↓.~ สงคราม ประวัติศาสตร์ ~.↓

[_BoAt]

[/color][/size]ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้ก่อนพักเที่ยงครับ

***อินเดียทดสอบการยิงขีปนาวุธพิสัยไกล***
อินเดียประสบผลสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งพิสัยการยิงของขีปนาวุธลูกนี้สามารถยิงถึงเป้าหมายที่อยู่ไกล เช่นเมืองเซี่ยงไฮ้ และ ปักกิ่ง ของจีน


ปล.ของประเทศไทยเราก็มีน๊ะครับ เเต่ตอนนี้มันเป็นเเค่ภาพ รัฐบาลเราเอาขีปนาวุธไปเเลกเป็นเงินมาซื้อ...?

[Liánhuā]

จขท.ชอบจอมพลคนไหนในช่วง war 2 หรอ 

[_BoAt]

จขท.ชอบจอมพลคนไหนในช่วง war 2 หรอ 

ไม่ชอบ war1-2ครับ เเต่ชอบสงคราม ของพระเจ้าตากสิน 

[_BoAt]

ภาพถ่ายประวัติศาสตร์ที่เวียดนามโดนระเบิดนาปาล์มครั้งใหญ่

[_BoAt]

[สงครามฝรั่งเศส - ปรัสเซีย ]

สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย หรือ สงครามฝรั่งเศส-เยอรมนี (อังกฤษ: Franco-Prussian War หรือ Franco-German War) ในฝรั่งเศสเรียกกันว่า "สงคราม ค.ศ. 1870" (1870 War) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1871 ที่เป็นความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสและปรัสเซีย โดยปรัสเซียได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือที่ปรัสเซียเป็นสมาชิก และรัฐเยอรมันตอนใต้ที่รวมทั้งบาเดน, เวือร์ทเทมแบร์ก และบาวาเรีย

โดยชัยชนะของปรัสเซียและเยอรมนีนำมาสู่การรวมตัวเป็นเยอรมนีภายใต้จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 1 และเป็นการสิ้นสุดของอำนาจของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3และจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 ที่มาแทนที่ด้วยสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ในส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาแฟรงเฟิร์ต ดินแดนเกือบทั้งหมดของอัลซาซ-ลอร์แรนถูกยึดครองโดยปรัสเซียและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีมาจนถึงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1

ความขัดแย้งเป็นผลมาจากความตึงเครียดที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีระหว่างสองมหาอำนาจที่ในที่สุดก็ปะทุขึ้นเป็นสงคราม ที่มีสาเหตมาจากกรณีของผู้มีสิทธิของราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์นในราชบัลลังก์สเปนที่ว่างลงหลังจากการโค่นราชบัลลังก์ของสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 2 แห่งสเปน ในปี ค.ศ. 1868 ความขัดแย้งในที่สุดก็นำไปสู่การประกาศสงครามของฝรั่งเศสเฉพาะต่อปรัสเซียเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 แต่รัฐเยอรมันอื่นเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายปรัสเซีย

ความมีประสิทธิภาพของกองกำลังปรัสเซียและเยอรมันเห็นได้ชัดไม่นานหลังจากการเริ่มสงคราม ที่บางส่วนมาจากระบบการขนส่งทางรถไฟและการผลิดอาวุธจากเหล็กกล้าที่มีคุณภาพสูง ปรัสเซียมีระบบการขนส่งทางรถไฟที่หนาแน่นเป็นที่สี่ในโลก ฝรั่งเศสเป็นที่ห้า ชัยชนะอันรวดเร็วติดต่อกันของปรัสเซียและเยอรมนีทางด้านตะวันออกของฝรั่งเศสเกิดขึ้นในยุทธการเซดาน ที่นโปเลียนที่ 3 และกองทัพถูกจับได้เมื่อวันที่ 2 กันยายน

แต่กระนั้นก็ไม่ได้เป็นการยุติสงคราม เมื่อสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ได้รับการประกาศก่อตั้งขึ้นในปารีสเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870 ฝรั่งเศสจึงดำเนินการต่อต้านต่อไปภายใต้การนำของอดอล์ฟ ตีแยร์ส และรัฐบาลชุดใหม่

กองทัพเยอรมันใช้เวลาในการรณรงค์เป็นเวลากว่าห้าเดือนในการได้รับชัยชนะต่อกองทหารฝรั่งเศสที่เกณฑ์มาใหม่ในชัยชนะที่ได้รับหลายครั้งทางตอนเหนือของฝรั่งเศส หลังจากการล้อมกรุงปารีสอยู่เป็นเวลานานปารีสก็เสียกรุงเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1871 การล้อมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการใช้อาวุธต่อต้านยานบินเป็นครั้งแรก สิบวันก่อนหน้านั้นรัฐเยอรมันก็ได้ประกาศการรวมตัวภายใต้พระมหากษัตริย์ปรัสเซียเป็นรัฐชาติจักรวรรดิเยอรมัน สนธิสัญญาแฟรงเฟิร์ต ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1871

[_BoAt]

" สงครามร้อยปี" : หนึ่งศตวรรษแห่งการแย่งชิงดินแดน

ในประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยกลาง มีสงครามที่เล่าขานไม่รู้จบอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษที่กินเวลานานถึง 100 ปี สงครามครั้งนั้นเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1338 และสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1453 การสู้รบอันยาวนานนี้ชื่อว่า “สงครามร้อยปี”

ต้นเหตุของสงครามเกิดขึ้นจากการที่กษัตริย์อังกฤษได้ยึดครองมณฑลกีเตน (Aquitaine) ของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ต้นคริสศตวรรษที่ 13 และกษัตริย์ฝรั่งเศสก็ต้องการดินแดนนั้นกลับคืนมา ทำให้การสู้รบเพื่อแย่งชิงดินแดนเกิดขึ้นนับแต่บัดนั้น

สงครามได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยในปี ค.ศ. 1328 พระเจ้าชาล์สที่ 4 (Charles IV) แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าฟิลิป (Philip the Fair) สิ้นพระชมน์ลงโดยที่ไม่มีพระราชโอรสสืบทอดพระราชสมบัติ ดังนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 3 (Edward III) (ค.ศ. 1327-1377) แห่งอังกฤษ จึงทรงอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส เนื่องจากพระราชมารดาของพระองค์เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าฟิลิป แต่พวกขุนนางฝรั่งเศสเองไม่ต้องการให้กษัตริย์อังกฤษมาเป็นใหญ่เหนือดินแดนฝรั่งเศส จึงยกฟิลิปที่ 6 (Philip VI) ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าฟิลิป เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสแทน

ยิ่งไปกว่านั้น อังกฤษยังไม่พอใจฝรั่งเศสด้วยสาเหตุหลายประการเช่นการที่ฝรั่งเศสให้การช่วยเหลือสกอตแลนต์ในการทำสงครามกับอังกฤษและการที่ฝรั่งเศสขัดขวางการค้าเสื้อผ้าขนแกะและเหล้าองุ่นระหว่างอังกฤษกับมณฑลแฟลนเดอร์ส (Flanders) ดังนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 จึงยกกองทัพเรืออังกฤษเข้าโจมตีฝรั่งเศส

สงครามร้อยปีจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น คือในปี ค.ศ. 1338 ในการรบครั้งนั้น อังกฤษเป็นฝ่ายได้เปรียบฝรั่งเศสโดยตลอด เนื่องจากฝรั่งเศสรบพ่ายแพ้อังกฤษหลายต่อหลายครั้ง เช่นที่เมืองเครซี (Crecy) เมืองปัวติเย (Poitiers) และเมืองอะแจงกูต์ (Agincourt) เมืองท่าคาเลส์ (Calais) เป็นต้น แต่ก็ยังไม่สามารถกำชัยได้อย่างเด็ดขาด

และในสงครามคราวนี้เองได้กำเนิดวีรสตรีฝรั่งเศสนามว่า “โจน ออฟ อาร์ก” (Joan of Arc) ขึ้น ซึ่งเธอได้แสดงความกล้าหาญ โดยทำตามพระสุรเสียงของพระเจ้า เมื่อโจนอายุ 16 ปี เธอเดินทางไปขอเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 (Charles VII) และทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์บัลลังค์ฝรั่งเศส

นอกจากนี้เธอยังสามารถนำกำลังทหารฝรั่งเศสสู้รบกับกองทัพอังกฤษและขับไล่กองทัพอังกฤษออกจากมณฑลออเรยองได้สำเร็จใน ค.ศ. 1429 อีกด้วย แต่แล้วเธอกลับถูกทหารอังกฤษจับและถูกเผาทั้งเป็นในข้อหาที่ว่าเป็นพวกนอกรีต ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1431 ที่เมืองรูออง (Rouen) ในขณะที่เธออายุเพียง 19 ปี

ความกล้าหาญของ โจ ออฟ อาร์ก นี้ มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ชาวฝรั่งเศสเกิดความฮึกเหิมและพร้อมใจกันขับไล่กองทัพอังกฤษให้ออกไปจากดินแดนฝรั่งเศสได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1453 คงเหลือแต่เมืองคาเลส์ เพียงเมืองเดียวที่ยังอยู่ในการครอบครองของอังกฤษนานถึง 200 ปี

สงครามร้อยปียุติลงในสมัยพระนางแมรี่ที่ 1 (Mary I) (ค.ศ. 1553-1558) และส่งผลให้ชาวอังกฤษเกิดความรู้สึกชาตินิยมมากขึ้น กษัตริย์อังกฤษหันมาสนใจการพัฒนาในประเทศให้เจริญยิ่งขึ้น มากกว่าที่จะไปสนใจความเป็นไปในภาคพื้นยุโรป ส่วนฝรั่งเศส ได้ดึงอำนาจกลับสู่ศูนย์กลางโดยมีสถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์รวมอำนาจ และเป็นการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยยุคใหม่ขึ้นในฝรั่งเศสด้วย

[_BoAt]

ตุรกีแถลงพร้อมบุกซีเรีย

รัฐบาลตุรกี ออกแถลงการณ์ระบุว่าได้รับมติเห็นชอบจากรัฐสภา ให้ส่งกำลังบุกซีเรียได้ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสหประชาชาติ

นายบูเลนท์ อาริงค์ โฆษกรัฐบาลตุรกี แถลงว่า รัฐบาลตุรกีได้รับมติเห็นชอบจากรัฐสภา ให้ส่งกำลังทหารบุกโจมตีกองกำลังรัฐบาลซีเรียได้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของตุรกี โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น

โฆษกรัฐบาลยังระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลตุรกีเตรียมกองกำลังไว้พร้อมโจมตีแล้ว และรัฐสภาตุรกียังเห็นชอบให้ตุรกีโจมตีทางเหนือของอิรักได้อีกด้วย

ที่ผ่านมา ตุรกีซึ่งมีพรมแดนติดกับซีเรีย เรียกร้องให้นานาชาติส่งกองกำลังเข้าล้มระบอบเผด็จการของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย หลายครั้ง และเมื่อสหรัฐฯ มีท่าทีจะโจมตีซีเรีย ตุรกีก็ระบุว่าพร้อมส่งกำลังเข้าร่วม

ขณะเดียวกัน ในซีเรีย เริ่มมีพลเรือนเข้ามาตั้งเต้นท์ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารสำคัญๆ ของรัฐบาลซีเรีย เพื่อเป็นโล่ห์มนุษย์ ป้องกันการโจมตีของสหรัฐฯ แล้ว และรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอาวุธให้รัฐบาลซีเรีย ได้เคลื่อนเรือรบเข้าไปในทะเลเมดิเตอเรเนียนเพิ่ม แต่รัสเซียกล่าวว่าส่งมาเพื่อเปลี่ยนผลัดกับเรือรบเดิมเท่านั้น

ที่ผ่านมา รัสเซียและจีน ได้ใช้สิทธิ์วีโต้ ยับยั้งมาตรการลงโทษซีเรียของยูเอ็นอย่างต่อเนื่อง

[_BoAt]

ตุรกีสอยเฮลิคอปเตอร์ซีเรียละเมิดน่านฟ้าร่วง

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า นายบูเลนต์ อาริงซ์ รองนายกรัฐมนตรีตุรกี เปิดเผยว่า เครื่องบินรบของตุรกี ยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียลำหนึ่ง ตกในวันนี้ หลังจากบินล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกี และยังคงลาดตระเวนตามแนวพรมแดน “วันนี้ เวลา 14.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 18.20 น.ตามเวลาในไทย เฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ของซีเรีย บินละเมิดพรมแดนของตุรกี ในเขตกูเซกซี เมืองเยย์ลาดากี จังหวัดฮาเตย์ เข้ามาลึก 2 กิโลเมตร” อาริงซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงอังการา หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของตุรกีส่งสัญญาณเตือนหลายครั้ง แต่เมื่อยังมีการละเมิดอยู่ เครื่องบินของตุรกีจึงยิงเฮลิคอปเตอร์เมื่อเวลา 14.25 น.ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยขีปนาวุธ ซึ่งทำให้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวตกลงในดินแดนของซีเรีย

ทั้งนี้ ตุรกี หนึ่งในประเทศที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย อย่างดุเดือด สนับสนุนการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย และผิดหวังไม่น้อยที่เห็นชาติตะวันตกไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ตุรกี ซึ่งมีพรมแดนติดกับซีเรีย เป็นระยะทางยาว 900 กิโลเมตร ต้องแบกรับภาระผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายแสนคนที่อพยพหลบหนีความขัดแย้งในประเทศ

[_BoAt]

มหาอำนาจอักษะ

[_BoAt]

ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้ให้เอาไปคิดกันขำๆครับ 

ขวาจัด ซ้ายจัด หัวเอียงขวา หัวเอียงซ้าย หมายถึงอะไร

ณ ที่นี้ จะขอพูดถึงในเรื่องลัทธิปกครองและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการเมือง ริวจะไม่ยุ่ง

คำนิยามของคำเหล่านี้
ซ้าย=คอมมิวนิสต์
ขวา=เสรีนิยม
เอียงซ้าย=คือกลุ่มขวา ที่มีแนวความคิดไปทางซ้าย
เอียงขวา= กลุ่มซ้ายคอมมิวนิสต์ ที่มีหัวไปทางเสรีทุนนิยม

ยกตัวอย่าง ในช่วงสงครามเย็น มีการต่อสู้ เพื่อสนับสนุนแนวคิดของตนเอง เช่น
อเมริกา ขวาจัด
รัสเซีย ซ้ายจัด

ในโลกใบนี้ ณ ช่วงนี้มีจ่ามองว่ายังคงมีแค่เอียงขวาและขวาจัดเท่านั้นครับ การปกครองแบบคอมมิวนิสต์กลายเป็นตำนานที่น้อยคนมากจะมีหัวเอียงจัด

ยกตัวอย่างเอียงขวา รัสเซีย เวียดนาม หรือแม้แต่จีน ประเทศเหล่านี้ เป็นคอมมิวนิสต์จ๋า แต่ตอนนี้หันเอียงมาทางโลกเสรีทุนนิยมเต็มตัว

ส่วนประวัติที่มาของคำว่า ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ณ จุดๆนี้ ไม่มีใครทราบแน่ชัด เท่าที่ทราบมานั้น เห็นว่ามีที่มาจากรัฐสภาฝรั่งเศส พวกนั่งฝั่งขวาประธานาธิบดีฝรั่งเศสนี่คือพวกขวาสมมุติให้เป็นพวกหัวก้าวหน้า เสรีนิยม ทุนนิยม
อีกพวกนั่งฝั่งซ้ายของประธานาธิบดีฯ เรียกพวกซ้าย
คืออยู่คนละฝ่ายกะขวา นั่นคือพวกอนุรักษ์นิยม สังคมนิยม คอมมิวนิสต์

[Hawk-Eye]

สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดป่ะ จขกท.

[_BoAt]

สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดป่ะ จขกท.

(เกิดอยู่เเล้ว เเต่ไม่รู้ว่าชาติไหน) ถ้าอยากให้มันเกิดเร็วๆ นายลงทุนไปซื้อหัวรบนิวเคลียร์3ลูก เเล้วยิงใส่ที่ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ 100ทั้ง100 เอเซีย ทำสงคราม กับฝั่งยุโรบ มั่นใจ สงครามโลกครั้งที่3 เเน่นอน ครับ

[_BoAt]

[/url

[url=http://up.gameindy.com/2/173251.1beeba7c.html]



เพราะเเบบนี้เองครับ ที่ทำให้มีสงครามโลกครั้งที่2 555+ ขำๆก่อนนอน

[_BoAt]

[ย้อน..อุบัติเหตุ “รถไฟสยามชนช้างป่า”..(4 มิถุนายน 2451)]

- ภาพ[บนซ้าย] : "Le Petit Journal" ออกวางจำหน่ายในฝรั่งเศสเมื่อ 9 สิงหาคม 1908 ตีพิมพ์ภาพหน้าปกที่เห็นข้างล่าง เนื้อข่าวพาดหัวว่า “โศกนาฏกรรม ประหลาดเกิดขึ้นกับรถไฟในเมืองสยามหัวรถจักรชนกับช้างในตอนกลางคืน” โดยเนื้อข่าว... ข้างในบรรยายไว้ดังนี้..

..ที่สยาม......เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นบนทางรถไฟระหว่างบ้านภาชีจะมามากรุงเทพ เมื่อเข้าทางโค้งพนักงานขับรถจักรมองเห็นไม่ชัดในความมืดมิด จึงเกิดเหตุเฉี่ยวชนช้างตัวใหญ่ที่กำลังพยายามจะข้ามทางรถไฟ ทุกคน ตกใจอย่างสุดขีดเมื่อรถจักรถูกเหวี่ยงตกราง ตู้โดยสารแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ชายสองคนตาย และผู้โดยสารหลายคนบาดเจ็บกันระนาว ช้างถูกฉีกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ห่างจุดปะทะถึง20เมตร

เหตุการณ์ที่รถไฟชนช้างและตกรางนี้เกิดขึ้นในสยามเป็นครั้งที่สองแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ปีก่อน ก็มีช้างตัวหนึ่งถูกรถไฟชนตายที่ลพบุรีแต่ครั้งนั้นรถไฟตกรางเสียหายน้อยกว่าครั้งนี้มาก
---------------------------------------------------------------------

- ภาพ[บนขวา] :ในภาพเป็นหัวรถจักรที่ใช้ในสมัยนั้น ซึ่งเป็นช่วงปลายของรัชกาลที่ห้า ระหว่างปี พ.ศ 2449 จนถึง พ.ศ 2453 ก็ได้มีการทยอยนำเข้ารถจักรไอน้ำ "โมกุล” ที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท แฮนโนเวอร์เช แมชชีนเนนเบอะ (ยอร์จ อีเกาทอฟ์ฟ) หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิม คือ "ฮาโนแมก" แห่งประเทศเยอรมัน มาใช้งานในกรมรถไฟหลวงรวม 13 คัน

**ส่วนจากบันทึกของกรมรถไฟหลวง ผิดไปจากข่าวของฝรั่งเล็กน้อย แต่มีรายละเอียดมากกว่า ดังนี้...

...วันที่ 4 มิถุนายน 2451 รถไฟที่มีต้นทางจากนครราชสีมา แล่นมาถึงระหว่างสถานีเชียงรากใหญ่ กับ เชียงรากน้อย ชนกับช้างพังที่ขึ้นมาบนคันดินรถไฟ พนักงานถึงแก่ความตาย 3 คน (หัวมุดเข้าเตาไฟไป 1 คน, พนักงานห้ามล้อตัวขาด 2 ท่อนไป 1 คน และอีกคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ทนพิษบาดแผลไม่ไหว) บาดเจ็บหนึ่งรถไฟตกราง 13 คัน (ไม่ตกราง 13 คัน) พนักงานห้ามล้อที่ตาย 2 คน ทางราชการต้องจ่ายบำเหน็จ 300 บาท เพื่อไถ่ตัวพ่อแม่ของพนักงานห้ามล้อที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งยังเป็นทาสที่ไถ่ถอนค่าตัวไม่หมด ให้เป็นอิสระ และ อีก 175 บาท
ให้ครอบครัวพนักงานห้ามล้ออีกคนเพื่อ ใช้ในงานศพ

- สาเหตุที่ชน...
.. เพราะเป็นเวลากลางคืนช้างเดินข้ามทางรถไฟในเวลาที่รถแล่นมาอย่างกระชั้นชิด เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เจ้ากรมไวเลอร์ และเจ้าหน้าที่ กรฟ.ไปที่เกิดเหตุ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2451 พร้อมกับช่างภาพซึ่งได้ทำการตั้งกล้องทางฟากตะวันตก ของทางรถไฟ และมีการอธิบายภาพไว้ ด้วย(ตามตัวสะกดเดิม)
--------------------------------------------------------------------

- ภาพ[กลางซ้าย] : อธิบายภาพไว้เป็นดังนี้ ..

1. ซาก ช้าง
2. รถจักรคันนำ
3. รถฟืนสำหรับรถจักรคันนำ
4. รถจักรคันหลัง
5. รถบรรทุกรางเหล็กเกยพื้นรถกาด
6. พื้นรถกาด (รถของพนักงานห้ามล้อ) ที่พังกระเด็นลงไปทั้งโครง
7. หลังคารถแบรก
8. รถบรรทุกของที่ย่นขัดต่อกันตกรางต่อๆไป
--------------------------------------------------------------------

- ภาพ[กลางขวา] : ตั้งกล้องถ่ายฟากตะวันตกทางรถไฟเยื้องมาข้างเหนือ มีคำอธิบายภาพไว้ดังนี้..

1. รถบรรทุกรางเหล็กเกยพื้นรถกาด
2. พื้นรถกาดที่พังกระเด็นลงไปทั้งโครง
3. หลังคารถแบรก
4. รถบรรทุกของที่ย่นขัดต่อกันตกรางต่อๆไป
5. รถไฟ สำหรับรับส่งผู้โดยสารไปกรุงเก่า
-------------------------------------------------------------------

- ภาพ[ล่างซ้าย] : ตั้งกล้องถ่ายฟากตะวันตกทางรถไฟเยื้องมาข้างใต้ มีคำอธิบายภาพไว้ดังนี้..

1. รถจักรคันนำ
2. รถฟืนสำหรับรถจักรคันนำ
3. รถจักรคันหลัง
4. รถบรรทุกรางเหล็กเกยพื้นรถกาด
5. พื้นรถกาด
6. หลังคารถแบรก
7. รถบรรทุกของ
8. ตัวรถแบรก
9. รถเครื่องมือสำหรับยกรถที่เอาไปตั้งทำการ
-------------------------------------------------------------------

- ภาพ[ล่างขวา] : มีคำอธิบายภาพไว้ดังนี้

1. รถเครื่องมือกับรถรับคนโดยสารที่มาจากกรุงเทพฯ
2. รถ จักรคันนำ
3. รถฟืนสำหรับรถ จักรคันนำ
4. รถจักรคันหลัง
7. หลังคารถแบรก
8. รถบรรทุกของที่ย่นขัดต่อกัน ตกรางต่อๆ ไป
-------------------------------------------------------------------

** ภาพทั้งหมดเป็นเอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รหัส ร.5 ยธ 5.6/43 รถไฟตกรางคราวชนช้างครั้งที่ 2 - 5 มิถุนายน 2451 เหตุที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราทราบว่า ในสมัยร้อยปีเศษๆ มานี้นั้น แถวทุ่งรังสิต บริเวณเชียงรากน้อยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปตั้งอยู่ ยังมีช้างป่าเดินไปเดินมาอยู่เลย (ภาพและเรื่องที่นำมาลงนี้ ได้มาจากหนังสือพระพุทธเจ้าหลวงกับชาวกรุงเก่า ;สถาบันราชภัฏพระนครศรี อยุธยา2543 และจากเวปของรถไฟไทยดอทคอม) แต่ที่น่าสนใจในระยะสัก 5 กม. ห่างออกไปทางแม่น้ำ มีตำบลชื่อว่า ตำบลช้างใหญ่ อยู่ในอำเภอบางไทร ตามประวัติเดิม พื้นที่ชุมชนเป็นป่า ชาวบ้านเล่ากันต่อๆ มาว่า บริเวณที่ตั้งของตำบลนี้ สมัยก่อนมีฝูงช้างมาอาศัยมากมาย เป็นป่าไผ่
และมีรางเพนียดช้าง ซึ่งเป็นที่ดักช้างให้หลงมารวมชุมนุมไว้ที่บริเวณแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเห็นรอยเท้าช้างใหญ่มาก จึงใช้เรียกชื่อตำบลแห่งนี้ว่า “ตำบลช้างใหญ่”

[_BoAt]

ภาพการซ้อมรบของช้างศึกกองทัพสยามเมื่อปี พ.ศ.2448