิจารณาดีๆ ครับ   และกรุณาบอกผมด้วยว่า ที่ท่านคิดว่าผู้เล่นท่านนี้ไม่มีความผิด
ท่านใช้บรรทัดฐานอะไรพิจารณาครับ ผมใช้หลักฟิสิกส์, หลักคณิตศาสตร์ และเจตนาของผู้ขายเป็นหลัก


  หลักการคิดแบบนี้ถูกต้องน๊ะครับ ถ้าจะคิดเค้าก็คิดกันแบบนี้ครับสำหรับเรื่องที่ว่าจะเอาผิดจากการหลอกลวงราคา  แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นมานี้นั้นมันไม่ใช่ราคาจริงของสินค้าครับ มันราคาจากป้ายโฆษณา และจากราคาป้ายกับราคาสินค้าจริงในร้านไม่ได้แตกต่างกันจากหลักล้านและหลักแสน เพียงแต่ราคาที่ป้ายถือเป็นราคาย่อเพื่อเชิญชวนครับ  ราคาจริงสุทธิของสินค้าคือราคาของที่ตั้งในร้าน ไม่ใช่ป้ายประกาศ ผมถึงบอกว่า ถ้าจะเอาผิดเรื่องโฆษณาหลอกลวงราคา เค้าต้องหลอกจากราคาจริงคือ  ในร้าน 2.380.000 แต่ดันไปขาย 2.400.000  อย่างนี้เป็นต้น  คือคุณประกาศราคาเต็มว่าเท่านี้ แต่ผมผมไปซื้อจริงดันขายแพงอีกราคา  อย่างนี้หลอกลวง   ส่วนเรื่องราคาที่โฆษณาเชิญชวนที่ป้ายดันไม่บอกเศษส่วนก็ย่อมทำได้ ถือเป็นหลักย่อเพื่อการโฆษณา ตราบใดที่ราคาจริง (ราคาของที่ตั้งจริงในร้าน) ไม่ได้ผิดไปจากหลักย่อที่ได้ตั้งประกาศ

   เรื่องการใช้หลักย่อเพื่อการโฆษณาเค้าไม่ได้เขียนกฏไว้ละเอียดขนาดว่า จะต้องลงราคาและหลักจำนวนเต็มเท่านั้น จำนวนเต็มของสินค้าไว้ที่ป้ายประกาศอย่างครบถ้วน ชัดเจน  มันสามาถใช้ย่อได้เพื่อความกระทัดรัด แต่ต้องประกาศไม่เกินเลยจากราคาที่ขายจริง  มันก็มีให้เห็นเยอะแยะในชีวิตประจำวันเราครับ  แบบ ขาย 5xxx บาท ก็ยังมี  หรือลงประกาศที่ป้ายว่า 5000 บาท  แต่ซื้อจริง 5070 บาทก็มี +vat 7% อย่างนี้ก็ย่อมทำได้ หรือจะเป็น 5890 บาทก็ได้ มีค่าดำเนินการบางอย่าง+vat ไปอีก 890  เค้าไม่ได้บอกราคารวมภาษี  เค้าโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  แต่ตราบใดที่ท่านทราบราคาจริง มีใบหรือเอกสารหรือหลักฐานใดยืนยันว่า คุณตกลงซื้อหรือรับทราบราคาสินค้าจริงแล้วว่าราคา 5890 บาท  แต่ตอนเรียกเก็บเงินกันมีบวกค่าอื่นเพิ่มมา หรือมีการเพิ่มราคาผิดไปจากนี้  ผิดครับ 

 หรือ

 โทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่น A1 ขายราคา 5000 บาทจากป้ายประกาศขาย เปิดให้คุณจอง  แต่พอคุณจองและไปดูราคาสินค้าจริงรุ่นนี้กลายเป็น 6000 บาท 7000 บาท แถมยังไม่รวม vat+ค่าดำเนินการใดๆด้วย  อย่างนี้ชัดเจนครับ โฆษณาหลอกลวง เพราะคุณไม่ได้เริ่มต้นที่ 5000 บาท มันเกินหลักแรกไปแล้ว     

  เรื่องปัดเศษมันเป็นเรื่องของการคิดเงินของราคาสินค้าจริงๆที่ขาย  แต่ในการโฆษณาถ้าราคาสินค้าจริงไม่ได้ได้เกินหลักจากที่ป้ายโฆษณาเชิญชวน เค้ายังไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงน๊ะครับ ไม่อย่างนั้นป้ายโฆษณาต่างๆที่มีอยู่จะถูกปรับหมดและต้องลงราคาเต็มหมดทุกป้ายเลย ไม่สามารถใช้หลักย่อได้เลย  ทุกวันนี้หลักย่อจากป้ายโฆษณาสินค้าทุกคนอ่านแล้วสนใจก็ต้องสอบถามราคาจริง(คือราคาเต็มๆ)กันทั้งนั้นว่าเท่าไหร่ ราคาสุทธิมันเท่าไหร่  เวลาคุณไปซื้อของเห็นป้ายทำนองนี้คุณก็จะถามคนขายใช่มั้ยครับว่า พี่ รุ่นนี้เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ราคาเต็มเท่าไหร่ พี่ขายเท่าไหร่ 5000 เหรอ  เพราะทุกคนอ่านก็เข้าใจกันหมดว่าราคาจากป้ายมันแค่ย่อเท่านั้นจึงสอบถาม ขอทราบราคาเต็มๆ ราคาสุทธิ ราคาจริง   ไม่อย่างนั้นคุณอ่านจากป้ายโฆษณาที่ย่อราคาถือเป็นราคาจริง คุณก็หยิบสินค้าแล้ววางตังค์เอาไปได้เลยสิโดยไม่ได้ดูราคาจริง ไม่สอบถามรายละเอียดต่างๆ  เพราะถือว่าคุณเอาจากราคาย่อที่ป้ายเป็นหลัก  ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาสู้คดีกัน คุณจะใช้ราคาย่อจากป้ายไปสู้คดีกับเค้าเหรอครับ มันแค่ป้ายโฆษณาไม่ใช่ราคาเต็มจากตัวสินค้าจริง

มันโง่ รอยหยักในสมองมันมีน้อย อย่าไปสนทนากับมันเลย

55555++ อธิบายไปยังไงมันก็ยืนยันว่าผิด ช่างมันเห๊อะ

มันเอาหลักฟิสิกส์มาอ้างอิงในหลักการตลาด แค่นี้ก็รู้ถึงตรรกะความคิดควายๆของมันแล้ว

เฮ้อ เพลีย เกรียนไม่พอ ยังแถไปแบบหน้าด้านๆอีก 5555++


  เอ่อ อย่าไปด่าหยาบคายกันเลยครับ ค่อยๆคุยกัน คนเรามีความคิดแตกต่างกัน และเรื่องนี้มองกันก็ถูกกันทั้ง 2 มุมละครับ ถูกทั้งคู่ แต่มันมีข้อย่อยไปอีกว่า ในแง่ไหน สถานการณ์ไหน ใช้ที่ไหน เพื่ออะไร แล้วส่วนไหนที่สามารถทำได้ ส่วนไหนทำแล้วผิด  ถ้าว่าด้วยเรื่องการขายผิดราคาจริงที่แจ้งไว้ก็ผิด  ถ้าว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ถ้ามันไม่เกินจากความเป็นจริงก็สามารถทำได้ แล้วเหตุผลที่เค้าไม่เอาผิดจากการปัดเศษของราคาจริงจากคำโฆษณาที่เป็นตัวย่อ ก็เพราะมันยังมีปัจจัยอื่นบวกเพิ่มไปอีก เป็นเพียงแค่การโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  ส่วนราคาจริงที่มีเศษส่วนจะปัดขึ้นหรือปัดลงถ้ามันไม่เกินจากหลักย่อที่ประกาศ ก็เอาไว้คำนวนภาษีตอนคิดเงิน เค้าจึงปัดหลักเพราะเป็นราคาจริงสุทธิ ที่ต้องเอามาคิดภาษี    ราคามีขึ้นมีลง ตราบใดที่ตัวสินค้าไม่ได้แจ้งหลักเต็ม หน่วยเต็มๆ  ยังไม่ถือเป็นราคาสุทธิ

 ิ   ผมเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งคุณ และคู่กรณีคุณ รวมทั้งทีมงาน  แค่มาอธิบายใฟ้ฟังคร่าวๆ(แต่ยาวชิหาย  g#004)  ว่ามันสามารถทำได้แบบไหน และไม่สามารถทำได้แบบไหน  เพื่อวันหน้าจะได้ชัดเจนไม่เป็นกรณีที่เอาไปอ้างเล่นกันในบางเคสที่จะเกิดในวันข้างหน้า  ก็ยกตัวอย่างเอาตามชีวิตประจำวันที่เราเจอนี่ละครับไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล 


Before

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 94

รอยหยักในสมองอย่างท่าน ตัวเลขง่ายแบบนี้คงคูณถูกนะครับ
ร้านของท่านไม่ได้ตั้งว่า ขายที่ราคาเริ่มต้น 2.3 M นี่ครับ


เรียนผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าท่านปล่อยให้ประเด็นนี้เป็นการกระทำโดยไม่มีความผิด ต่อไปก้อจะมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นทำให้เกมน่าเบื่อนะครับ
ลองประชุมกันใหม่แล้วลองพิจารณาดีๆ ครับ   และกรุณาบอกผมด้วยว่า ที่ท่านคิดว่าผู้เล่นท่านนี้ไม่มีความผิด
ท่านใช้บรรทัดฐานอะไรพิจารณาครับ ผมใช้หลักฟิสิกส์, หลักคณิตศาสตร์ และเจตนาของผู้ขายเป็นหลัก


  หลักการคิดแบบนี้ถูกต้องน๊ะครับ ถ้าจะคิดเค้าก็คิดกันแบบนี้ครับสำหรับเรื่องที่ว่าจะเอาผิดจากการหลอกลวงราคา  แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นมานี้นั้นมันไม่ใช่ราคาจริงของสินค้าครับ มันราคาจากป้ายโฆษณา และจากราคาป้ายกับราคาสินค้าจริงในร้านไม่ได้แตกต่างกันจากหลักล้านและหลักแสน เพียงแต่ราคาที่ป้ายถือเป็นราคาย่อเพื่อเชิญชวนครับ  ราคาจริงสุทธิของสินค้าคือราคาของที่ตั้งในร้าน ไม่ใช่ป้ายประกาศ ผมถึงบอกว่า ถ้าจะเอาผิดเรื่องโฆษณาหลอกลวงราคา เค้าต้องหลอกจากราคาจริงคือ  ในร้าน 2.380.000 แต่ดันไปขาย 2.400.000  อย่างนี้เป็นต้น  คือคุณประกาศราคาเต็มว่าเท่านี้ แต่ผมผมไปซื้อจริงดันขายแพงอีกราคา  อย่างนี้หลอกลวง   ส่วนเรื่องราคาที่โฆษณาเชิญชวนที่ป้ายดันไม่บอกเศษส่วนก็ย่อมทำได้ ถือเป็นหลักย่อเพื่อการโฆษณา ตราบใดที่ราคาจริง (ราคาของที่ตั้งจริงในร้าน) ไม่ได้ผิดไปจากหลักย่อที่ได้ตั้งประกาศ

   เรื่องการใช้หลักย่อเพื่อการโฆษณาเค้าไม่ได้เขียนกฏไว้ละเอียดขนาดว่า จะต้องลงราคาและหลักจำนวนเต็มเท่านั้น จำนวนเต็มของสินค้าไว้ที่ป้ายประกาศอย่างครบถ้วน ชัดเจน  มันสามาถใช้ย่อได้เพื่อความกระทัดรัด แต่ต้องประกาศไม่เกินเลยจากราคาที่ขายจริง  มันก็มีให้เห็นเยอะแยะในชีวิตประจำวันเราครับ  แบบ ขาย 5xxx บาท ก็ยังมี  หรือลงประกาศที่ป้ายว่า 5000 บาท  แต่ซื้อจริง 5070 บาทก็มี +vat 7% อย่างนี้ก็ย่อมทำได้ หรือจะเป็น 5890 บาทก็ได้ มีค่าดำเนินการบางอย่าง+vat ไปอีก 890  เค้าไม่ได้บอกราคารวมภาษี  เค้าโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  แต่ตราบใดที่ท่านทราบราคาจริง มีใบหรือเอกสารหรือหลักฐานใดยืนยันว่า คุณตกลงซื้อหรือรับทราบราคาสินค้าจริงแล้วว่าราคา 5890 บาท  แต่ตอนเรียกเก็บเงินกันมีบวกค่าอื่นเพิ่มมา หรือมีการเพิ่มราคาผิดไปจากนี้  ผิดครับ 

 หรือ

 โทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่น A1 ขายราคา 5000 บาทจากป้ายประกาศขาย เปิดให้คุณจอง  แต่พอคุณจองและไปดูราคาสินค้าจริงรุ่นนี้กลายเป็น 6000 บาท 7000 บาท แถมยังไม่รวม vat+ค่าดำเนินการใดๆด้วย  อย่างนี้ชัดเจนครับ โฆษณาหลอกลวง เพราะคุณไม่ได้เริ่มต้นที่ 5000 บาท มันเกินหลักแรกไปแล้ว     

  เรื่องปัดเศษมันเป็นเรื่องของการคิดเงินของราคาสินค้าจริงๆที่ขาย  แต่ในการโฆษณาถ้าราคาสินค้าจริงไม่ได้ได้เกินหลักจากที่ป้ายโฆษณาเชิญชวน เค้ายังไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงน๊ะครับ ไม่อย่างนั้นป้ายโฆษณาต่างๆที่มีอยู่จะถูกปรับหมดและต้องลงราคาเต็มหมดทุกป้ายเลย ไม่สามารถใช้หลักย่อได้เลย  ทุกวันนี้หลักย่อจากป้ายโฆษณาสินค้าทุกคนอ่านแล้วสนใจก็ต้องสอบถามราคาจริง(คือราคาเต็มๆ)กันทั้งนั้นว่าเท่าไหร่ ราคาสุทธิมันเท่าไหร่  เวลาคุณไปซื้อของเห็นป้ายทำนองนี้คุณก็จะถามคนขายใช่มั้ยครับว่า พี่ รุ่นนี้เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ราคาเต็มเท่าไหร่ พี่ขายเท่าไหร่ 5000 เหรอ  เพราะทุกคนอ่านก็เข้าใจกันหมดว่าราคาจากป้ายมันแค่ย่อเท่านั้นจึงสอบถาม ขอทราบราคาเต็มๆ ราคาสุทธิ ราคาจริง   ไม่อย่างนั้นคุณอ่านจากป้ายโฆษณาที่ย่อราคาถือเป็นราคาจริง คุณก็หยิบสินค้าแล้ววางตังค์เอาไปได้เลยสิโดยไม่ได้ดูราคาจริง ไม่สอบถามรายละเอียดต่างๆ  เพราะถือว่าคุณเอาจากราคาย่อที่ป้ายเป็นหลัก  ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาสู้คดีกัน คุณจะใช้ราคาย่อจากป้ายไปสู้คดีกับเค้าเหรอครับ มันแค่ป้ายโฆษณาไม่ใช่ราคาเต็มจากตัวสินค้าจริง

มันโง่ รอยหยักในสมองมันมีน้อย อย่าไปสนทนากับมันเลย

55555++ อธิบายไปยังไงมันก็ยืนยันว่าผิด ช่างมันเห๊อะ

มันเอาหลักฟิสิกส์มาอ้างอิงในหลักการตลาด แค่นี้ก็รู้ถึงตรรกะความคิดควายๆของมันแล้ว

เฮ้อ เพลีย เกรียนไม่พอ ยังแถไปแบบหน้าด้านๆอีก 5555++


  เอ่อ อย่าไปด่าหยาบคายกันเลยครับ ค่อยๆคุยกัน คนเรามีความคิดแตกต่างกัน และเรื่องนี้มองกันก็ถูกกันทั้ง 2 มุมละครับ ถูกทั้งคู่ แต่มันมีข้อย่อยไปอีกว่า ในแง่ไหน สถานการณ์ไหน ใช้ที่ไหน เพื่ออะไร แล้วส่วนไหนที่สามารถทำได้ ส่วนไหนทำแล้วผิด  ถ้าว่าด้วยเรื่องการขายผิดราคาจริงที่แจ้งไว้ก็ผิด  ถ้าว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ถ้ามันไม่เกินจากความเป็นจริงก็สามารถทำได้ แล้วเหตุผลที่เค้าไม่เอาผิดจากการปัดเศษของราคาจริงจากคำโฆษณาที่เป็นตัวย่อ ก็เพราะมันยังมีปัจจัยอื่นบวกเพิ่มไปอีก เป็นเพียงแค่การโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  ส่วนราคาจริงที่มีเศษส่วนจะปัดขึ้นหรือปัดลงถ้ามันไม่เกินจากหลักย่อที่ประกาศ ก็เอาไว้คำนวนภาษีตอนคิดเงิน เค้าจึงปัดหลักเพราะเป็นราคาจริงสุทธิ ที่ต้องเอามาคิดภาษี    ราคามีขึ้นมีลง ตราบใดที่ตัวสินค้าไม่ได้แจ้งหลักเต็ม หน่วยเต็มๆ  ยังไม่ถือเป็นราคาสุทธิ

 ิ   ผมเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งคุณ และคู่กรณีคุณ รวมทั้งทีมงาน  แค่มาอธิบายใฟ้ฟังคร่าวๆ(แต่ยาวชิหาย  g#004)  ว่ามันสามารถทำได้แบบไหน และไม่สามารถทำได้แบบไหน  เพื่อวันหน้าจะได้ชัดเจนไม่เป็นกรณีที่เอาไปอ้างเล่นกันในบางเคสที่จะเกิดในวันข้างหน้า  ก็ยกตัวอย่างเอาตามชีวิตประจำวันที่เราเจอนี่ละครับไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล

ผมก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้นะครับ

แต่เห็นอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้น


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
อ่อ ผมลืมไปอีกเรื่อง และแม้จะประกาศจากป้ายโฆษณาว่า เริ่มต้นที่ 2.3 เอม หรือ ขายที่ราคา 2.3 เอมกว่าๆ  ถึงมีคำว่า เริ่มต้น และ กว่าๆ อยู่ในคำโฆษณาก็ตาม  แต่ถ้าราคาจริงของสินค้าผมเป็น 2399.999 คุณก็จะไปเอาหลักการปัดหลักมาบอกว่า ผมโฆษณาเกินจริงอีกรึเปล่า  ก็ในเมื่อเศษของมันต้องถูกปัดขึ้นหลักในการคิดคำนวนเหมือนกัน  อย่างนี้ป้ายโฆษณาไหนที่มีคำว่า เริ่มต้น กว่าๆ และไม่ลงจำนวนเต็มจริงก็จะผิดหมดสิครับ  เข้าข่ายหลอกลวงหมดเลย


  มันเป็นแค่คำโฆษณาที่ราคาจริงไม่ได้แจ้งหลักเกินจากราคาย่อที่ประกาศ  มันไม่ผิดหรอกครับ  ประกาศ 2.3 ราคาจริง 2.399.999 ก็ย่อมได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ 2.400.000 +

กรณีนี้ไม่ผิดแน่นอนครับ หากคุณมีคำว่าเริ่มต้น แล้วถ้าคุณจะบอกว่า คุณชูป้ายเพื่อโฆษนา มันก้อคงไม่ถูกนัก เพราะ M = Mega คือมาตรฐาน
ถ้าคุณมีคำว่าเริ่มต้นที่.... กระทู้ของผมคงไม่เกิดขึ้น
เรื่องปัดเศษตัดทิ้งได้เลยครับ  ผมพลาดเองที่เอาเรื่องปัดเศษมาใช้เป็นประเด็น มันไม่เกี่ยวข้องกัน
ประเด็นคือ 2.3 M  = 2,300,000 ครับ  มันเป็นหลักสากล


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน

รอยหยักในสมองอย่างท่าน ตัวเลขง่ายแบบนี้คงคูณถูกนะครับ
ร้านของท่านไม่ได้ตั้งว่า ขายที่ราคาเริ่มต้น 2.3 M นี่ครับ


เรียนผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าท่านปล่อยให้ประเด็นนี้เป็นการกระทำโดยไม่มีความผิด ต่อไปก้อจะมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นทำให้เกมน่าเบื่อนะครับ
ลองประชุมกันใหม่แล้วลองพิจารณาดีๆ ครับ   และกรุณาบอกผมด้วยว่า ที่ท่านคิดว่าผู้เล่นท่านนี้ไม่มีความผิด
ท่านใช้บรรทัดฐานอะไรพิจารณาครับ ผมใช้หลักฟิสิกส์, หลักคณิตศาสตร์ และเจตนาของผู้ขายเป็นหลัก


  หลักการคิดแบบนี้ถูกต้องน๊ะครับ ถ้าจะคิดเค้าก็คิดกันแบบนี้ครับสำหรับเรื่องที่ว่าจะเอาผิดจากการหลอกลวงราคา  แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นมานี้นั้นมันไม่ใช่ราคาจริงของสินค้าครับ มันราคาจากป้ายโฆษณา และจากราคาป้ายกับราคาสินค้าจริงในร้านไม่ได้แตกต่างกันจากหลักล้านและหลักแสน เพียงแต่ราคาที่ป้ายถือเป็นราคาย่อเพื่อเชิญชวนครับ  ราคาจริงสุทธิของสินค้าคือราคาของที่ตั้งในร้าน ไม่ใช่ป้ายประกาศ ผมถึงบอกว่า ถ้าจะเอาผิดเรื่องโฆษณาหลอกลวงราคา เค้าต้องหลอกจากราคาจริงคือ  ในร้าน 2.380.000 แต่ดันไปขาย 2.400.000  อย่างนี้เป็นต้น  คือคุณประกาศราคาเต็มว่าเท่านี้ แต่ผมผมไปซื้อจริงดันขายแพงอีกราคา  อย่างนี้หลอกลวง   ส่วนเรื่องราคาที่โฆษณาเชิญชวนที่ป้ายดันไม่บอกเศษส่วนก็ย่อมทำได้ ถือเป็นหลักย่อเพื่อการโฆษณา ตราบใดที่ราคาจริง (ราคาของที่ตั้งจริงในร้าน) ไม่ได้ผิดไปจากหลักย่อที่ได้ตั้งประกาศ

   เรื่องการใช้หลักย่อเพื่อการโฆษณาเค้าไม่ได้เขียนกฏไว้ละเอียดขนาดว่า จะต้องลงราคาและหลักจำนวนเต็มเท่านั้น จำนวนเต็มของสินค้าไว้ที่ป้ายประกาศอย่างครบถ้วน ชัดเจน  มันสามาถใช้ย่อได้เพื่อความกระทัดรัด แต่ต้องประกาศไม่เกินเลยจากราคาที่ขายจริง  มันก็มีให้เห็นเยอะแยะในชีวิตประจำวันเราครับ  แบบ ขาย 5xxx บาท ก็ยังมี  หรือลงประกาศที่ป้ายว่า 5000 บาท  แต่ซื้อจริง 5070 บาทก็มี +vat 7% อย่างนี้ก็ย่อมทำได้ หรือจะเป็น 5890 บาทก็ได้ มีค่าดำเนินการบางอย่าง+vat ไปอีก 890  เค้าไม่ได้บอกราคารวมภาษี  เค้าโฆษณาเชิญชวนให้มาดู  แต่ตราบใดที่ท่านทราบราคาจริง มีใบหรือเอกสารหรือหลักฐานใดยืนยันว่า คุณตกลงซื้อหรือรับทราบราคาสินค้าจริงแล้วว่าราคา 5890 บาท  แต่ตอนเรียกเก็บเงินกันมีบวกค่าอื่นเพิ่มมา หรือมีการเพิ่มราคาผิดไปจากนี้  ผิดครับ 

 หรือ

 โทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่น A1 ขายราคา 5000 บาทจากป้ายประกาศขาย เปิดให้คุณจอง  แต่พอคุณจองและไปดูราคาสินค้าจริงรุ่นนี้กลายเป็น 6000 บาท 7000 บาท แถมยังไม่รวม vat+ค่าดำเนินการใดๆด้วย  อย่างนี้ชัดเจนครับ โฆษณาหลอกลวง เพราะคุณไม่ได้เริ่มต้นที่ 5000 บาท มันเกินหลักแรกไปแล้ว     

  เรื่องปัดเศษมันเป็นเรื่องของการคิดเงินของราคาสินค้าจริงๆที่ขาย  แต่ในการโฆษณาถ้าราคาสินค้าจริงไม่ได้ได้เกินหลักจากที่ป้ายโฆษณาเชิญชวน เค้ายังไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงน๊ะครับ ไม่อย่างนั้นป้ายโฆษณาต่างๆที่มีอยู่จะถูกปรับหมดและต้องลงราคาเต็มหมดทุกป้ายเลย ไม่สามารถใช้หลักย่อได้เลย  ทุกวันนี้หลักย่อจากป้ายโฆษณาสินค้าทุกคนอ่านแล้วสนใจก็ต้องสอบถามราคาจริง(คือราคาเต็มๆ)กันทั้งนั้นว่าเท่าไหร่ ราคาสุทธิมันเท่าไหร่  เวลาคุณไปซื้อของเห็นป้ายทำนองนี้คุณก็จะถามคนขายใช่มั้ยครับว่า พี่ รุ่นนี้เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ราคาเต็มเท่าไหร่ พี่ขายเท่าไหร่ 5000 เหรอ  เพราะทุกคนอ่านก็เข้าใจกันหมดว่าราคาจากป้ายมันแค่ย่อเท่านั้นจึงสอบถาม ขอทราบราคาเต็มๆ ราคาสุทธิ ราคาจริง   ไม่อย่างนั้นคุณอ่านจากป้ายโฆษณาที่ย่อราคาถือเป็นราคาจริง คุณก็หยิบสินค้าแล้ววางตังค์เอาไปได้เลยสิโดยไม่ได้ดูราคาจริง ไม่สอบถามรายละเอียดต่างๆ  เพราะถือว่าคุณเอาจากราคาย่อที่ป้ายเป็นหลัก  ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาสู้คดีกัน คุณจะใช้ราคาย่อจากป้ายไปสู้คดีกับเค้าเหรอครับ มันแค่ป้ายโฆษณาไม่ใช่ราคาเต็มจากตัวสินค้าจริง

มันโง่ รอยหยักในสมองมันมีน้อย อย่าไปสนทนากับมันเลย

55555++ อธิบายไปยังไงมันก็ยืนยันว่าผิด ช่างมันเห๊อะ

มันเอาหลักฟิสิกส์มาอ้างอิงในหลักการตลาด แค่นี้ก็รู้ถึงตรรกะความคิดควายๆของมันแล้ว

เฮ้อ เพลีย เกรียนไม่พอ ยังแถไปแบบหน้าด้านๆอีก 5555++

ทุกอย่างมีมาตรฐานและบรรทัดฐานนะครับ
สิ่งที่ผมเสนอมาก้อมีเหตุผลสนับสนุน และตรงไปตรงมาครับ
ลองถามคนหลายๆ คนนะครับว่า ตั้งราคา 2.3M แต่มาขาย 2.38 M แบบนี้มันเป็นการตลาดข้อไหนเหรอครับ
พอดีผมเรียนวิชาพวกนี้มาน้อย แต่ก็พอรู้บ้าง
บอกว่าผมแถ ผมก็อยากรู้ครับว่าแถตรงไหน ?


อิแถกากกกกกกกกก

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 61
วันหลังก็ขายหูเอล 500m ตั้ง 599m บอกปัดเศษหลัก 10m ละกัน
10. ห้ามโพสรูปภาพ ลายเซ็น เกิดขนาด 550x250 และตัวอังษรในลายเซ็นห้ามเกินขนาด 18-20 (ทีมงานจะพิจารณาภาพที่โพสประกอบอีกครั้ง เป็นเชิงข้อมูลของอสุราหรือเปล่า ก่อนที่จะแก้ไข)
/4/139221.229062


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle
อ่อ ผมลืมไปอีกเรื่อง และแม้จะประกาศจากป้ายโฆษณาว่า เริ่มต้นที่ 2.3 เอม หรือ ขายที่ราคา 2.3 เอมกว่าๆ  ถึงมีคำว่า เริ่มต้น และ กว่าๆ อยู่ในคำโฆษณาก็ตาม  แต่ถ้าราคาจริงของสินค้าผมเป็น 2399.999 คุณก็จะไปเอาหลักการปัดหลักมาบอกว่า ผมโฆษณาเกินจริงอีกรึเปล่า  ก็ในเมื่อเศษของมันต้องถูกปัดขึ้นหลักในการคิดคำนวนเหมือนกัน  อย่างนี้ป้ายโฆษณาไหนที่มีคำว่า เริ่มต้น กว่าๆ และไม่ลงจำนวนเต็มจริงก็จะผิดหมดสิครับ  เข้าข่ายหลอกลวงหมดเลย


  มันเป็นแค่คำโฆษณาที่ราคาจริงไม่ได้แจ้งหลักเกินจากราคาย่อที่ประกาศ  มันไม่ผิดหรอกครับ  ประกาศ 2.3 ราคาจริง 2.399.999 ก็ย่อมได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ 2.400.000 +

กรณีนี้ไม่ผิดแน่นอนครับ หากคุณมีคำว่าเริ่มต้น แล้วถ้าคุณจะบอกว่า คุณชูป้ายเพื่อโฆษนา มันก้อคงไม่ถูกนัก เพราะ M = Mega คือมาตรฐาน
ถ้าคุณมีคำว่าเริ่มต้นที่.... กระทู้ของผมคงไม่เกิดขึ้น
เรื่องปัดเศษตัดทิ้งได้เลยครับ  ผมพลาดเองที่เอาเรื่องปัดเศษมาใช้เป็นประเด็น มันไม่เกี่ยวข้องกัน
ประเด็นคือ 2.3 M  = 2,300,000 ครับ  มันเป็นหลักสากล

  คืองี้ครับ คุณก็พูดถูกหมดละ และตามที่คุณเข้าใจว่า ประเด็นคือ 2.3 M  = 2,300,000 ครับ  มันเป็นหลักสากล   ถูกต้องครับ  แต่ในนัยยะการนำไปใช้ของมันไม่เหมือนกันตรงที่ว่า  2.3 เอม คือคำย่อของ ส่วน 2.300.000 คือจำนวนเต็มจริงไงครับ ซึ่งก็ตามหลักสากลเช่นกันว่า หลักย่อนั้นไม่ได้แสดงถึงจำนวนเต็มจริงว่าตายตัว เป็นเพียงคำย่อของจำนวนเต็มซึ่งอาจจะมีเศษส่วนหรือไม่มีก็ได้ แล้วก็ยังไม่มีหลักสากลไหนห้ามว่า ถ้ามีเศษส่วนห้ามย่อในการโฆษณา ต้องลงเต็มๆเท่านั้นในการโฆษณา มีแต่ในหลักการบัญชี การคำนวนตัวเลขเท่านั้นที่ในบางธุรกรรมเค้าต้องให้ลงจำนวนเต็มจริงหากมีเศษส่วน อย่างชี้แจงทรัพย์สิน ฝากเงินแบงค์  อย่างนี้คุณต้องลงเต็มๆ จะมาลง 1 พันกว่าๆไม่ได้ ไม่ใช่การโฆษณา และแม้ถึงเป็นการย่อมาเพื่อโฆษณาแต่  ราคาจริงของสินค้าเค้าก็ห้ามย่อ ต้องชัดเจน เต็มๆ   และในการใช่คำย่อเพื่อประกาศอาจจะมีคำส่งเสริมหรือแปลกแยกความมันออกไปอีกเช่น เริ่มต้นที่ 2.3 ล้าน หรือ 2.3 ล้าน ต้นๆ  2.3 ล้านปลายๆ หรือ 2.3 ล้านบาทถ้วน แต่ถ้าหากโผล่มาด้วนๆเช่น ขายบ้าน 2.3 ล้าน  ไม่มีคำใดมาแสดงสถานะเพิ่มเติม มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่า คำว่า 2.3 เอม หรือ 2.3 ล้านนั้นคือจำนวนเต็มจริงคือเลข 7 หลักเป็น 2.300.000 ซึ่งมันอาจจะย่อมาจาก 2.375.000 ก็ได้   ผมขอยกตัวอย่างอีก 2 แบบให้ดูน๊ะครับ


 1. ผมสมมุติว่า มีการพาดหัวข่าว นสพ. ว่า โจรปล้นบ้านเศรษฐีกลางดึกกวาด 52 ล้าน อ่านต่อหน้า 10  <<< อย่างนี้มันแสดงถึง 50.000.000 บาทถ้วนหรือเปล่าครับ  ถ้าเกิดเงินที่โดนปล้นไปเกิดเป็น  52.890.000 ละ   เพราะคิดเอาตามหลักปัดเศษส่วนแล้ว มันเข้าหลัก 53 ล้าน แต่ลงพาดหัวข่าวแค่ 52 ล้านเท่านั้น และพอเข้าไปอ่านที่หน้า 10  มีพื้นที่เยอะในการแสดงรายละเอียดต่างๆ ในบทความเนื้อหาข่าวเค้าลงจำนวนเงินเต็มหลักไว้ว่า เป็นเงินทั้งหมด 52.890.000 ล้านบาท อย่างนี้ นสพ.ฉบับนี้จะถูกฟ้องมั้ยว่าพาดหัวข่าวบิดเบือนความจริง แล้ว นสพ.ก็จัดเป็นหมวดโฆษณาเช่นกัน ทำไมเค้าไม่ใช้หลักจำนวนเต็มในการพาดหัว หรือพาดหัวข่าวว่า 53 ล้าน

 2. ถ้าผมขายบ้าน 1 หลัง ผมประกาศใช้หลักย่อจากจำนวนเต็มว่า ขายบ้าน .....  ราคา  2.3 ล้านปลายๆ  <<< ผมมีคำว่าปลายๆด้วย ประกาศในใบสั้นๆแค่นี้ละ   แล้วราคาจริงที่ผมแสดงในเอกสารคือ 2.399.000 ล้านบาท   และคนที่ติดต่อจะซื้อบ้านผมบอก เห้ยคุณ ปลายๆของคุณนี่มันจะ 2.400.000 แล้ว  ถ้าเอาทฤษฏีตามหลักทศนิยมมาคิดเนี่ย  คุณขายบ้าน 2.4 ล้านน๊ะ  แต่คุณประกาศ 2.3 ปลายๆ ทำไมไม่ 2.4 ล้านไปเลยผม    คุณจะพูดกับเค้าว่าไงครับถ้าเกิดมีคนเอาหลักนี้มาพูดกับคุณในกรณีแบบนี้  โดยที่ถ้าใช้หลักนี้มาคิด คำว่าปลายๆไม่มีความหมายไปโดยปริยาย    ผมก็ขายของผมถูกต้องอะ 2.399.000 มันคือ 2.3 ปลายๆก็ถูกต้องตามใบประกาศ  แต่ถ้าคิดทางหลักปัดเศษมันคือ 2.4 ก็ถูกต้อง  แล้วอย่างนี้คุณจะทำไง  มีอะไรระบุบังคับคำว่าปลายๆเมื่อเอามาใช้กับตัวย่อของราคามั้ยว่าคำว่าปลายๆเนี่ย   มันเริ่มต้นที่เท่าไหร่และไปสุดที่เท่าไหร่  สุดที่ .9 ได้มั้ย  หรือว่าไม่ได้ต้องปัดเศษ ถ้าไม่ปัดตามหลักคำนวนถือว่าหลอกลวง หรือเปล่า ....?   ถ้าคิดตามหลักการปัดเศษส่วนแล้วถือว่าหลอกลวงจากเลขย่อจากป้ายหรือใบโฆษณาของผม   ผมต้องถามว่า เวลาคุณจะจ่ายเงินผม คุณจะจ่ายผม 2.4 ล้าน หรือจ่าย 2.399.000 ล้านละ ถ้าจ่ายมา 2.4 ล้าน ผมก็ต้องทอน  เพราะผมขาย 2.3 ล้านปลายๆ ไม่ได้ขาย 2.4  ถ้าผมประกาศขาย 2.4 ผมจะไม่ทอน 

 ^^^ นี่เป็นกรณีที่ใช้หลักเลขย่อ+ใช้คำว่า ปลายๆ แสดงกริยาเพิ่มเติมด้วยน๊ะครับ ว่ามันมากกว่า 2.3 ล้าน


  เริ่มต้นที่  ..... ปลายๆ

  เริ่มต้นที่  ...... ต้นๆ

  เริ่มต้นที่  ....... เศษๆ

  เริ่มต้นที่  ....... กว่าๆ 

  คำพวกนี้จะอยู่บนการโฆษณาที่ไม่ได้ระบุจำนวนเต็มชัดเจน  หรือแม้กระทั่งมาด้วนๆเป็นเลขหลักล้านและหลักแสนหรือหลักไหนก็ช่าง ไม่มีคำว่า เริ่มต้นที่  ต้นๆ ปลายๆ กว่าๆ  นิดๆ หน่อยๆ เศษๆ และอะไรอีกเยอะแยะละ มีแค่ตัวเลขย่อด้วนๆและหน่วยของราคา มันเป็นตัวเลขย่อที่ย่อมาจากเลขจำนวนจริงเต็มหลักของสินค้าที่เอามาโชว์อยู่ในคำโฆษณา ยังไม่ถือว่าตัวเลขนั้นบ่งบอกจำนวนจริงสุทธิน๊ะครับ  เค้าแค่ย่อมาจากจำนวนจริง ให้สั้นๆเพื่อการโฆษณาเชิญชวนในสินค้า   ราคาจำนวนเต็มจริงของมันถูกระบุที่ตัวสินค้า   ถ้าเลขจากจำนวนย่อที่ประกาศ (จะย่อมา 2 หลัก 3 หลัก ก็ตามแต่) ตรงกับจำนวนเต็มจริงของราคาสินค้า ไม่ผิดน๊ะครับเรื่องเศษส่วน   ถ้าผมย่อมา 2 หลัก คือหลักล้านและหลักแสน  ราคาจริงของสินค้าผม 7 หลักนั้น  หลักล้านและแสนต้องตรงกันกับที่ผมย่อไป  จะเศษส่วนเท่าไหร่ไม่เกี่ยวกับ 2 หลักที่ผมย่อไปประกาศ มันติดอยู่ที่ราคาสินค้าจริงๆให้คุณเข้ามาดู   เพราะถ้าผมต้องลงหมดทุกหลัก มันจะเรียกย่อได้ไงครับ  นั่นคือประกาศราคาเต็มจำนวนทุกหลัก 


DarkEagle

  • Sr. Member
  • ****
    • กระทู้: 2,814
  • DarkEagle
วันหลังก็ขายหูเอล 500m ตั้ง 599m บอกปัดเศษหลัก 10m ละกัน

  อย่างนี้ไม่ได้น้องชาย  นายย่อหลักร้อยล้านมา  3 หลักที่นายย่อมาถ้าไม่ตรงกับหลักร้อยล้านของราคาเต็มจริงของสินค้า  นายหลอกลวง  แต่เคสที่เป็นประเด็นอยู่นี่เค้าย่อหลักล้านและหลักแสนมาคือ 2.3 ล้าน  และของในร้านเค้าก็เป็น 2.3xx.xxx   

  ถ้าแบบของนายจะขาย 599 เอม นายต้องประกาศ ขายหูเอลฟ์ 599 เอม แล้วราคาจริงนายไปเล่นที่หลักแสนเอา คือ 599.999.900  อะไรแบบนี้  อย่างนี้ไม่ผิดไม่ว่าจะเป็นเงินต่างกันกี่ล้านกี่แสนก็ตาม  เพราะนายแค่ย่อไปประกาศขาย  พอเข้าใจยัง


nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
อ้างถึง
คำพวกนี้จะอยู่บนการโฆษณาที่ไม่ได้ระบุจำนวนเต็มชัดเจน  หรือแม้กระทั่งมาด้วนๆเป็นเลขหลักล้านและหลักแสนหรือหลักไหนก็ช่าง ไม่มีคำว่า เริ่มต้นที่  ต้นๆ ปลายๆ กว่าๆ  นิดๆ หน่อยๆ เศษๆ และอะไรอีกเยอะแยะละ มีแค่ตัวเลขย่อด้วนๆและหน่วยของราคา มันเป็นตัวเลขย่อที่ย่อมาจากเลขจำนวนจริงเต็มหลักของสินค้าที่เอามาโชว์อยู่ในคำโฆษณา ยังไม่ถือว่าตัวเลขนั้นบ่งบอกจำนวนจริงสุทธิน๊ะครับ  เค้าแค่ย่อมาจากจำนวนจริง ให้สั้นๆเพื่อการโฆษณาเชิญชวนในสินค้า   ราคาจำนวนเต็มจริงของมันถูกระบุที่ตัวสินค้า   ถ้าเลขจากจำนวนย่อที่ประกาศ (จะย่อมา 2 หลัก 3 หลัก ก็ตามแต่) ตรงกับจำนวนเต็มจริงของราคาสินค้า ไม่ผิดน๊ะครับเรื่องเศษส่วน   ถ้าผมย่อมา 2 หลัก คือหลักล้านและหลักแสน  ราคาจริงของสินค้าผม 7 หลักนั้น  หลักล้านและแสนต้องตรงกันกับที่ผมย่อไป  จะเศษส่วนเท่าไหร่ไม่เกี่ยวกับ 2 หลักที่ผมย่อไปประกาศ มันติดอยู่ที่ราคาสินค้าจริงๆให้คุณเข้ามาดู   เพราะถ้าผมต้องลงหมดทุกหลัก มันจะเรียกย่อได้ไงครับ  นั่นคือประกาศราคาเต็มจำนวนทุกหลัก 
ถึงคุณจะบอกว่าคุณตั้งชื่อร้านเพื่อโฆษนาชวนเชื่อ (P Promotion ตามหลักการตลาด 4P)
 แต่อย่าลืมนะครับ มันมีการระบุราคาที่แน่นอน ว่าขาย 2.3 M (ถูกต้องไหมครับ ?)
ถ้ากรณีของคุณจบและผ่านไปแบบถูกต้อง  ต่อไปคนคงตั้งร้านแบบนี้เต็มเซิฟ
เช่น ตั้งว่าขาย 4.1 M แต่ขายจริงราคา 4,199,999 ถ้าคนที่ดูป้าย แล้วดึงโดยที่ไม่ดูราคาจริงๆ  คนซื้อก็เสียผลประโยชน์
ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ครับ
ขอให้ทีมงานพิจารณาด้วยครับ





nutlovely

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 408
  • บุรุษผู้ยึดมั่นในความเกรียน
จากราคาที่ตั้ง 2.3m ซึ่งการตั้งราคาแบบนี้ก็เป็นที่รู้กันว่าราคาสิ้นคา คือ หมวดเงิน ล้าน (เป็นการย่อให้เข้าใจง่ายของเกมออนไลน์ทั่วไป) ก็น่าจะทราบอยู่

และ ในร้านผู้เล่นเค้าตั้ง 2,380,000 ซึ่งการที่จะย่อให้เข้าใจง่ายนั้นมันไม่มีด้วยถ้าลองนึกดูให้ตั้ง 2.3m80k คนซื้อก็คง งง กันแน่นอนว่าคนนี้จะร้านอะไรราคาเท่าไหร่แน่เพราะไม่เคยมีคนใช้แบบนี้มาก่อน ซึ่งต้องใช้ 2.3m ได้เท่านั้นเป็นที่เข้าใจง่ายที่สุด
ถ้าคิดด้วยตรรกะแบบนี้ ผมตั้ง 2 M ผมก้อสามารถขายที่ 2.5 M ได้ ถูกต้องไหมครับ ?
2.3m80k ---->2.38 M  เข้าใจง่าย


อิแถกากกกกกกกกก

  • Newbie
  • *
    • กระทู้: 61
อ้่างอย่างเดียวกับการโฆษณา กูถามหน่อยมึงตั้งขายของหรือทำลิ้งโฆษณา


ทำไมทำตามสิ่งที่ตาเห็นหรือครับ ?

2.3M=2,300,000 บิลล่า

จะมากเรื่องไปทำไม
10. ห้ามโพสรูปภาพ ลายเซ็น เกิดขนาด 550x250 และตัวอังษรในลายเซ็นห้ามเกินขนาด 18-20 (ทีมงานจะพิจารณาภาพที่โพสประกอบอีกครั้ง เป็นเชิงข้อมูลของอสุราหรือเปล่า ก่อนที่จะแก้ไข)
/4/139221.229062


VR_1

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 165
ตัวที่ขายกะโดนแบนขังคุกไปล่ะนิ ไม่น่าจามาเถียงกันล่ะมั้ง  woon_555  woon_555