GAMEINDY กระดานสนทนา
www.gameindy.com

♥ziippoe.

  • donatsumi #
  • Asura Tester
  • Full Member
  • **
    • กระทู้: 1,259
  • idunno n iduncare .
สู้ๆค่ะ พยายามแหกตาอยู่  g#019
#วุ้นนรกกกกกกก ♥


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
สู้ๆค่ะ พยายามแหกตาอยู่  g#019
== ขนาดนั้นเลยหรอ
งั้นแถมอีกตอนละกัน
 woon_555 woon_555

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
ตอนที่ 7 งานประลองและการปะทะที่ไม่คาดฝัน

วันนี้เป็นวันแรกที่เทเรเซียได้ออกมาจากรั้วประตูวัง เพราะพี่หญิงฟรีด้าขออนุญาตท่านอาว่าจะพาเทย์ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง และจะไปดูงานประลองหาราชองครักษ์ที่จัดขึ้นด้วย แต่ทั้งคู่ต้องให้ราชองครักษ์ติดตามอย่างห่างๆ เพื่อความปลอดภัย ส่วนเด็กน้อยรีลน่าถูกซังกุง(?)มาเรียหลอกล่อให้ไปฝึกมารยาทชาววังเพื่อหวังให้มาสอนเจ้าหญิงแสนเรียบร้อยนามว่า...เทเรเซีย
ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวออกมาจากประตูห้องครัวทำทีราวกับเด็กห้องเครื่องนั้น เทย์มองผู้คนภายนอกอย่างตื่นตลึงเพราะ...
...ทุกคนในเมืองล้วนแล้วแต่ใส่ชุดขาว เพราะเมืองนี้ได้ชื่อว่าเมืองแห่งแสง หากเธอใส่ชุดสีอื่นคงจะดูแปลกแยกน่าดู...
ดีที่ก่อนออกมาเราทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อคลุมที่ปักดิ้นทองออกเป็นเสื้อคลุมที่มีแถบสีน้ำตาลแทน พี่หญิงบอกว่าสีทองนั้นใช้สำหรับผู้ที่อยู่ในราชวงศ์เท่านั้น นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังต้องเปลี่ยนสีดวงตาให้เป็นสีสนิมเหมือนโดยใช้วิธีเดียวกับการเปลี่ยนสภาพผม ส่วนเรื่องสีผมไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ก็เป็นลูกครึ่งด้วยกันทั้งนั้น แต่ที่เธอต้องการเปลี่ยนอีกอย่างก็คือ ความยาวของผม โดยเทย์ให้เหตุผลว่า...
...ก็ผมยาวๆ มันไม่ชินนี่น่า...
“เจ้าผมสั้นแบบนี้...ดูเหมือนหนุ่มน้อยเลยนะเทย์” พี่หญิงของเธอหัวเราะก่อนจะหยิกแก้มของเธอเล่น ก่อนที่เจ้าหญิงเทเรเซีย...จะหยิบแว่นตาไร้แลนมาสวมพรางดวงตาคู่สวย(?)
คงเป็นเพราะความสูงที่สูงเกินผู้หญิงในวัยเดียวกันด้วยนั่นแหล่ะ ที่ทำให้เธอเหมือนหนุ่มน้อย...รวมไปถึง...ฮือๆ...ไอ้หน้าอกทรงไข่ดาวอีก...
ทั้งคู่เดินเท้าไปสู่ลานประลองกว้าง เทย์พยายามมองหาร่างของบุคคลที่คุ้นเคยที่เข้าร่วมประลอง ตัวเก็งในตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ซึ่งทุกคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชองครักษ์แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนต้องแข่งขันกันเพื่อค้นหาผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้า หรือการค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษเพื่อให้ทำภารกิจพิเศษบางอย่าง
เทย์มองหาไม่นานก็พบกับเพื่อนทั้งคู่ที่ยืนอยู่ในกลุ่มผู้แข่งขัน จะเข้าไปหาก็ไม่ได้เพราะเขากั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป ทั้งคู่จึงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ
“คนเยอะจังเลยนะค่ะ”
“ใช่จ๊ะ ถึงแม้จะบอกว่าแฟร์แลนเทียร์เป็นเมืองแห่งแสง แต่ทุกคนก็รักการต่อสู้เช่นกัน อารมณ์ร้อนเป็นที่หนึ่งเลยหล่ะ” ผู้เป็นพี่บอกกับน้องสาวอย่างใจดี
“ดูซิ จะเริ่มประลองกันแล้ว”
เทย์หันไปมองดูที่เวทีทันที
ผู้แข่งขันแต่ละคนล้วนแต่มีอายุมากกว่าซีไนท์และมิวเชคไม่ต่ำกว่าหนึ่งรอบแน่นอน ซึ่งนั่นทำให้ทั้งคู่โดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษจากคนอื่นๆ ในสนาม และการประลองแบบให้ทั้งหมดสู้กันโดยไม่จำกัดคู่ต่อสู้จึงทำให้ทั้งสองตกเป็นเป้าแรกที่จะถูกกำจัด
“ชะ...โอ๊ย ระวังหน่อยสิเจ้าดั้งหัก เจ้าปากสุนัขไม่รับประทานด้วย” เทย์เองก็เชียร์ทั้งคู่อย่างออกรส
ทั้งซีไนท์และมิวเชคต่างก็ยังไม่ใช่หนุ่มเต็มวัย ดังนั้น ทั้งคู่จึงมีขนาดที่เล็กกว่าคนอื่นๆ ค่อนข้างมาก ถ้าจะเปรียบเป็นมวยก็เรียกว่าเป็นมวยคนละรุ่น จะเปรียบเป็นเสื้อผ้า มิวเชคกับซีไนท์ก็แค่ “L” แต่พวกนั้นเป็น “XXXXXL”
คนดูจึงพากันส่ายหน้าว่าเด็กน้อยสองคนนั้นจะรอดออกจากสนามหรือไม่...
“เอาไงดี...ซีไนท์ เจ้าพวกนี้หมาหมู่ชัดๆ” คนดั้งหักที่หันหลังชนกันกับเพื่อนคู่ซี้เพื่อตั้งรับถามด้วยอาการหอบเล็กน้อย
“ถึงอย่างไร...ข้าก็ต้องชนะ มันเป็นความฝันของข้านี่” ซีไนท์ตอบกลับหลังจากยันชายคนที่พุ่งเข้ามาลงไปนอนกับพื้น
“มันก็เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องเข้าไปดูแลยัยนั่นด้วย ยอมแพ้คงไม่ได้” มิวเชคเอี้ยวตัวหลบหมัดของชายร่างยักษ์ก่อนจะเอาสันดาบเคาะที่ท้ายทอยจนสลบเหมือดไป
“หึ...ข้าเองก็สัญญากับตัวเองไว้ตั้งแต่วันนั้น ว่าจะไม่ให้ยัยนั่นเป็นอะไรไปอีกแล้วเหมือนกัน...” ซีไนท์รั้งร่างเพื่อนหลบหมัดเพราะมัวอึ้งกับคำพูดของตนอยู่ ก่อนจะสอยคางอีกฝ่ายร่วงไปกองบนพื้นอีกคน
“ทำไมกัน?” มิวเชคที่ยังงงไม่หายหันมาถามเพื่อนก่อนจะจับไหล่เพื่อนแล้วดีดตัวไปยันชายอีกสองคนลงไปจุกที่พื้นด้านล่างเวที
“ข้าไม่รู้ บางทีอาจเป็นเพราะนิสัยของยัยนั่นที่เหมือนกับน้องสาวข้าที่จากไปเมื่อสองปีก่อน มันทำให้ข้าต้องการปกป้อง... ข้าไม่ต้องการให้ใครต้องเป็นเหมือนน้องสาวข้าอีก...” ซีไนท์เผยความในใจ
คนในสนามจึงเริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงชายหนุ่มเพียง 4 คนที่ยืนหยัดอยู่ และที่สำคัญสองในนั้นเป็นคนที่เทย์รู้จักเป็นอย่างดี


“เจ้าจะไม่ไปแสดงความยินดีให้กับเจ้าลิงพวกนั้นหน่อยหรือ?” เทย์ส่ายหน้าเบาๆ แต่ก็ออกจะขันอยู่ไม่น้อยกับคำเรียกเจ้าพวกนั้นของพี่ฟรีด้า
“ไม่ดีกว่าพี่หญิง พอพวกนั้นได้เป็นราชองครักษ์ เดี๋ยวก็จะได้เจอพวกนั้นเอง ตอนนี้...จะเข้าไปยังไงอ่ะ คนเยอะจะตายไป ข้าไม่อยากเป็นปลากระป๋องหรอกนะ อีกอย่างข้าหิวแล้วด้วย” เทย์ตอบคำถามพรางนิ่วหน้า โดยลืมนึกถึงไปว่าตนเองกล่าวคำที่ผิดปกติออกไปเสียแล้ว
“ปลากระป๋อง?” ฟรีด้าทวนคำอย่างสงสัย ทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบ
“พี่หญิงพาข้าไปหาอะไรกินหน่อยนะ นะ นะ” เจอลูกอ้อนเข้าไปก็ทำให้ผู้เป็นพี่ลืมคำถามเกี่ยวกับศัพท์แปลกๆ ไปเสียสนิท ก่อนจะพาเจ้าหญิงมือใหม่ไปยังร้านอาหารที่ตนรู้จัก
“เจ้าจะสั่งอาหารอะไรเป็นพิเศษไหม”
“พี่สั่งให้ข้าดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าหญิงคนงามก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงานตัวน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบ ที่เทย์ยิ้มให้อย่างเอ็นดูกับความน่ารัก
“แค่นี้ล่ะจ๊ะ” แค่นี้ของเจ้าหญิงคนงามที่เทย์ฟังแล้ว มันไม่ต่ำกว่าสิบชนิดเลย ...จะกินกันหมดไหมล่ะนั่น...
...โครม!...โอ๊ย!...อะไรว่ะ...
“เสียงอะไร...” ฟรีด้าอุทาน แล้วสาวทั้งสองหันไปทางต้นเสียง
ผู้คนในร้านแตกกระเจิงออกไปจากร้านจนหมด ทั้งคู่จึงเห็นตัวต้นเหตุได้อย่างชัดเจน
“ท่าน...ได้โปรด...อย่าทำอะไรลูกข้าเลย นางยังเด็กนัก...” เสียงชายวัยกลางคนผมสีฟ้าผู้ที่เทย์จำได้ว่าเป็นเจ้าของร้านเฝ้าอ้อนวอนกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่มีชายผมสีแดงเพลิงเสื้อคลุมสีขาวแถบทองเป็นผู้นำส่วนคนอื่นๆ เป็นแถบสีน้ำตาล ตรงกลางวงมีร่างของเด็กหญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบที่เป็นผู้มารับเมนูอาหารของพวกเธอเมื่อครู่...นอนคุดคู้อยู่ใบหน้านั้นแดงช้ำ
“ได้โปรดหรอ?” ชายผมสีดำในกลุ่มนั้นไม่พูดเปล่ากลับฟาดลำแข้งลงบนร่างของชายชราผู้นั้น
“เจ้ารู้ไหม?...ว่าท่านผู้นี้เป็นใคร” ชายผมสีดำอีกคนที่หน้าเหมือนกับคนแรกไม่มีผิดจิกหัวชายกลางคนๆ นั้นขึ้นมา หันหน้าเขาไปทางชายผมแดงแล้วเอ่ยถาม
“ข้า...สมควรตาย...เจ้าชาย...แต่ได้โปรด...ปล่อยลูกสาวของข้าด้วยเถิด” เขาร้องขอปากสั่น มืออันสั่นเทาของเขารั้งขาของชายผมแดงไว้แต่มันก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ไยดี
“ปล่อยเด็กนั่นไป...เจ้าขอความตายกับข้าเองนะ” ชายผมแดงยิ้มเหี้ยมก่อนจะหยิบมีดสั้นคมกริบออกมาจากเสื้อคลุม โดยมีเป้าหมายคือลำคอของชายคนนั้น
...เฟี้ยว...เคร้ง...
...แกร๊ก...ตุ๊บ...
เสียงมีดสั้น...และขวดซอสเล็กๆ หล่นลงบนพื้น...
“ไม่มีใครเคยบอกพวกท่านหรือไงว่า การทารุณโหดร้ายต่อเด็กเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง” เสียงเทย์เอ่ยขึ้น...ในขณะที่ฟรีด้ารั้งร่างบางไว้ไม่ทัน
“เจ้าเป็นใคร...ถึงกล้าวอนหาเรื่องกับเจ้าชายเชสก้า” ฝาแฝดพูดขึ้นพร้อมกัน
“ทำไมจะไม่กล้า...ในเมื่อพวกเจ้าทำผิดกฎบ้านเมือง อ้อ...แล้วยิ่ง...เป็นถึงเจ้าชายเชื้อพระวงศ์เสียด้วย” เทย์ปรายตามองไปยังหนุ่มผมแดงที่ยังยืนนิ่ง ริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มถูกเม้มจนดูเกือบจะเป็นเส้นขนานจากการข่มอารมณ์โกรธที่ถูกขัดจังหว่ะ
“หนอยแน่ะ...” ฝาแฝดอุทานอย่างขัดใจ
ทั้งคู่พยักหน้าให้แก่กัน มือของทั้งคู่ยกขึ้นจนถึงระดับอก ปากของทั้งคู่ท่องบางอย่างอย่างแผ่วเบาแต่รวดเร็ว ทันใดนั้นลูกไฟเล็กๆ สีแดงขนาดเท่ากำปั้นก็พุ่งตรงไปยังหนุ่มน้อย(?) เทย์เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วจนตัวเองยังแปลกใจ ลูกไฟทั้งสองปะทะเข้ากับเก้าอี้ไม้ของร้านจนสะเก็ดแตกกระจาย และไหม้เก้าอี้อย่างรวดเร็วจนเหลือแต่กองขี้เถ้า ภาพที่เห็นย่อมทำให้เธอตระหนักว่า หากใครสักคนโดนเข้าไปคนเหลือแต่ซากได้ไม่ยาก...
“เล่นแรงนะ...” เทย์หันมายิ้มให้ทั้งคู่
มันยิ่งทำให้ทั้งคู่เดือดดาล ทั้งสองกระโดดเข้ามาใกล้เทย์จนอยู่ในระยะแทบจะประชิดตัว ก่อนจะเรียกลูกไฟลูกถัดมาที่มีขนาดใหญ่เท่าหม้อแกง...
ในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้เทย์ไม่มีเวลาที่จะทางที่จะหลบไปได้เลย ด้วยสัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอดมือทั้งสองข้างจึงถูกยกขึ้นรับโดยอัตโนมัติ...
เป็นอีกครั้งที่เทย์ต้องงงงัน...
ลูกไฟหยุดอยู่ห่างจากฝ่ามือเธอเพียงคืบเดียวแต่ตัวเธอกลับไม่รับรู้ถึงความร้อนเลยแม้แต่น้อย...
ลูกไฟสีแดงลอยเต้นระริกราวกับสุนัขตัวน้อยพบผู้เป็นนายแล้วกระดิกหางเข้าหา มันไม่มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่อย่างคนที่สร้างมันขึ้นมาคาดหวัง ทั้งยังหรี่แสงลงราวกับเกรงบางสิ่งบางอย่าง
“...พวกนายน่าจะลองโดนเองนะ...” เทย์นึกในใจ
ทันใดนั้น ลูกไฟก็โชนแสงรุ่นแรงมากขึ้นและพุ่งกลับไปยังฝาแฝดทั้งสอง ทั้งคู่รีบวิ่งอย่างรนรานออกไปจากร้านและล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทาง ลูกไฟจะยังคงลอยตามไปอยู่อย่างไม่ลดละ...ราวกับจรวดนำวิถี ราวกับเปลวไฟนี้มีชีวิต
“ตายจริง...ใครก็ได้...ตามไปช่วยสองคนนั้นด้วย”
เทย์ตะโกนร้องบอกคนข้างนอกอย่างตกใจกับสิ่งที่ตัวเองนึก เด็กสาวไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพียงแค่ความคิดชั่ววูบจะเป็นการทำร้ายคนได้
...ไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ..
ตอนนี้ ยังเหลือชายผมแดงอีกคนอยู่ในร้าน...นัยตาสีทองจ้องมองเทย์ที่ยังมองตามหลังสองคนนั้นอย่างเป็นห่วงอยู่ตาเขม่น
...แปะ...แปะ...แปะ...
“เจ้าเก่งดีนี่...ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าทำได้ยังไง...แต่ข้า...ไม่กระจอกเหมือนพวกนั้นหรอกนะ”
เด็กหนุ่มก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเด็กสาว...
มือของเขากำแน่น หากดวงตาของเทย์ไม่ฝาด เธอเห็นว่าที่มือทั้งสองข้างของเขามี่ไอจางๆ สีแดงลอยออกมาตลอดเวลา
“ต่อไปคือของจริง...” ชายหนุ่มเริ่มร่ายเวทย์
“หยุดเล่นได้หรือยังเชสก้า! เพิ่งกลับมาจากหัวเมืองก็หาเรื่องเลยนะ”
เสียงเข้มๆ เบื้องหลังคู่ต่อสู้ของเขาที่ส่งประกายตาสีทองมายังเขาทำให้เขาหยุดชะงัก
“เจ้าพี่ฟรีด้า...” หนุ่มโค้งตัวทำความเคารพ
“ข้าไม่ทันเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วย...เด็กคนนี้มันมาลองดีกับข้า...ข้าต้องจัดการ” เขาหันมาทางเทย์ด้วยดวงตาแห่งโทสะจนเทย์เห็นประกายตาสีทองวาววับน่ากลัว
“ข้าเห็นเหตุการณ์มาตลอดนะ เชสก้า เท่าที่ข้าเห็น เจ้าเป็นฝ่ายผิด อีกอย่าง...ถ้าเจ้าทำร้ายเด็กคนนี้แม้แต่ปลายผมล่ะก็...ข้ารับรองว่า...ท่านพ่อของข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่...” ฟรีด้ากล่าวเสียงเรียบเย็นและข่มอยู่ในที
“แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง...แล้วทำไมข้าต้องเชื่อท่านด้วย”
“ก็ตามใจเจ้า...ถ้าเจ้าอยากจะลอง ข้าเตือนเจ้าแล้ว” หญิงสาวว่าก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม แล้วยกชาขึ้นดื่มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ฟรีด้า...ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ” เทย์หันไปถาม ผู้เป็นพี่ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะพูดลอยๆ ขึ้นว่า...
“เจ้าก็นั่งลงได้แล้ว เทย์ อาหารมาจะได้ทานให้เสร็จๆ ไป แล้วจะได้กลับกันเสียที...เรื่องนี้ท่านเอ็นด์ดราย...แล้วแต่ท่านจะจัดการแล้วกัน” 
ร่างสูงของหัวหน้าราชองครักษ์ผู้มีผมสีดำสนิทกับนัยตาสีแดงปรากฏขึ้นทันที...
ในขณะที่เจ้าชายหนุ่มยืนอึ้ง...ขนาดให้ท่านเอ็นด์ดรายมาปกป้อง...เด็กคนนี้เป็นใครกัน!!
“เจ้าชาย...พระสหายของท่านที่บาดเจ็บ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และข้าได้พาพวกเขากลับบ้านเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ”
เชสก้าขบกรามแน่น ก่อนจะหันหลังจากไป...
“เจ้าชายองค์นี้เกเรจังเลยเพคะ” ฟรีด้าพยักหน้ารับ
“ข้าคงต้องให้ท่านพ่อจับมาอบรมบ้างแล้ว ระรานประชาชนขนาดนี้ เด็กคนนี้ควรได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง”


เย็นวันนั้นแม้แต่เทย์เองก็ถูกซักฟอกเป็นการใหญ่ การกล้ามีเรื่องกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์กลางตลาดไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็จะทำให้กลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามอง
ถึงแม้ท่านอาจะไม่ได้กล่าวว่าอะไรเด็กสาวเพราะเห็นว่าสิ่งที่เธอทำเป็นสิ่งที่สมควรก็ตาม แต่เจ้าชายอาเรียสก็ได้ตักเตือนไว้ว่า...
“การที่เจ้าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้มันทำให้เจ้าก่อศัตรูเพิ่มรู้ไหม แล้วอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเจ้าจะต้องเดินทางไปยังโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์กับพวกเขาอีกด้วย” อาเรียสกล่าวอย่างอ่อนใจแต่ก็พยายามใช้ความคิด
“แต่การแต่งเป็นชายนี่ก็ไม่เลวนะ...ว่าไหม ฟรีด้า” เจ้าชายผู้เป็นอาหันมามองหน้าลูกสาวที่ส่งประกายวิบวับจนดูน่ากลัวราวกับกำลังวางแผนการบางอย่าง
วันรุ่งขึ้นสิ่งที่เทย์ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจึงกลายเป็นการเข้าสังคมของเด็กหนุ่ม การฝึกฝนตนเป็นสุภาพบุรุษชน ลักษณะนิสัยของบุรุษทั้งหลาย และยังจะต้องปรับตัวให้เป็นชายอีก
“เกิดเป็นชายต้องให้เกียรติสตรี ต้องมีคุณธรรม ต้องไม่หวั่นศาสตรา ต้องไม่ท้าผู้ด้อย ต้องไม่ปล่อยโจรโฉด ต้องไม่โกรธคนบ้า ต้องไม่ว่าคนเมา ต้องไม่เขลาวิชา ต้องไม่ฆ่าเพื่อนพ้อง ต้องไม่ฟ้องร้องนาย และต้องไม่ขายวาจาสัตย์...” ท่านอาอาเรียสร่ายคุณธรรมที่บุรุษพึงมีให้เทย์ฟังยาวเหยียดที่เทย์เอามาสรุปสั้นๆ ได้ว่า
“กล้าหาญ สามัคคี รักดี มีคุณธรรม ทำด้วยสติ ใช่ไหมเพคะ”
ซึ่งอาจารย์จำเป็นก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับคำนิยามสั้นๆ นั้น   
“ดีมาก...จะดีมากกว่านี้ ถ้าเจ้าจะลงท้ายด้วย พะยะค่ะ แทนเพคะ”
“พะยะค่ะ” เด็กสาวถอนหายใจยาวอย่างต้องการให้สิ่งใดก็ตามที่มันอัดแน่นอยู่ภายในไหลออกมาพร้อมๆ กับลมหายใจ
ตอนนี้...เจ้าหญิงคนใหม่ทั้งสับสนกับชีวิต สถานะ พลัง และที่สำคัญ...เพศ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้และจะเป็นต้องฝึกฝน จนบางครั้งเธอก็อดนึกถึงสมัยตอนอยู่ที่สถานกำพร้าและอยู่กับนิโคลไม่ได้
ตอนนั้น...สิ่งที่เธอคิดถึงมีเพียงเรื่องของปากท้องและอนาคตของเธอเท่านั้น ซึ่งเธอก็คิดว่ามันหนักหนาสาหัสมากมายแล้ว
แต่เวลานี้...สิ่งที่อยู่บนบ่าของเธอคือความหวังของทุกคน มันหนักจนเธอยืนแทบไม่อยู่ แต่สิ่งที่เธอต้องทำ...มันไม่ใช่แค่ยืนอยู่ให้ได้เท่านั้น เธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้ด้วย
“เมื่ออยู่โรงเรียนเจ้าจงใช้ชีวิตในวัยเรียนให้คุ้มค่าเทเรเซีย เพราะเมื่อเจ้ากลับมา ภาระอันหนักอึ้งพวกนี้ย่อมตกอยู่บ่นบ่าของเจ้า และเจ้าจะมามัวนึกถึงช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์ไม่ได้อีกต่อไป ความสุขของเจ้าทั้งมวลจะต้องตกเป็นความสุขของประชาชนผู้อาศัยอยู่ภายใต้ใบบุญของเจ้า ความสามารถของเจ้า ความทุกข์ของพวกเขาเท่าใดจะเป็นความทุกข์ของเจ้ามากกว่า พวกเขาคือสิ่งสำคัญที่สุดของแผ่นดิน จำไว้ เทเรเซีย”





<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
สงสัยเรื่องจะยาวไป ไม่มีคนอ่าน T T~
(หรืออ่านไม่ทันกันหว่า)
 g#002 g#002 g#002

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แนะนำนิด ควรเว้น บรรทัดนึง แล้วกด เอนเตอร์สัก 1-2 ครั้งเพื่ออ่านแบบง่ายๆ อันนี้ อ่านวนไป ข้ามบรรทัด กลับมาบรรทัดเดิมมั้ง โอย~  g#037


ท่านเพา

  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 1,580
ใส่สีคำพูดสักนิดนึง เพื่อให้ดูแตกต่างจากคำบรรยาย
ส่วนตัวก็เ้ข้ามาดูเฉยๆ ไม่ได้อ่านเพราะชื่อเรื่องสั้นเกินไป
ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแนวยังไง ชื่อเรื่องไม่ค่อยดูน่าอ่านเท่าไหร่
ส่วนตัวเน้อๆ สู้ๆต่อไป g#031
ปล.ติคนอื่นเค้าของตัวเองยังแต่งไม่เสร็จ woon_555



แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
ที่จริงมานพิมพ์ใน Word ไง แล้วก็วางเลย
จริงๆมานก็มีทั้งย่อหน้า เว้นวรรค แต่พอมาวางหายหมด --
ถ้าให้เปลี่ยนสีคำพูด...คงตายกันไปข้าง...
กลัวตาจะลายกว่าเดิม --

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553



แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
ตอนที่ 8 โรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์

“อะไรนะ!”

“ท่านลุงอาเรียสจะให้ไอ้เด็กนี่นั่งรถไปกับข้าเนี่ยนะ” เจ้าชายเชสก้าตะโกนลั่นลานจอดรถในขณะที่เหล่าทหารช่วยกันลำเลียงของขึ้นรถ

เด็กหนุ่มผมสีฟ้าตาสีสนิมสี่ตาที่เป็นคู่ปรับกำลังส่งรอยยิ้มที่เขาเห็นว่ามันดูกวนนักมาให้อย่างไม่กลัวเกรง

“เจ้าชายอาเรียสทรงสั่งไว้ว่าหากเจ้าชายเชสก้าไม่ทรงรับท่านเทย์ไปด้วย พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้ใช้ลอยเล่ย์ในการเดินทางพะยะค่ะ” เอสเชอร์เลสขุนพลผู้ทำหน้าที่

เป็นสารถีชั่วคราวตอบกลับด้วยถ้อยคำบัญชาที่เชสก้าเถียงไม่ออก

“บ้าจริง! แล้วเจ้าพี่ฟรีด้าล่ะ”

“เจ้าหญิงทรงออกเดินทางไปก่อนแล้วพะยะค่ะ” ขุนพลใหญ่ยังตอบอย่างใจเย็นก่อนจะเดินออกไปสั่งการทหารในสังกัดของตนที่นำมาช่วยในการนี้

“จริงสิ เจ้าพี่ทรงเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายนี่ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร” ประโยคสุดท้ายหันไปถามเด็กหนุ่มที่ตนไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเสียงกึ่งตวาด

“ข้าชื่อเทย์” เทย์ตอบยิ้มๆ อย่างอดที่จะกวนไม่ได้

“ข้าจะไปสอบเข้าโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์เหมือนกับเจ้า”

“บังอาจ...ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง” แฝดเจ้าเก่าคำรามแต่ไม่ค่อยดังนักเพราะรู้ฤทธิ์ไอ้เด็กคนนี้มาแล้ว

“อย่า นอสตัส นอสตุส ท่านลุงห้ามไว้ แล้วท่านเอ็นด์ดรายล่ะ” เด็กหนุ่มห้ามแล้วหันไปถามทหารหนุ่มที่กำลังยกสัมภาระขึ้นเกวียน

“ท่านเอ็นด์ดราย? มีอะไรหรือพะยะค่ะ” ทหารหนุ่มหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยรู้ความตอบกลับมาทำให้เจ้าชายหนุ่มหงุดหงิด

“ไม่มีอะไร” เชสก้าตอบเสียงห้วน

“ท่านเอ็นด์ดรายล่วงหน้าไปก่อนแล้ว...ไปกับเจ้าหญิงฟรีด้า”

คนที่ตอบกลับมากลับเป็นคนที่เขาเกลียดขี้หน้า

...ใช่สิ...วันนั้น...คนที่ท่านเอ็นด์ดรายตามอารักขาน่าจะเป็นเจ้าพี่ฟรีด้ามากกว่าไอ้เด็กนี่...แต่ไอ้เด็กนี่มัน...

“ยุ่ง! ใครถาม” แม้คำตอบที่กลับมาจะน่าฟาดสักเพียงใดมันก็ไม่ทำให้สีหน้าของเด็กสี่ตาเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นบึ้งได้ ด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายถูกตนยั่วโมโหจนอารมณ์ขึ้น

“เจ้าชายพะยะค่ะ...รถเตรียมเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ” เสียงของขุนพลเอสเชอร์เลสที่ทำหน้าที่ควบคุมรถเข้ามาบอก

“ไป! นอสตัส นอสตุส ขึ้นรถ! เจ้าด้วย เทย์” เจ้าชายหันมาพูดสีหน้าเคร่ง แต่อีกฝ่ายกับยิ้มน้อยๆ อย่างขันๆ


“ไงลอยเล่ย์ เหนื่อยไหม” เทย์ถามตัวลีฮอนด์ อันเป็นสัตว์วิเศษขั้นเทพประจำตระกูลแอนเออร์เนส มันเป็นสัตว์ที่พูดได้และขี้น้อยใจที่สุดเท่าที่เทย์เคยพบมา แต่เธอก็ไม่เคย

คุยกับสัตว์อื่นจนรู้เรื่องมาก่อนเหมือนกัน

ตอนแรกเทย์ก็ทำท่าว่าหวาดกลัวมันมากทีเดียว ทั้งเขี้ยวที่แหลมคมและกรงเล็บทั้งสี่ก็ข่มขวัญเธอได้ไม่น้อย แต่พอเห็นว่ามันช่างเจรจาน่าเอ็นดู น่ารักและตลกแค่ไหน

สำหรับเธอ เทย์ก็อดยิ้มไม่ได้
“เจ้า...ท่านเทย์ ออกมาทำไมครับ” ที่ตอบกลับไม่ใช่ลอยเล่ย์แต่กลับเป็นขุนพลผู้ควบคุมที่หันมามองผู้ที่เปิดม่านออกมานั่งข้างๆ ตน

“อีกนานไหมกว่าจะถึง” เด็กสาวกลับถามไปอีกเรื่อง ดวงตาของเธอมองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างแปลกตา

ลอยเล่ย์บินได้คือสิ่งที่ท่านอาบอกมาก่อนออกเดินทาง แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะบินได้สูงขนาดนี้...

ดวงตาสีสนิมของเธอมองลอดใต้แว่นตาเพ่งไปยังจุดเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ด้านล่างอย่างรวดเร็วสองสามจุด ที่ลอยเล่ย์ซึ่งเห็นได้ชัดเจนกว่าบอกว่าเป็นรถม้าของบรรดา

เด็กๆ ที่จะไปร่วมทดสอบเช่นเดียวกับเธอ

“อีกไม่นานหรอกครับก็จะถึงตัวเมือง เจ้าชายอาเรียสทรงจองโรงแรมที่พักไว้ให้ท่านด้วย” เทย์พยักหน้า พรางนึกถึงสภาพโรงแรมที่พักที่ต้องเป็นระดับห้าดาวอย่างไม่ต้อง

สงสัย

“ลอยเล่ย์จะได้พักแล้วนะ อดทนหน่อย” เด็กสาวพูดอย่างเอาใจ

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก หนักกว่านี้ข้าก็ผ่านมาแล้ว” สัตว์ประจำตระกูลตอบ สายตาของมันมองแน่วแน่ไปยังจุดหมายปลายทางหากแต่หูก็ยังคงคอยฟังบทสนทนาของเด็ก

สาวอยู่ตลอดเวลา

“แหม...นึกว่าจะไม่พูดกับข้าเสียแล้ว” เทย์ล้อขันๆ

“เจ้าไปอยู่ข้างในดีกว่า ข้างนอกมันหนาวเดี๋ยวจะไม่สบาย”

“จริงครับ ท่านเทย์เข้าไปข้างในดีกว่า” เอสเชอร์เลสรีบสนับสนุนคำพูดของลอยเล่ย์

เทย์เลยได้แต่ถอนหายใจก่อนจะกลับเข้าไปในตัวรถอย่างเซ็งๆ

สภาพของภายในนั้น...สองฝาแฝดนอนกองกันอยู่ที่มุมหนึ่งของรถ โดยไม่นึกเลยสักนิดว่าเจ้าชายผู้เป็นหัวหน้าการเดินทางครั้งนี้ยังคงนั่งมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อ

ลอย...

เทย์จึงชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอกบ้าง...ลอยเล่ย์ลดระดับการบินลงจนลงมาอยู่บนทางเกวียนด้านล่าง แต่การวิ่งบนทางขรุขระเช่นนี้กลับไม่ทำให้ข้างในสั่นสะเทือนเลย

แม้แต่น้อย

“ว้าว...แถวนี้สภาพป่าสมบูรณ์จัง” เทย์รู้สึกตื่นเต้นกับสภาพป่าที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นจากที่ที่เธอจากมา

“อาณาจักรแมนนอร์มอลเป็นอาณาจักรที่มีความสมบูรณ์ของป่ามากที่สุด” เด็กหนุ่มกล่าวออกมาลอยๆ

“อืม...” เทย์ตอบรับสั้นๆ ทำให้คู่สนทนาหันมามองตาเขียว

“นายเป็นใคร...เทย์”

“ข้าเป็นใคร? ข้าก็เป็นข้าไง” เด็กสาวลอยหน้าลอยตาตอบโดยไม่เกรงต่ออารมณ์ของเด็ดหนุ่มตรงหน้า

“นี่...เจ้า” ชายหนุ่มได้แต่ขบกรามแน่นข่มโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ


   โรงแรมที่ท่านอาจองไว้เป็นโรงแรมหรูอย่างที่เทย์คาดไว้...

เทย์มองหนุ่มคนงานในโรงแรมที่รีบมาช่วยยกของจากมือของเอสเชอร์เลสที่ยกสำภาระของเจ้าชายเชสก้าและพวกที่มีไม่น้อย และมองของตนเองที่มีกระเป๋าเพียงใบเดียว

เท่านั้น เลยทำให้เธอยกขึ้นพาดบ่าและทำท่าจะเดินไปยังข้างใน แต่ท่านขุนพลใหญ่กลับรีบมายกมันไว้ในมือเสียก่อน

ชั้นล่างของโรงแรมเป็นส่วนของการให้บริการด้านอาหาร ซึ่งในขณะนี้มีผู้คนกำลังนั่งทานกันอยู่แทบทุกโต๊ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นบรรดาเด็กๆ และผู้ปกครองที่มาเพื่อเข้าทดสอบ

ทั้งสิ้น จุดนี้จึงมีแต่ความวุ่นวายจนผู้เป็นเจ้าของต้องรีบประกาศหาคนงานเพิ่ม แต่ก็ทำให้เขายิ้มแก้มแทบปริ

ทันทีที่ชายร่างเตี้ยที่มีความสูงต่ำกว่าเทย์ร่วมสิบเซนติเมตรหันมาเห็นกลุ่มพวกเราที่มีเจ้าชายหัวแดงเดินนำหน้าและมีเทย์กับขุนพลใหญ่เดินรั้งท้ายอยู่นั้น เขาก็ละจากการ

บริการผู้อื่นและหันมาต้อนรับพวกเราทันที

“สวัสดีขอรับท่าน ท่านได้จองเอาไว้หรือไม่ขอรับ หากท่านไม่ได้จองไว้ ทางเราต้องขอประทานโทษที่จะต้องกล่าวว่าห้องพักของเราเต็มแล้วเมื่อครู่นี้เองขอรับ” ชายคนนั้น

พูดเร็วปรื้อราวกับมันเป็นสิ่งปกติสามัญของชีวิต

“พวกเราจองไว้แล้ว” ท่านขุนพลซึ่งเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวก้าวออกมายืนด้านหน้า

“ในนามของเจ้าชายอาเรียส!” เอสเชอร์เลสกล่าวก่อนหยิบจดหมายบางอย่างให้ชายผู้ซึ่งออกมารับหน้าและคงเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ที่รีบอ่านอย่างเงียบงันก่อนจะยื่น

กุญแจให้ขุนพลเอสเชอร์เลสถึงสามดอก

“ชั้นบนสุดขอรับ มีอยู่ด้วยกันสามห้องใหญ่และหนึ่งห้องเล็กสำหรับทหารอารักขา” ชายร่างเตี้ยกล่าวก่อนจะหันไปบริการคนอื่นต่อไป แต่ก็ไม่วายหันมามองพวกเธอเป็น

ระยะ

“ที่นี่เจ้าชายอาเรียสมีหุ้นส่วนอยู่เกินกึ่งหนึ่งครับ ห้องด้านบนจึงเป็นห้องพักที่ถูกทำให้ว่างอยู่เสมอ” นั่นคือคำอธิบายของขุนพลใหญ่

โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมใหญ่ทีเดียวเพราะมีถึงห้าชั้น แต่ละชั้นมีคนอยู่หนาแน่น ยกเว้นชั้นบนที่เงียบราวกับไร้ผู้คนแต่กลับดูสะอาดที่สุด

“เจ้าชายเชสก้าห้องของท่านอยู่ทางขวา ห้องข้างๆ เป็นของนอสตัส และนอสตุส ส่วนของท่านเทย์อยู่ทางนี้ครับ” ดูเหมือนท่านขุนพลใหญ่จะทำหน้าที่พ่อบ้านควบอีก

ตำแหน่ง

เอสเชอร์เลสเดินนำหน้าเทย์ไปยังห้องที่อยู่ในทิศตรงกันข้าม

“ห้องนี้ครับ แล้วนี่กุญแจ ข้าจะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ หากมีอะไรให้เรียกได้ทันทีเลยนะครับ อีกสักครู่ก็จะมีคนนำอาหารมาส่งให้”

เทย์พยักหน้ารับก่อนจะเข้าห้องไป

...ห้องนอนในโรงแรมหรูที่มีเตียงกว้างที่นอนได้สักสามสี่คน มีห้องน้ำที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นในตัว ชั้นวางหนังสือที่อัดแน่นด้วยหนังสือเล่มหนา หน้าต่างห้าบานถูกเทย์ดันให้

เปิดกว้างเพื่อมองทัศนียภาพของดวงอาทิตย์ตกยามเย็น ที่ส่งแสงสีส้มเข้ามาในห้องให้รู้สึกอบอุ่น แต่มันก็เงียบเหลือเกิน...

...จริงสิ...

มีปริศนาบางอย่างที่เธอต้องการที่จะลองดูสักครั้ง เธอไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ ทางเดียวที่จะรู้ได้คือ...ต้องพิสูจน์

“อคีนียา” ชื่อที่ติดค้างอยู่ในสมองถูกกล่าวออกมา

...วูบ...

“มันเป็นความจริงหรือนี่ อคีนียา ข้านึกว่าข้าฝันไป”

เทย์จ้องมองหน้าหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มกว้าง

“ท่านเทย์”

“ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าเทย์เฉยๆ ถือเสียว่า...เราเป็นเพื่อนกันนะ...”

“เพื่อน...ได้ค่ะ” นกสาวมองหน้านายสาวอย่างสงสัยแต่ก็รับคำ

“จริงสิ เจ้าหิวไหม...”

...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

“นายท่านข้านำอาหารมาส่ง...”

“เจ้าจะรับอะไรบ้างไหม?” เทย์หันไปถามวิหกสาวอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปที่ประตู

“ข้าขอเป็นผลไม้ก็ได้ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบเทย์จึงเปิดประตูออกไปพบกับชายร่างผอมแห้งที่หน้าประตู

“ข้าขอผลไม้เพิ่มสักสองสามอย่างนะ”

“ครับนายท่าน” ชายร่างผอมแห้งรับคำ

เทย์ปิดประตูลงพร้อมทั้งประคองถาดอาหารเข้ามา

“ข้าถือให้ท่านดีกว่า...” วิหกสาวฉวยถาดมาถือเสียเองก่อนจะวางลงบนโต๊ะอาหาร

“นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ” เทย์ทักเมื่อเห็นอคีนียาจุ่มวัตถุเป็นแท่งยาวสีขาวลงในอาหารแต่ล่ะชนิด

“เขี้ยวไทเนเจอร์สามารถตรวจสอบพิษได้” เทย์มองวัตถุสีขาวอย่างพิจารณา

“แล้วมีพิษไหม?”

“ไม่มีค่ะ...แต่ท่านควรรอบคอบเสมอ กันไว้ดีกว่าแก้ นี่ค่ะ...ข้าให้ท่าน” วิหกสาวยื่นเขี้ยวดังกล่าวให้

“แต่มันน่าจะเป็นของมีค่าและน่าจะหายากไม่ใช่หรือ เจ้าเก็บไว้เถอะ” เทย์ปฏิเสธ

“ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หรอก...ไม่มีพิษใดทำลายข้าได้ ท่านสมควรเก็บไว้มากกว่า” เด็กสาวจึงจำใจรับไว้


“ท่านเอสเชอร์เลส เด็กนั่นมันไปไหน...ถ้าข้าไปสายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!” เชสก้ากล่าวอย่างกราดเกรี้ยวในตอนเช้า

“ท่านเทย์ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้วพะยะค่ะ ท่านเทย์กล่าวว่า...แค่รบกวนเจ้าชายเท่านี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว เลยขอปลีกตัวเดินทางไปก่อน”

เจ้าชายเชสก้าพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่วายสงสัย

“แล้วเด็กนั่นไปกับใคร...”

“ท่านเทย์ออกเดินทางโดยลำพังพะยะค่ะ”

“แล้วเมื่อคืน...มีใครอยู่กับเด็กนั่นหรือเปล่า”

“มีใครหรือพะยะค่ะ ข้าไม่เห็นพบใคร”

คำตอบของขุนพลหนุ่มยังความสงสัยให้กับเจ้าชาย...

...ก็เมื่อคืน ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงที่ห้องนั้นนี่...


“ดีนะ ที่มีอคีนียามาด้วย ไม่งั้นข้าหลงทางแย่แน่แลย” เทย์พูดกับนกแก้วบนบ่าทันทีเมื่อเดินมาถึงประตูบานใหญ่ ที่มีผู้คนยืนออกันเต็มไปหมด นกสาวก็บินจากไป เทย์เท่า

นั้นที่รู้ว่าเธออยู่ไหน...

เมื่อเช้านี้หลังจากที่เทย์ดูลักษณะนกที่อคีนียาแสดงตัวตนออกมา นกที่มีลักษณะงดงามอย่างหาดูได้ยาก และคงจะหาดูยากจริงๆ เพราะอคีนียาเองก็ยังบอกว่า 1000 ปี มี

เพียงตัวเดียวเท่านั้น เทย์จึงให้นกสาวแปลงเป็นนกแก้วสีขาวซึ่งหาดูได้ง่ายกว่าก่อนจะออกจากที่พักมา...

...ถึงแม้ว่าทางจะไม่ซับซ้อนอะไรแต่...คนเยอะเป็นบ้า ทำไมคนมันถึงได้เยอะอย่างนี้นะ...

“เฮ้ย! นั่นลีฮอนด์...ลีฮอนด์ใช่ไหมพวกเรา” เด็กในวัยเดียวกันพากันตะโกนถาม เมื่อรถลากที่เทย์คุ้นตาวิ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าประตู

“สัตว์เทพประจำตระกูลแอนเออร์เนสน่ะหรอ”

“ใช่ แน่ๆ สัตว์เทพของราชวงศ์แฟร์แลนเทียร์” เสียงอีกเสียงตอบกลับ

“อุ้ย! นั่นเจ้าชายใช่ไหม..ที่ลงมานะ...หล่อจังเลย” พวกสาวๆ เกรียวกราวกันใหญ่

...เหมือนกันหมดไม่ว่าที่ไหน เห่อคนหล่อ...ชอบเจ้าชาย ฮิฮิ...

“ขอต้อนรับเด็กๆ ทุกคน เชิญเข้าสู่โรงเรียนเพื่อทำการทดสอบได้” หญิงวัยกลางคนผมสีน้ำเงินตีโป่งจนฟู ในชุดสีขาว กล่าวขึ้นทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก

เด็กทุกคนต่างกรูกันเข้าไปในโรงเรียน

...การทดสอบในครั้งนี้เข้าโรงเรียนได้เฉพาะนักเรียนเท่านั้น ส่วนพวกผู้ปกครองได้แต่รออยู่ด้านนอก...

เทย์ไม่ทันมองว่าตนเองต้องไปทางไหนก็ถูกคลื่นฝูงเด็กนักเรียนดันเข้าไปในห้องกว้างเสียแล้ว...

...โอ๊ย!...

เสียงใสๆ ดังขึ้น...เทย์หันไปมองทางต้นเสียง หญิงสาวผมสีแดงในชุดเขียวนั่งอยู่ตรงนั้น...แต่ผู้คนก็มากมายเสียจนเทย์กลัวว่าจะมีคนเหยียบเธอเข้า จึงรีบแหวกฝูงชนเข้า

ไปหา...

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เทย์ยื่นมือให้

เด็กสาวผมแดงมองมือเทย์ก่อนจะมองหน้าอีกครั้งอย่างชั่งใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบพลางจะลุกขึ้น

“มาข้าช่วย...มาเถอะ เดี๋ยวจะเข้าไปไม่ทัน” เทย์ยิ้มและคว้าแขนสาวคนนั้นพยุงขึ้นมา พอได้เห็นหน้าแดงๆ ของสาวผมแดงจึงนึกขึ้นมาได้ว่า...ตอนนี้ ตัวเองเป็นเด็กหนุ่ม

“ขอโทษนะ...แต่ตอนนี้เราไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่า” เทย์บ่ายหน้าไปทางที่นั่งที่มีเหลืออยู่ไม่มากนัก ทั้งคู่จึงเดินไปหาที่นั่งด้วยกัน

“อ้าว...ไอรีน...มานั่งนี่สิ” สาวผมสีดำชุดเขียวอีกคนเรียกเด็กสาวข้างๆ ตัวและดึงแขนเอาไว้

“อีลน่า ข้านึกว่าจะหาเจ้าไม่เจอเสียแล้ว” สาวผมแดงกระโดดกอดเพื่อนสาวผมดำแน่นแล้วรีบคลายออกเมื่อมองเห็นเทย์ยืนข้างๆ

“เอ่อ...นั่นใครอ่ะไอรีน มานั่งด้วยกันไหมค่ะ” สาวผมดำเรียกอย่างมีน้ำใจ เทย์จึงนั่งลงอย่างไม่เกี่ยงงอน

“ขอโทษค่ะ ขอบคุณนะค่ะสำหรับเมื่อกี้นี้ ข้าชื่อ...ไอรีน แอนเนว มาจาก แล็คค์รอย ส่วนนี่   อีลน่า กอนนอน มาจาก แล็คค์รอยเหมือนกันค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จัก” เทย์ยิ้มให้

“เทเรส เทเรียเซีย มาจาก แฟร์แลนเทียร์ พวกเจ้าเรียกข้าว่า เทย์ ก็ได้ สั้นดี” เทย์แนะนำตัวแล้วขยับแว่นที่ดูหมิ่นแหม่เพราะต้องเดินแหวกผ่านฝูงชนมาไม่น้อย

“คนมาสอบเยอะจังเลยนะ” เทย์เปรยขึ้นเมื่อมองไปรอบๆ ห้องที่มีเด็กแน่นขนัด

“เห็นเยอะๆ อย่างนี้ รับแค่ แปดสิบคนเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องเป็นข้าแน่นอน” คนที่ตอบไม่ใช่สองสาวแต่กลับเป็นหนุ่มผมสีน้ำเงินตาสีฟ้าที่นั่งข้างๆ

“ข้า บลูมเมอร์ คาร์ทอเนส มาจาก ฟูลรีนเร่” เทย์นึกขำกับท่าทางของชายหนุ่มที่ยืดอกอย่างมั่นใจ

“ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจนักล่ะ เท่าที่ข้าดู คนที่มาสอบคงไม่น้อยกว่าพันคนแน่” เทย์ถามแล้วมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง มือซ้ายที่เย็นเฉียบจับอยู่ที่หัวเข็มขัดสีทองก่อนจะกระชับ

เสื้อคลุมตัวยาวมาปิดมันไว้

“ก็ข้าเก่ง” บลูมเมอร์ตอบยียวน

“แล้วข้าจะคอยดู” เทย์คาดโทษ

“สวัสดีเด็กๆ ทุกคน ครูคือ ศาสตราจารย์โรนัน คาทอรี่ อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ ขอต้อนรับพวกเธอทุกคนสู่การทดสอบ...” ชายชราหนวดเคราขาวโพลนในชุดสีขาวปรากฏขึ้น

บนเวทีกล่าว ทำให้เสียงคุยที่ดังอยู่ของเหล่าเด็กๆ เงียบลงในทันใด

“การทดสอบในวันนี้เป็นการทดสอบพลังที่มีอยู่ในตัวของพวกเธอ เราจะมาดูกันว่า...เธอจะมีพลังพอที่จะเข้าเรียนที่นี่หรือไม่...เอาหล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่ม

กันเลยดีกว่า ใครที่ถูกเรียกชื่อ ให้เดินขึ้นมาบนเวทีแล้วจงแสดงให้พวกเราทุกคนได้ดู...”

“เจเอฟ เคนเทอร์เรส อ๊อฟ เดอะ นอยโล” ชายหนุ่มในชุดแดง เดินขึ้นไปบนเวที และเริ่มร่ายเวทย์

ผลึกสีฟ้าเริ่มเข้าไปห่อหุ้มร่างกายของเขา จนดูเหมือนว่าเขาถูกแช่แข็ง ก่อนที่ผลึกนั้นจะสลายไปแต่ตัวของชายหนุ่มกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

คณะกรรมการตัดสินยกธงเขียว...ผ่าน...

“เก่งจังเลย...แค่คนแรกก็ผ่านแล้ว จะเหลือถึงพวกเราไหมนี่” อีลน่าบ่นพึมพำ

...อคีนียา...ข้าจะรอดไหม...ทำไงดี...เทย์หลับตาพูดกับนกสาว

...ข้าจะช่วยท่านเอง ไม่ต้องห่วง...เสียงนกสาวตอบกลับมาทำให้เทย์เบาใจ

“เจ้าทำอะไร” เสียงกวนๆ ดังขึ้นทำเอาเทย์สะดุ้ง

“ทำอะไร?” เทย์ถามกลับด้วยใบหน้างุนงง

“ข้าเห็นเจ้าหลับตา”

“อ้าว...ข้าง่วง...อยากนอนไม่ได้หรือไง” เทย์กวนตอบ

“ไอรีน...ดูสิหนุ่มคนนั้นหล่อจังเลย เป็นเจ้าชายด้วยใช่ไหม”

“เชสก้า เดอะ ปริ้นซ์ อ๊อฟ แฟร์แลนเทียร์” เสียงประกาศดังขึ้น

“เจ้าชายเมืองเจ้านี่” อีลน่าคนเดิมหันมาถาม

“อืม... เจ้าชายเชสก้า” เทย์ตอบรับตาของเธอมองเพื่อนร่วมเดินทางและถอนหายใจไปด้วยอย่างหน่ายๆ

เจ้าชายจอมโมโหเดินขึ้นบนเวทีด้วยความสง่างาม เวทย์ที่เขาแสดงทำให้ใครหลายๆ คนตกใจ เพราะมันคือมังกรไฟตัวมหึมาที่บินไปรอบๆ หอประชุม...

แต่ที่ทำให้ใครหลายๆ คนตกใจก็เพราะว่ามันพุ่งไปหาใครคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว...

“เทย์ระวัง!” เสียงคนข้างๆ ร้องเตือน เทย์มองเห็นใครบางคนกระโดดมาบังข้างหน้า แต่เทย์รีบคว้าร่างนั้นโยนไปข้างๆ...

“อย่า! อันตราย”เทย์ร้องบอกก่อนจะหันไปทางมังกรไฟตัวนั้น

“สลายไป!” เทย์ตะโกนก้องด้วยความฉุนเฉียว มังกรไฟที่กราดเกรี้ยวสลายไปในพริบตาเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น คงเหลือแต่ชายหนุ่มตาสีฟ้าที่นั่งคลำก้นตัวเองอย่างเจ็บ

ปวด

“แรงนายนี่เยอะเป็นบ้าตัวเล็กนิดเดียว”

“ขอโทษที ขอตัวเดี๋ยวนะ” เทย์กล่าวแต่ส่งสายตาดุๆ ไปทางคนก่อเหตุ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปที่ข้างเวทีที่บรรดาอาจารย์กำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ต่อหน้าคนก่อเหตุที่

หน้าหงอย

“คิดจะทำอะไร เป็นถึงเจ้าชายไม่รู้จักคิด ถ้าท่านพ่อรู้จะเกิดอะไรขึ้น เตือนไม่รู้จักฟัง” เสียงใสๆ ดุเด็กหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว

“เจ้าหญิงฟรีด้า” เทย์ร้องเรียก

“เทย์ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เทย์ส่ายหน้า

“ข้าจะส่งเด็กนี่กลับ ไม่ต้องให้เรียนแล้ว”

“เจ้าพี่ฟรีด้า!” เสียงเจ้าชายร้องลั่น

“ไม่เป็นไรหรอกพะยะค่ะ ข้าไม่ถือ เขาคงแค่อยากรู้ว่า...วันนั้นถ้าท่านไม่ห้ามเขาไว้จะเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น อย่าได้ตัดอนาคตเขาเลย” จากที่ตั้งใจจะมาต่อว่ากลับกลายเป็น

ต้องปกป้องอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าอันเศร้าเสียใจของเจ้าคนเกเรนั่น

“แต่เด็กนี่จงใจทำกับ...เจ้า ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา...”

“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีทางเป็นอะไรจากไฟพวกนี้เด็ดขาด” เทย์ตอบยิ้มๆ ไม่ให้ผู้เป็นพี่คิดอะไรมาก

“ตกลงว่าไงฟรีด้า” เสียงชายผู้เป็นอาจารย์ใหญ่กล่าวขัดขึ้น

“โจทย์เขาไม่เอาความค่ะ ศาสตราจารย์”

“อืม...ผลข้างบนเขาบอกผ่านทั้งเจ้าชายเชสก้าและเด็กคนนี้...เทเรส...ใช่ไหม”

“เอ่อ...ครับ” เราผ่านแล้วหรอ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ยนะ

“ข้าให้เจ้าเข้าเรียนได้...เจ้าชายเชสก้า”

“ขอบคุณครับ ศาสตราจารย์” เชสก้ารีบบอก

“เจ้าต้องไปขอบคุณโจทย์ของเจ้าที่ไม่เอาความมากกว่า”

“ขอบใจ” เจ้าชายกล่าวห้วนๆ อย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก่อนจะทำท่าว่าจะเดินจากไป

“อย่าเพิ่งไป เชสก้า ตอนนี้ข้าขอคาดโทษเจ้าไว้ก่อน หากเจ้าคิดทำร้ายเทย์อีก ข้ารับรองว่าเจ้าจะถูกส่งตัวกลับไปลงโทษที่แฟร์แลนเทียร์แน่ๆ” เจ้าชายเชสก้าเดินหน้าตึง

จากไป

“เทย์ เจ้าระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”

“พะยะค่ะ พี่ฟรีด้าขอข้ากลับไปนั่งดูก่อนนะ” เจ้าหญิงพยักหน้ากับคำกระซิบกระซาบของผู้ที่อ่อนวัยกว่า


“อกหักเสียแล้วไหมล่ะ เพื่อนฉัน ดูสินายเทเรสนั่นสนิทกับพี่สาวคนนั้นจังเลย” เสียงสาวนาม อีลน่าพูดกับเพื่อนสาว

“ข้าไม่ได้รักเทย์สักหน่อย จะอกหักได้ไง อีลน่าก็” ไอรีนกล่าวแต่ตาของเธอก็มองตามเด็กหนุ่มผมฟ้าใส่แว่นไม่วางตา

“บลูมเมอร์ คาร์ทอเนส อ๊อฟ เดอะ ฟูลรีนเร่” เสียงประกาศเรียกชื่อค้นหู

“ชื่อใครน่ะคุ้นๆ” อีลน่าพูดกับเพื่อนสาวเบาๆ

“ชื่อของสุดหล่ออย่างข้าเอง” คนตาสีฟ้าบอกก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

“อ้าวจะไปแล้วหรอบลูมเมอร์” เทย์ทัก

“อืม...”

“โชคดีนะ”

“ใช่สิ..ก็เจ้ารอดมาแล้วนี่” หนุ่มจอมกวนกล่าวก่อนจะวิ่งออกไป

“นายคนนี้คงผ่านแน่ๆ ดูสิ” อีลน่าเจ้าเก่าพูดขึ้นหลังจากเห็นชายหนุ่มข้างล่างเรียกฝนให้ตกลงมาแล้วทำให้เวทีทั้งเวทีกลายเป็นลานน้ำแข็งสูงเป็นเมตรก่อนจะสลายไปโดย

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ใช่ เขาผ่านแล้ว กรรมการยกธงแล้ว” สาวไม่ค่อยพูดอีกคนสนับสนุน

“อีลน่า กอนนอน อ๊อฟ เดอะ แล็คค์รอย”

“ตาเจ้าแล้วอีลน่า”

“โชคดีนะ” เพื่อนสาวอวยพร

“อยู่แล้ว” อีลน่าตอบอย่างมั่นใจก่อนจะเดินไป

“ไอรีน เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าเจ้าซีดเชียว” เทย์ทักเมื่อเห็นหน้าของไอรีนขาวซีด

“ข้า...ข้าแค่ตื่นเต้น” ไอรีนตอบกลับเสียงสั่น มือของเธอกำแน่นอยู่บนตัก

“สูดหายใจลึกๆ มั่นใจหน่อย หายใจลึกๆ เข้าไว้มันช่วยได้นะ”

เด็กสาวทำตาม สักพักสีหน้าเธอจึงเริ่มดีขึ้น

“ขอบใจนะ ข้าดีขึ้นมากแล้ว”

“เฮ้! สองคนนั่นนะ ยัยอีลน่าผ่านแล้วหล่ะ” บลูมเมอร์ร้องบอก

“ไอรีน แอนเนว อ๊อฟ เดอะ แล็คค์รอย”

“ถึงตาเจ้าแล้ว...สู้เขานะ ไอรีน” เทย์ส่งยิ้มให้กำลังใจก่อนจะรอดูผล...

ไอรีนเริ่มร่ายเวทย์จากการสร้างลมพายุที่รุนแรง ที่พัดแรงขึ้น...แรงขึ้น จนกลายเป็นพายุเพลิงอันน่ากลัว

...แน่นอนว่า...ผ่าน...

“อีกสองวันเป็นวันเปิดภาคเรียน ขอให้นักเรียนทุกคนเตรียมของมาให้พร้อม รวมไปถึงค่าลงทะเบียนเรียนด้วยนะ” อาจารย์หัวฟูคนเดิมออกมาประกาศหลังจากที่ได้ผู้เรียน

ครบตามจำนวน ก่อนจะปล่อยเด็กๆ กลับบ้าน

“เหลือเชื่อเลย...พวกเราผ่านกันทุกคน” สาวพูดเก่งกล่าวเมื่อออกมาจากประตูบานใหญ่อันเป็นขอบเขตของโรงเรียน

“ใช่ หวังว่าเราจะได้อยู่หอเดียวกันนะ” บลูมเมอร์พูด

“ใครบอกว่าเราอยากอยู่หอเดียวกับนายยะ” อีลน่าแย้ง

“ท่านเทย์ครับ” เสียงๆ หนึ่งร้องเรียก

“ท่านขุนพล มีอะไรหรือ?” เทย์ถามขุนพลเอสเชอร์เลส

“เจ้าหญิงทรงให้ท่านเทย์ขึ้นรถไปพร้อมกับเจ้าชายครับ เจ้าหญิงทรงมีเรื่องจะคุยด้วยครับ” ขุนพลใหญ่พูดอย่างนอบน้อม

“เออ...ได้ ข้าไปก่อนนะอีกสองวันเจอกัน” เทย์ทิ้งท้ายก้อนจะเดินไปขึ้นรถ

“นั่นมันรถของตระกูลแอนเออร์เนสไม่ใช่หรอ? แล้วน้าคนนั้นมาพูดเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรกับเทย์ คงไม่ใช่เจ้าชายเชสก้านั่นหรอกนะ”

“บังเอิญว่าใช่ นะ” บลูมเมอร์ชี้ไปที่เจ้าชายหนุ่มที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ รถลากคันงาม



<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
อาจไม่เข้ามาอัพสักอาทิตย์

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
ตอนที่ 9 คทา คนแคระ

“ท่านพี่ฟรีด้า!”

เจ้าชายหนุ่มยืนหน้าง้ำอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิงคนงามในห้องอาหารวีไอพีของโรงแรมที่จัดขึ้นเฉพาะ

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว...แล้วเจ้าก็ยังทำ และยังไปทำในโรงเรียนต่อหน้าท่านศาสตราจารย์จอมเวทย์โรนัน คาทอรี่ ดีนะที่ท่านให้เจ้าเข้าเรียนได้” เจ้าหญิงคงงามว่าเด็กหนุ่ม

ด้วยความโกรธจนหน้าแดง

“ข้า...”

“เจ้าหญิงฟรีด้า” เสียงหนึ่งขัดขึ้น

“มาแล้วหรือเทย์ ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่ายังไร”

“พี่ฟรีด้า” เทย์ยิ้มแหย๋ๆ

“มาก็ดีแล้ว มานั่งนี่สิ...” ผู้สูงวัยกว่าเชื้อเชิญ มือของเธอตบลงตรงเก้าอี้ว่างข้างๆ ตัว อารมณ์ของเธอเริ่มเย็นลงเมื่อเทย์เดินเข้ามา

“พี่ฟรีด้าเรียกข้ามา...” เทย์เอ่ยปากถามหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่า

“นี่...ใบรายการสิ่งของที่เจ้าต้องซื้อ เจ้าไม่ได้ขึ้นเวทีเลยไม่ได้พวกนี้ตอนลงมา อาจารย์เลยให้ข้านำมาให้ ส่วนนี่เงินและจดหมายของท่านพ่อ” เทย์รับของทั้งหมดมาโดยมี

แววตาสีทองอีกคู่หนึ่งจ้องมองอย่างสงสัย

“แค่นี่แหละ ข้าต้องเข้าโรงเรียนแล้ว อีกสองวันเจอกัน เข็มกลัดนั่นติดที่ปกเสื้อข้างซ้ายนะ แล้วอย่าหาเรื่องอีกนะ” ประโยคหลังส่งสายตาคาดโทษไปยังคนผมแดงที่จน

สะดุ้ง

“พะยะค่ะ” เด็กหนุ่มรับคำ

เจ้าหญิงฟรีด้าลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันหลังก้าวออกไปจากห้องทางประตูที่เทย์เดินเข้ามา

“ทำไมท่านลุงต้องให้เงินเจ้าด้วย...แล้วนั่นจดหมายอะไร” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยถาม สายตาของเขาจ้องมองจนหมายในมือของเด็กสาวและคงจะแย่งไปแล้วหากฟรีด้าไม่ได้ย้ำ

ไว้เมื่อครู่

“แล้วทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยล่ะ” เด็กสาวเลิกคิ้วมองก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว





ถึง เทเรเซีย หลานรัก

ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่สั่งสอนเจ้าชายเชสก้าได้ไม่ดีจึงทำให้เกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ เงินที่ข้าฝากเจ้าหญิงฟรีด้าไปขอให้เจ้ารับไว้ด้วยแม้ว่ามันไม่มากเท่าใดนัก

โอกาสหน้าข้าจะส่งให้เจ้าใหม่...

เทย์ขยับถุงเงินที่ผู้เป็นอาส่งมาให้...

นี่นะน้อยของท่าน...แค่ถือมาแค่นี้แขนก็แทบชาแล้ว พวกเจ้าหญิงเจ้าชายนี่เขาพกเงินกันคนล่ะเท่าไหร่กันนะ...

...หากขาดเหลือสิ่งใดก็ขอให้บอกมาทางเจ้าหญิงฟรีด้าหรือติดต่อข้าผ่านกระจกสื่อสารทันที แม้ว่าจะต้องส่งกองทหารไปข้าก็จะทำในเมื่อเป็นความปลอดภัยของเจ้า

อีกเรื่องหนึ่ง...ข้ารู้ว่าเจ้าต้องซื้อคทา ข้าต้องการให้เจ้าไปร้านตามแผนที่ที่ข้าส่งมาให้พร้อมทั้งมอบจดหมายอีกฉบับที่ข้าแนบมาให้กับคนแคระที่ชื่อว่า แฮซัส

ผู้เป็นเจ้าของร้าน เขาจะสร้างคทาที่เหมาะสมกับเจ้ามากที่สุดให้กับเจ้า...

                     ขอให้โชคดีกับการเรียน

                           อาเรียส

ปล. เจ้าไม่ต้องตกใจหากจดหมายฉบับนี้จะสลายไปหลังจากที่เจ้าอ่านจบ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง



...พรึบ...

..ไฟสีฟ้าลุกไหม้กระดาษในมือทันที...

...มันอันตรายมากนักหรือที่เกิดในตระกูลแอนเออร์เนส แต่ทำไมพี่ฟรีด้ากับเจ้าชายเชสก้าถึงไม่ต้องปลอมตัวล่ะ อคีนียาเจ้าคิดยังไง?

...สักวันท่านจะรู้...เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว

...แม้แต่เจ้าก็ไม่บอกข้า...

เทย์ก้มลงมองรายการสิ่งของที่ตนต้องซื้อ...มันไม่น้อยเลยนะเนี่ย




ถึง เทเรส เทเรียเซีย อ๊อฟ เดอะ แฟร์แลนเทียร์

ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้ผ่านการทดสอบเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ ทางโรงเรียนได้ส่งเข็มกลัดอันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของท่านที่ปรากฏ

มา ณ โอกาศนี้ด้วย

รายการข้างล่างนี้เป็นสิ่งของที่ท่านจะต้องนำมาในวันมอบตัวและปฐมนิเทศ

๑.   เครื่องแบบของนักเรียนโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ ปี ๑ จำนวน ๕ ชุด

๒.   หนังสือเรียนของนักเรียนโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ ปี ๑ อันประกอบไปด้วย

-   ตำราว่าด้วยการปฐมพยาบาล โดย ศาสตราจารย์ดานุส ออยเต้

-   ตำราว่าด้วยการปรุงยาเบื้องต้น โดย ศาสตราจารย์ปิสซา มอดิส

-   ตำราประวัติศาสตร์ซันดาร์คเด้น โดย ศาสตราจารย์อเล็ก แพตติเซีย

-   ตำราประวัติศาสตร์เวทมนต์ โดย ศาสตราจารย์อด๊อฟ ฟอนทีน่า

-   ตำราว่าด้วยการคำนวณ โดย ศาสตราจารย์พีล๊อฟ สล๊อฟเสส

๓.   ไม้คทา

๔.   ดาบ

๕.   ม้า

หวังว่าท่านคงได้รับความสุขที่ได้เรียนในโรงเรียนของเรา


                          โรนัน คาทอรี่

               ตำแหน่ง อาจารย์ใหญ่




...อคีนียา เจ้าว่าไปยากไหมร้านที่ท่านอาบอกไว้...

...ไม่หรอก ข้ารู้จัก ข้าจะพาท่านไปเองแต่ข้าคิดว่าท่านควรไปเดี๋ยวนี้ เพราะการสร้างคทาใช้เวลาไม่น้อยนัก ข้าเกรงว่าจะไม่ทัน...

...ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเลยดีไหม...

เทย์ออกจากห้องโดยมีนกแก้วเกาะอยู่บนไหล่ซ้าย

“ท่านเทย์จะไปไหนครับ?” เอสเชอร์เลสถามเมื่อเห็นเทย์จะก้าวออกจากโรงแรม และมองนกบนไหล่อย่างสงสัย หากทว่ากลับไม่ได้ถามสิ่งใด ด้วยรู้ว่าไม่ใช่หน้าที่

“ข้าจะไปซื้อของนะ และท่านขุนพลล่ะ?” เทย์เห็นของมากมายอยู่ในมือของขุนพลหนุ่ม

“ข้าจะพาลอยเล่ย์กลับแล้วหล่ะครับ เสร็จธุระแล้ว”

“แล้วท่านไม่พาเจ้าชายไปซื้อของหรือ?”

“เจ้าชายอาเรียสทรงให้เจ้าชายทรงจัดการด้วยตัวเองบ้างครับ ถือเป็นการลงโทษด้วย” เทย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“งั้นข้าไปก่อน ฝากขอบคุณท่านอาด้วย”

“ท่านเทย์จะให้ข้าไปส่งไหมครับ”

“ไม่เป็นไร ท่านไปเถอะ ข้าไปได้” เทย์หันไปยิ้มให้นกสาวบนไหล่




...เทย์ มีคนตามเจ้ามา...

...ใคร?...

...เจ้าชายกับพวก...

...พวกเราไปทางนั้นกันก่อนดีกว่า...

เทย์บอกกับนกสาวก่อนจะเดินเข้าไปยังตรอกที่มีคนพลุกพล่าน แล้วหลบเข้าร้านเสื้อผ้าใกล้ๆ ด้วยนึกสนุกบางอย่าง

“เจ้าชายเชสก้า เทย์มันหายไปแล้วพะยะค่ะ” นอสตัสร้องบอกทันทีที่คนที่สะกดรอยตามหายไปกับฝูงชน

“ฉลาดนักนะ ผู้คนที่นี่เยอะจริง หลบไป!” เด็กหนุ่มผลักคนข้างหน้าล้มลง

คนๆ นั้นเป็นชายร่างเล็กสูงไม่เกินระดับอกของเขา ทั้งยังมีผมขาวแซมอยู่ปะปราย บ่งบอกว่ามีอายุพอสมควร

“เจ้าทำอะไร! ท่านลุงเป็นอะไรหรือเปล่า” เด็กสาวผมสีฟ้าน้ำทะเลยาวถึงกลางหลังตรงเข้าไปประคองชายร่างเล็กที่ล้มอยู่บนพื้น

“ขอบใจจ๊ะหนู ข้าไม่เป็นไร” เธอส่งสายตาตำหนิสีสนิมมาทางเจ้าชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งอยู่

“ท่านสุภาพบุรุษขอโทษเป็นไหมค่ะ” เด็กสาวพูดประชดเสียงเย็น

“...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางเข้าไปช่วยประคอง ทำเอาเด็กสาวต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ รวมทั้งสหายทั้งสองของชายหนุ่มที่แปลกใจไม่แพ้กัน

...อคีนียา เราหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย?...

...ท่านไม่ได้หูฝาดหรอกเพียงแต่...เจ้าชายหนุ่มหลงเสน่ห์ของท่านเสียแล้วกระมัง...

นกสาวว่าพลางหัวเราะเสียงใส

“หา! ว่าอะไรนะ” เทย์ตะโกนออกมา ไม่ใช่แค่คุยทางจิตกับอคีนียาเสียแล้ว

“ข้าบอกว่าข้าขอโทษ” เจ้าชายหนุ่มบอกอีกครั้ง ตาของเขามองร่างบางในชุดสีชมพูอ่อนดูอ่อนหวานไม่ละสายตา

“...เออ...ค่ะ ท่านลุงค่ะ เดี๋ยวข้าพาท่านไปส่งบ้านนะ” ประโยคหลังเทย์หันไปพูดกับคนเจ็บ

“ข้าไปด้วย...เออ ข้าจะช่วยพยุงท่านไปส่ง” เชสก้ารีบไปพยุงฝั่งตรงข้ามของเธออย่างไม่ให้เธอปฏิเสธ

“เจ้าช...” นอสตุสชะงักกับสายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้

“เจ้าสองคนกลับไปก่อน ข้ากลับเองได้” เจ้าชายสั่งเสียงเย็น

“แต่...” ทั้งสองหยุดชะงักกับสายตาดุๆ

“ครับ...เห็นสาวแล้วลืมกันเลย” ประโยคหลังทั้งคู่บ่นงึมงำที่เจ้าชายไม่ได้ยิน





“นี่ร้านของท่านลุงหรือค่ะ” เทย์ถาม

เมื่อเห็นร้านที่คนเจ็บพาเธอมา ร้านที่เป็นบ้านของชายคนนี้ อยู่ห่างจากในเมืองพอสมควร ประตูบานเตี้ยๆ ที่พอเหมาะกับผู้เป็นเจ้าของ

แต่มันทำให้ผู้มาเยือนทั้งสองแทบจะต้องคลานเข้าไป

เมื่อเข้ามาแล้วทั้งคู่จึงได้รู้ว่าชายคนนี้มีอาชีพอะไร...

“อืม...ข้าเป็นช่างทำไม้คทานะ แต่ไม่ค่อยจะมีคนมาซื้อที่นี่เท่าไหร่ มันไกลนะ คนส่วนใหญ่เขาจะซื้อจากร้านในเมืองกันหมด” ชายร่างเล็กทรุดลงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก

ที่ประกอบขึ้นอย่างประณีต

“ไม้คทาดีนี่ลุง” ชายหนุ่มหยิบคทาสีเงิน หัวคทาทำจากอัญมณีสีแดงที่ส่องประกายแวววาวเมื่อชายหนุ่มสัมผัส ตรงปลายเป็นพู่สีส้มอ่อนๆ

ชายร่างเล็กยิ้มน้อยๆ

“...ด้ามคทาทำจากไม้เมอร์ทิลพันปี อัญมณีเร่งเวทมนตร์เป็นทับทิมอัคคีของแฟร์แลนเทียร์ พู่สีชมพูนั่น ได้มาจากหนวดของแมนติคอร์ แกนกลางเป็นขนของลีฮอนด์

ที่สำคัญ...ใช้เลือดของราชาแห่งแสงคนก่อนในการเขียนตัวอักษรรูนบนด้าม...โดยท่านศาสตราจารย์จอมเวทย์โรนัน คาทอรี่”

“ราชาแห่งแสงคนก่อน?” เจ้าชายหนุ่มสงสัย

“ราชาแอเรียสใช่ไหมลุง?” เทย์ถามอย่างเศร้าๆ ชายร่างเล็กพยักหน้า

“งั้นมันควรเป็นของข้า...เพราะข้าคือคนของแอนเออร์เนส” เจ้าชายหนุ่มประกาศ

“เท่าไหร่ลุง...”

“มันควรเป็นของเจ้าแน่...เพราะมันเลือกเจ้าเป็นเจ้าของ ราคาของมันคือ 1,500 ซัน กับเจ้าข้าลดให้ 500 ซัน” ชายหนุ่มควักเงินออกมาไม่รีรอ จนเทย์ยังงงว่ากลายเป็น

เรื่องการค้าตั้งแต่เมื่อไหร่

“ขาดไป 200 ซัน” ชายหนุ่มพูดเบาๆ หน้าซีด เงินส่วนใหญ่อยู่ที่ไอ้สองพี่น้องฝาแฝดนั่น

“ข้าให้ยืม” เทย์ยื่นเงินสองร้อยให้

“ขอบใจ” เจ้าชายหนุ่มยิ้มกริ่ม

“พี่แฮซัส ท่านพาใครมานะ” เสียงใสๆ พร้อมกับร่างหญิงวัยกลางคนร่างเล็กพอๆ กับชายเจ้าของร้านเดินออกมา

...แฮซัส...

“ลูกค้าน่ะ ซีเรีย เอาน้ำชามารับแขกทีสิ” ซีเรียรับคำก่อนเดินเข้าบ้านไป แล้วกลับออกมาพร้อมกาน้ำชาควันกรุ่นและขนมเค้กสีส้มสองชิ้น

“ท่านลุงชื่อ แฮซัส หรือค่ะ?” เด็กสาวถามอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงได้บังเอิญขนาดนี้

“ใช่ ข้านี่หละ แฮซัส” ชายร่างเล็กรับคำ

“ข้ามีจดหมายถึงท่าน...” เด็กสาวยื่นซองให้คนแคระที่รับมาอย่างงงๆ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเคร่งเครียดขึ้นเมื่ออ่านจบ

“เชิญคุณหนูด้านในก่อน ซีเรียต้อนรับเจ้าหนุ่มนี่ที” แฮซัสบอกภรรยาก่อนจะเดินนำเทย์ไปยังหลังร้าน

“ทูลกระหม่อม ข้าขออภัยที่ไม่รู้ว่าท่านคือใคร” ชายร่างเล็กคุกเข่าลงทันทีที่ลับตาคน
“มันอะไรกันท่านลุง” เทย์รีบรั้งร่างแล็กๆ นั้นขึ้นมาจากพื้น

“เจ้าหญิงเทเรเซีย บุตรีแห่งราชาแอเรียสผู้เป็นเจ้าชีวิตแห่งข้า ข้าจะสร้างคทาที่ดีที่สุดให้กับท่าน ท่านอาเรียสกล่าวว่า ท่านมีนกฟิกค์”

เทย์พยักหน้าแม้จะงงว่าท่านอารู้ได้อย่างไรว่าอคีนียาอยู่กับตนเอง

“อคีนียา” เทย์เรียก

“ท่านเทย์” หญิงสาวชุดแดงนั่งลงคุกเข่าต่อหน้านายสาว

“อัศจรรย์จริง นกกลายเป็นคน” แฮซัสอุทาน

เขามองนกสาวอย่างแปลกใจก่อนที่จะเดินไปยังด้านในสุดของห้องและปีนบันไดไปยังตู้ชั้นบนสุด แล้วหยิบกล่องสีแดงสดออกมา

“ด้ามคทาทำจากไม้มิสเซิลโทพันปีที่ขึ้นอยู่บนต้นโอ๊คสองพันปีกับอัญมณีที่เป็นผลึกแก้วตามังกรน้ำจากฟูลรินเร่” เทย์มองด้ามไม้แกร่งสีออกเหลือง

กับลูกแก้วใสสีฟ้า
“แล้วท่านจะใช้พู่ แกนกลาง และเลือดของใครเขียนค่ะ” แฮซัสมองไปยังร่างบางในชุดแดง

“ขนของเจ้าแห่งวิหกแดนภูเขาไฟเป็นพู่ เส้นผมสีฟ้าน้ำทะเลเป็นแกนกลางและเลือดสีทองของท่าน”

“เลือดสีทอง?”

“ท่านไม่รู้หรือว่าเลือดของคนตระกูลเอสเชอร์เลสเป็นสีทอง”

“ขะ...ข้าไม่รู้...” เลือดเราเป็นสีนั้นหรอ

“...และใครจะเป็นคนเขียนหรือท่านแฮซัส?”

“เดี๋ยวเขาคงมา ขอเชิญท่านทางนี้ก่อน”

...อคีนียาดึงขนสีแดงและสีฟ้าออกมาให้อย่างง่ายดายก่อนจะหายกลับไป ส่วนเทย์ก็ถอนผมที่พอถอนแล้วยาวเกือบลากพื้นออกมาได้เก้าเส้น

ท่านแฮซัสก็บอกให้พอก่อนจะส่งมีดวาววับให้ เทย์กลืนน้ำลายอย่างลำบาก...

“เอาแค่ชามนี้ก็พอพะยะค่ะ” เทย์พยักหน้ามองไปที่ชามขนาดเท่าฝ่ามือก่อนจะกัดฟันกดใบมีดลงบนฝ่ามือซ้าย

บาดแผลกดลงไปไม่ลึกมาก เลือดสีทองที่เทย์ไม่เคยเห็นมาก่อนค่อยๆ ไหลลงในชาม...

เด็กสาวยังนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อปีก่อนเธอก็ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดก็หลายครั้ง ตอนนั้นมันก็มีสีแดงนี่ เพียงแต่ว่าเธอกลับไม่ได้บริจาคสักครั้ง

 เพราะไปกี่ทีเลือดของเธอก็ลอยตลอด แม้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปเธอจะนอนพักผ่อนเสียเต็มที่ก็ตาม...จนกลัวว่าจะเป็นโรคโลหิตจางเสียแล้ว

“พอแล้วพะยะค่ะ” แฮซัสรั้งมือบางมาแล้ววางมือตนเองบนรอยแผล ควันสีขาวกระจายรอบรอยแผลจนแผลค่อยๆ ผสานจนปิดลง จนเลือดหยุดไหล

“เชิญท่านออกไปคอยที่ด้านนอกได้แล้วพะยะค่ะ เจ้าหนุ่มนั่นคงคอยท่านแย่แล้ว”




เชสก้านั่งกระสับกระส่ายอยู่ด้านนอก...

“อะ...เจ้า...ออกมาแล้ว เจ้าเข้าไปทำอะไรมา” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาหาทันที

“ข้านึกว่าเจ้ากลับไปแล้วเสียอีก” เด็กสาวไม่ตอบแต่กลับพูดถามไปอีกทาง ในใจเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้าเห็นว่าค่ำแล้วเลย...”

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง...สักพักพี่ชายข้าคงมา เขาสั่งให้ข้ามาสั่งทำคทาที่นี่” เธอนั่งลงก่อนจะตักเค้กเข้าปาก ปล่อยให้เนื้อครีมค่อยละลายช้าๆ

“พี่ชาย?” เด็กหนุ่มลงนั่งบ้าง เขาอยากจะรู้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับเธอคนนี้ให้มากที่สุด

“ใช่ เจ้าชายเชสก้า พี่ชายข้า...เทเรส” เทย์ละจากถ้วยน้ำชาที่เธอจิบเข้าไปเล็กน้อย แล้วพบว่ามันขมเกินไปสำหรับเธอ

“นี่เจ้ารู้มาตลอดว่าข้า...” เด็กสาวยิ้มๆ แล้วหันมามองเด็กหนุ่มตรงๆ

“เจ้าอยากพบพี่ชายข้าหรือเปล่า...ข้าจะได้บอกเขาว่าท่านสะกดรอยตามเขามา” เธอถามหน้าระรื่น ผิดกับอีกฝ่าย

“นี่เจ้า! โธ่โว้ย” เด็กหนุ่มขบกรามแน่น คว้าแขนเด็กสาว

“นี่เจ้าจะทำอะไร...ปล่อยข้านะ โอ๊ย!” เด็กสาวนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

เลือดสีทองค่อยๆ ซึมจากมือบาง กลิ่นคาวสะกิดให้เด็กหนุ่มสงสัย

“ทำไม?” เด็กหนุ่มตกใจกับสีเลือดจึงเผลอปล่อยมือจากเด็กสาว เทย์ได้ทีรีบใช้มืออีกข้างปิดบาดแผลที่มือไว้

“ทำไมเลือดของเจ้าเป็นสีทอง...แล้วเจ้าไปได้แผลมาได้ไง” เขาถลาจะเข้ามาหาอีกครั้งแต่เด็กสาวถอยหลังหลบ

“เลือดบ้านเจ้านะสิสีทอง แล้วข้า...ข้าได้แผลมายังไงก็เรื่องของข้า” เด็กสาวหันหลังกลับ

“ไหนมาให้ข้าดูหน่อยสิ” เด็กหนุ่มทำท่าจะคว้าร่างบางไว้

“ไม่ต้อง! อย่านะ! ช่วยด้วย! อคีนียา! มาช่วยข้าที”

เด็กสาวชุดแดงอีกคนมาจากไหนไม่ทราบรั้งแขนชายหนุ่มแล้วเหวี่ยงเขาออกมา จนเจ้าชายหนุ่มถึงกับจุกจนแทบลุกไม่ขึ้น ด้วยไม่ทันได้ระวังตัว

และทำท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่

“อย่า! อคีนียา! กันเขาให้ห่างจากข้าก็พอ” สาวผมทองจึงได้แต่ยืนขวางเขาเอาไว้ โดยไม่พูดอะไร อีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนมอง

เป็นห่วงแผลที่เลือดซึมออกมาก็เป็นห่วง สงสัยก็สงสัย...

“ตายจริงคุณหนูเป็นอย่างไรบ้างค่ะ มาให้ป้าดูแผลให้ค่ะ” ซีเรียรีบรั้งร่างบางเข้าไปไว้ข้างใน ปล่อยให้วิหกสาวยืนคุมอยู่หน้าประตู

...
เน็ตเน่าๆนี่ทำให้ลงได้ยากเย็น g#015

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


แมว...จรจัด

  • Jr. Member
  • **
    • กระทู้: 292
  • ~๐ยิ้ม๐ลับ๐ซ่อน๐ลึก๐~
ตอนที่ 10 ตลาดอลวน

เทย์มองดูคทาสีทองในมืออย่างพอใจ น้ำหนักของมันไม่หนักมากกำลังเหมาะมือทีเดียว ผลึกสีฟ้าใสส่องประกายจ้าเมื่อแรกที่เธอสัมผัส ท่านแฮซัสบอกว่ามันจะเป็นของเธอ

ผู้เดียว คนอื่นใช้ได้แต่...จะใช้พลังได้ไม่เต็มที่ เพราะทั้งเลือดและแกนกลางนั้นเป็นของที่เธอเท่านั้นที่ใช้ได้...แล้วใครเป็นคนเขียนอักขระเธอก็ไม่รู้อยู่ดี...แฮซัสไม่ยอม

บอก...

ท่านอากล่าวไว้ว่า คทาไม่ใช่จุดที่ทำให้พวกเรามีพลัง มันเป็นเพียงส่วนเสริมให้เราสามารถใช้พลังได้ง่ายขึ้น ถึงแม้จะไม่มีคทาเราก็ยังสามารถใช้พลังได้ เช่นเดียวกับดาบ

แม้เราจะไม่มีดาบ แต่เรายังคงมีแขนมีขาใช้ต่อสู้กับศัตรูได้

ดังนั้น บรรดาเหล่าศาสตราจารย์ผู้เก่งกาจจึงมักไม่พกคทาไปด้วย เพราะก่อนที่เราจะใช้คทาได้ เราต้องมอบพลังส่วนหนึ่งให้แก่มันเสียก่อน...

เมื่อเทย์ได้คทามา เธอจึงจัดการถ่ายพลังของเธอลงไปในคทาเช่นเดียวกับการถ่ายพลังลงในเบสหรือลูกแก้วสารพัดนึกที่เธอเรียก บางทีเธอยังนึกสงสัยอยู่เลยว่า หากทุกสิ่ง

ที่เกี่ยวข้องต้องถ่ายพลังลงไปเช่นนี้เสียทุกสิ่ง พลังที่มีของเธอจะหมดลงหรือไม่ แต่เมื่อเธอถามท่านอา เขากลับหัวเราะแล้วตอบกลับเธอว่า...

“พลังโนนเวลที่เราถ่ายลงไปในของแต่ละสิ่ง ก็เหมือนกับการตักน้ำจากลำธารไปสู่ภาชนะหนึ่ง น้ำจากลำธารอาจจะลดลงแต่มันจะเพิ่มขึ้นจนเต็มดังเดิมเพราะตาน้ำยังอยู่

เช่นเดียวกับพวกเรา ตราบใดที่จิตเรายังอยู่ ใจเรายังเต้น พลังของเราย่อมกลับคืนเช่นเดิมในไม่ช้า”

...กว่าที่คทานี้จะสำเร็จก็สว่าง เทย์จึงไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นเด็กหนุ่มผมแดงนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม...

“เจ้าชายเชสก้า...เจ้าชายเชสก้า” เด็กสาวเรียกเบา เจ้าชายหนุ่มงัวเงียลืมตาขึ้น มองซ้าย มองขวา

“เทย์ น้องสาวเจ้าล่ะ”

“น้องข้า?” เทย์แสร้งทำสีหน้าสงสัย  แต่ก็ก้าวไปนั่งเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อคืนก่อนจะหยิบแก้วน้ำหวานสีส้มที่เธอทำให้มันเย็นขึ้นจนเกล็ดน้ำแข็งเกาะกระจายทั้งแก้วจนไอเย็น

กระจายออกมาขึ้นดื่ม

“เจ้าถามถึงน้องข้าทำไม? เจ้าทำนางถึงขนาดนั้น นางคงอยู่รอเจ้าตื่นแล้วทำร้ายนางอีกกระมัง” เทย์แกล้งพูดเสียงเย็น

“ข้า...”

“นางกลับบ้านไปแล้ว” เทย์บอกในที่สุด

“ข้าติดหนี้นางไว้ 200 ซัน ไว้ข้าจะคืนให้กับเจ้าก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มบอกทั้งยังมีสีหน้าว้าวุ่นใจ

“ไม่เป็นไร ไว้เจ้าคืนให้กับนางเองก็แล้วกัน”

“ท่านแฮซัส ท่านซีเรีย ข้าขอขอบคุณท่านทั้งสองมาก” เทย์หันไปขอบคุณคนทั้งคู่ เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามา

“ท่านเทย์ นี่คือเงินของเจ้าหนุ่มนี่ เขาเป็นสหายของท่าน ท่านรับคืนไปเถอะ” แฮซัสยื่นเงินคืนให้

“ข้าว่าท่านเก็บไว้ดีกว่า แล้วนี่... 2,000 ซัน...สำหรับคทาของข้า” เด็กสาวยื่นเงินคืนกลับไป

“ข้ารับไม่ได้...” คนแคระบอก

“ท่านรับไปเถิด...ถือว่าข้าขอร้อง” แฮซัสจำใจรับไว้

“ก็ได้...ข้าจะรับไว้ มีอะไรท่านสามารถมาหาข้าได้ทันที ข้าจะทำให้โดยไม่เกี่ยงงอน”

เด็กหนุ่มผมแดงก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างสงสัย




   คนบนถนนวันนี้ก็มีเยอะไม่แพ้วันวาน ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายซื้อของ โดยเฉพาะนักเรียนโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ที่วันพรุ่งนี้จะเป็นวันปฐมนิเทศของเด็กปี 1

หลายๆ คนจึงออกมาซื้อของใช้ เสื้อผ้า และหนังสือ เทย์จึงไม่แปลกใจเลยที่ร้านค้าหลายๆ ร้านต่างพากันลดราคาเพื่อเรียกลูกค้า หรือแม้แต่หาสิ่งดึงดูด เช่น กระเป๋าลอย

ได้ เสื้อวิเศษที่ไม่ต้องซักเป็นเดือนๆ ก็ไม่เปื้อน ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือแม้แต่กระจกสื่อสารที่ราคาสูงริบ สินค้าสำคัญของแฟร์แลนเทียร์ ที่ท่านอาให้เธอไว้หนึ่งชิ้นสำหรับการ

ติดต่อเรื่องสำคัญๆ หรือฉุกเฉิน...

   เทย์เดินวนมองร้านนั้นทีร้านนี้ทีอย่างไม่รู้ว่าจะเข้าร้านไหน...จึงหันไปมองสาวชุดแดงที่ออกมาเดินเป็นเพื่อน หลังจากที่เจ้าชายเชสก้าแยกตัวกลับไปโรงแรม

“ร้านไหนดีล่ะอคีนียา ข้าเลือกไม่ถูก” เทย์มองร้านต่างๆ จนตาลาย

“ร้านที่คนเยอะๆ สิท่าน แสดงว่าของเขาดี”

“ข้าว่า...ราคาถูกด้วยมั่ง” เทย์ยิ้มๆ แล้วเลือกเดินไปร้านเสื้อผ้าที่มีคนเยอะที่สุด แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจ ด้วยแย่งพูดกับคนอื่นไม่ทัน

“ไปร้านนั้นกันดีกว่า คนน้อยดี” เทย์หันไปหาร้านที่คนน้อยกว่าที่อยู่ห่างจากร้านเดิมไปสัก 10 เมตร

“พี่สาวครับ ขอชุดนักเรียนโรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ ปี 1 สัก 5 ชุด ครับ” เทย์รีบบอกกับเจ้าของร้านทันทีที่ปลอดคน

“ไซส์ไหนจ๊ะ ไหนขอพี่ดูหน่อย เอาเป็น...S...ก็แล้วกัน 5 ชุดนะ” พี่สาวผมน้ำตาลคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

 “อ้าว! เทย์ มาซื้อชุดหรอ?” อีลน่าลากเพื่อนสาวเข้ามาถาม

แขนทั้งสองข้างของทั้งคู่เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย โดยเฉพาะของอีลน่าที่ดูท่าจะถือไม่ไหวเสียแล้ว

“อ่ะ...ใช่ อีลน่า ไอรีน มาซื้อเหมือนกันหรอ? ให้ข้าช่วยไหมดูท่าว่าเจ้าจะถือไม่ไหวแล้วนะ” อีลน่ามองของในมือตัวเองก่อนจะยื่นให้เทย์ที่มีเพียงคทาเหน็บเอวไว้เท่านั้น

“แล้วนั่นใครอ่ะ น่ารักจัง” อีลน่าถามต่อพยักพเยิดไปทางสาวผมทองที่ยื่นมือมาแย่งของในมือเทย์ถือเกินครึ่ง ทั้งๆ ที่หนุ่ม(?)ใส่แว่นกล่าวว่าไม่ต้องก็ตาม

“อ๋อ...อคีนียา นี่เพื่อนของข้า อีลน่ากับไอรีน”

“ลืมแนะนำข้าหรือเปล่า...เทย์” เสียงห้าวๆ ดังขึ้น

“อ้าว...เจ้าก็มาด้วยหรือบลูมเมอร์” บลูมเมอร์ไม่ตอบแต่พยักพเยิดไปทางวิหกสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตลอดเวลา

“นี่...อคีนียา...เพื่อนของข้า”

“ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนของท่านเทย์ค่ะ” อคีนียาพูดอย่างนอบน้อม

“อคีนียา...เฮ้อ...สงสัยข้าจะเปลี่ยนให้เจ้าเรียกข้าว่า เทย์ เฉยๆ ไม่ได้จริงๆ”

“แหม! เรียกท่านเทย์เลยหรอ เป็นเจ้าใหญ่นายโตมาจากไหนล่ะจ๊ะ” อีลน่าคนเดิมพูดขึ้น

“นั่นนะสิ...ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” แล้วทั้งหมดก็หัวเราะพร้อมกัน

“ได้แล้วจ๊ะ ทั้งหมด 1,250 ซัน จ๊ะ” เทย์กลืนน้ำลายกับราคาแต่ก็บอกให้อคีนียาหยิบเงินออกจ่าย ขนาดถุงของเงินที่อคีนียาหยิบออกมานั้นทำให้อีลน่าตาโต

“นี่เจ้าพกเงินมากขนาดนี้เลยหรอ ไม่กลัวโดนปล้นหรือไง แล้วนี่ยังให้ผู้หญิงถืออีก”

“ให้อคีนียาถือนะดีแล้ว รับรองปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่ในมือข้าเสียอีก” เจ้าของเงินหันไปมองคนถืออย่างมั่นใจ

“แล้วพวกเจ้าไม่ซื้อชุดกันหรอ?”

“พวกเราซื้อกันมาแล้วน่ะ นี่ว่าจะไปซึ้อหนังสือ ไปด้วยกันไหมค่ะ” ไอรีนเป็นคนตอบ

“นี่ไอรีนมาด้วยหรอ ข้าเพิ่งได้ยินเสียง” เทย์แหย่เพื่อนสาวทำเอาเธอหน้าแดง

“ไปสิ ข้าไปด้วย...ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องถนนหนทางนักหรอก ที่เดินมาถึงนี่ได้ก็โชคช่วยมากแล้ว”

ทั้งห้าคนเดินซื้อของด้วยกันจนตะวันตรงหัวจึงได้รู้สึกว่ากระเพาะที่ว่างเปล่ามันช่างประท้วงได้รุนแรงเสียเหลือเกิน ดังนั้นร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ จึงได้ต้อนรับเด็กจากโรงเรียน

จอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์ทั้งสี่กับวิหกสาว

“พวกเจ้าสั่งอาหารเผื่อข้าด้วยแล้วกัน ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องสั่งอาหารนักและก็ขอผลไม้สักถาดให้อคีนียาด้วยนะ อคีนียาไม่กินเนื้อ” ด้วยรู้ว่าตนเองไม่รู้จักชื่ออาหารของที่นี่จึง

ได้ผลักภาระไปยังเพื่อนๆ ทั้งหลาย

ตอนอยู่ในวังใครยกอาหารอะไรมาให้กินก็กิน รู้ชื่อบ้าง ไม่รู้ชื่อบ้าง อันที่เธอรู้ชื่อก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยชื่อออกมา ด้วยรู้ดีว่า ไอ้อาหารในวังนั้นมันคงตั้งชื่อเสียเลิศหรูจนชาวบ้าน

ไม่เคยได้ยินแน่ๆ จะบอกชื่ออาหารบ้านป่าที่เคยอยู่กับท่านยายที่ชุมเบต้า ก็เกรงว่าจะไม่มีใครรู้จักเสียอีก...สงสัยว่าจะต้องลองศึกษาเรื่องราวเหล่านี้บ้างเสียแล้ว

“เจ้าไม่กินเนื้อหรอ? แปลกดีนะ...ว่าแต่ทำไมเทย์ถึงได้รู้ดีจังน้า” อีลน่าเจ้าเก่าถามโดยลากเสียงท้ายยาว และจ้องหน้าทั้งคู่อย่างอยากรู้

“อคีนียาเจ้าเรียนที่ไหนล่ะ...ที่โรงเรียนจอมเวทย์แคนเดิ้ลไชล์หรือเปล่า แต่ข้าไม่เห็นเจ้าซื้อของอะไรเลยนะ ข้าเห็นแต่ช่วยอีตาเทย์นี่ถืออยู่ได้ มันไม่ให้เจ้าได้รับการศึกษา

เลยหรือไง เป็นแฟนภาษาอะไรว่ะ” คำถามเป็นชุดกับไอ้ประโยคสุดท้ายของบลูมเมอร์ตัวแสบเล่นเอาเทย์สำลักน้ำชาที่กำลังจะลงคอ

“ไอ้บ้าบลูมเมอร์! พูดอะไรว่ะ แฟนบ้าแฟนบออะไรของแก อคีนียาเขาจะเป็นแฟนข้าได้ไงก็เขา...ก็เขา...”

“เขาอะไร?” เทย์เกาหัวยิกๆ ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี

“เอาหูมาบลูมเมอร์” เทย์กระซิบกระซาบ

“เฮ้ย! จริงอ่ะ...ขอโทษคร้าบ” สองสาวมองอย่างสงสัย บลูมเมอร์จึงเรียกสองสาวมากระซิบบอก

“หา! ไม่ใช่คน” อีลน่าตะโกนซะดังลั่นร้านทำเอาบลูมเมอร์ปิดปากแทบไม่ทัน

“แล้วเป็นอะไรอ่ะ” อีลน่าถามอย่างหวาดๆ

“อคีนียาเจ้าตอบพวกนี้เองก็แล้วกันว่าเจ้าเป็นอะไร” เทย์บอกปัด

“ข้าคือวิหกจากแดนภูเขาอัคคี ที่รู้จักกันในนามของ ฟิกค์”

“นะ...นกที่เคยเผาคนที่พยายามจับตายมาเป็นร้อยเป็นพันแล้วนะหรอ?” บลูมเมอร์เองก็ชักจะแหยๆ

เมื่ออาหารมาถึงทั้งหมดเลยนั่งทานกันอย่างเงียบเชียบ สายตาทั้งสามจ้องมองเทย์สลับกับอคีนียาไปมาจนเทย์รู้สึกอึดอัด

“ถ้าพวกเจ้าลำบากใจมากนัก ข้ากับอคีนียากลับไปก่อนก็ได้นะ” เด็กหนุ่มกำมะลอลุกพรวดขึ้นทันที และคงจะจากไปแล้วหากบลูมเมอร์ไม่รีบลุกมาขวางไว้

“พวกเราแค่ยังตกใจและแปลกใจอยู่เท่านั้นเอง” หนุ่มผมน้ำเงินกล่าวก่อนจะดึงให้เทย์นั่งลงตามเดิม

“พวกเรารู้มาว่า ฟิกค์เป็นสัตว์ที่อันตราย พวกมัน...เอ่อ ตระกูลของอคีนียาเคยมีมากดินแดนแฟร์แลนเทียร์และเป็นมิตร แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ฟิกค์ก็ลด

จำนวนลงเรื่อยๆ จนราวๆ 500 ปีก่อน...” อีลน่าเริ่ม

“หลายๆ คนยืนยันว่า มีฟิกค์เหลือเพียงตัวเดียว...”

“ซึ่งต่อมา ตระกูลแอนเออร์เนสได้ออกมากล่าวว่า พวกฟิกค์ได้สูญพันธุ์ลงไปแล้ว ทั้งยังกล่าวอีกว่า ฟิกค์เป็นตราประจำตระกูลแอนเออร์เนสและจะเป็นดั่งสัตว์เทพผู้คุ้มครอง

ผู้นำตระกูลหรือราชาแห่งแสงสว่างจากรุ่นสู่รุ่น” บลูมเมอร์ให้ข้อมูลเชิงลึกต่อไปอีก

“และการที่เจ้าบอกว่าอคีนียาเป็นฟิกค์ นั่นก็ย่อมหมายถึงเจ้าคือราชาคนต่อไปของแฟร์แลนเทียร์” บลูมเมอร์ยืนยันหนักแน่น เทย์ถึงกับหน้าซีดด้วยไม่นึกว่าการบอกว่า

นกสาวเป็นใครจะเป็นการเปิดเผยอะไรได้มากมายขนาดนี้ เรื่องที่พวกนี้บอกเป็นสิ่งที่ไม่มีในตำราที่เธอได้อ่าน หรืออาจเป็นเพราะเธอยังอ่านไม่ครบก็เป็นได้ ตอนนี้เธอจำเป็น

ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

“นะ นะ นี่พวกเจ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าอคีนียาเป็นฟิกค์” เทย์แสร้งหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขันเสียเต็มประดา

เพื่อนๆ ต่างทำหน้างงและสงสัย

“อคีนียาไม่ใช่ฟิกค์หรอก อคีนียาคือนกแก้วสีขาวที่เผลอได้รับพลังเข้าไปต่างหาก”

...ช่วยหน่อยนะอคีนียา...

...ค่ะ...

นกสาวรับคำก่อนจะลุกแล้วเดินไปยังที่ลับตาผู้คน เด็กอีกสามคนมองตาม อย่างสงสัยว่านกสาวจะทำสิ่งใด

พรึบๆ พรึบๆ หมับ

เสียงสัตว์มีปีกขนาดไม่เล็กนักโผบินมาเกาะไหล่เทย์ อย่างคุ้ยเคย

“นกนี่คือ...อคีนียาหรือ” อีลน่ามองนกบนไหล่เทย์ตาโต

“ใช่แล้วอีลน่า...ข้าคือ อคีนียา” นกสาวตอบกลับเล่นเอาอีกสามคนเกือบตกเก้าอี้




กว่าทั้งหมดจะทานเสร็จก็บ่ายคล้อยเต็มที อคีนียาที่ตอนนี้กลับมาเป็นคนอีกครั้งเดินนำเงินไปจ่ายค่าอาหาร

“ต่อไปก็ม้า...ใครมีม้าแล้วบ้างล่ะ” เทย์ถามขึ้นทุกคนได้แต่สายหน้า

“แล้วเขาขายกันที่ไหนล่ะ” ไอรีนถามขึ้นบ้าง

“เจ้ารู้ไหมอคีนียา” เทย์ถาม นกสาวที่เดินกลับมาพยักหน้า

“เจ้านำไปซิ”

นกสาวพาเดินลิ่วไปยังเขตปลอดคนนอกเมือง แล้วกระโดดขึ้นฟ้ากลายเป็นนกต่อหน้าสหายทั้งสาม เล่นเอาทั้งสามหน้าหวอไปเลยทีเดียว

“ไปกันเถอะ...เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน” เทย์เรียกแล้วรับวิ่งตามไป ทำให้ที่เหลือต้องวิ่งตามอย่างไม่มีทางเลือก สักพักทั้งสี่ก็เริ่มเห็นแนวรั้วไม้ที่บ่งบอกว่าข้างหน้าต้องเป็น

สถานที่เลี้ยงสัตว์...

ฟาร์มที่ทั้งสี่มาถึงเป็นฟาร์มที่ใหญ่เอาการ แต่กลับไม่มีใครมาเลือกซื้อเลย...เพราะอะไรน่ะหรือ?

“ยังมีมาอีกหรือ ข้าเห็นเด็กๆ เขามาซื้อกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ตอนนี้ก็เหลือม้าแค่สามตัวจะเอาไหม ตัวล่ะ 3,000 ซัน” ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลฟาร์มถาม

“เพิ่มอีกสักตัวไม่ได้หรือ” บลูมเมอร์ถาม

“มันหมดแล้ว...อ๋อ มีอยู่ตัวหนึ่ง มันเป็นม้าพยศนะ ถ้าเจ้าจะซื้อข้าจะลดให้เหลือ 2,500 เลยเอา”

“เอาไหมเทย์” บลูมเมอร์ถามอีก

“ไม่เอาก็ต้องเอา...ไม่มีแล้วนี่”

...อคีนียา ขี่ม้านี่มันยากไหมล่ะ...

...ข้าช่วยท่านเอง...

“แล้วม้าตัวนั้นอยู่ไหน...” เทย์หันไปถามเจ้าของฟาร์ม

“ตามมา”

เจ้าของฟาร์มเป็นชายร่างใหญ่ที่เทย์ไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีผมสีอะไรเพราะเขาศีรษะล้าน แต่หากสังเกตดีดีจะเห็นว่าเขามีคิ้วสีน้ำตาล ผมของเขาจึงน่าจะมีสีน้ำตาลมา

ก่อน ดวงตาของเขามีสีดำสนิท แค่ดูลักษณะภายนอกกับท่าทีของเขา เทย์คิดว่าชายคนนี้ต้องเป็นคนตระหนี่อย่างร้ายกาจทีเดียว

ชายร่างยักษ์นำทั้งสี่มาที่ด้านหลังซึ่งเป็นจุดที่มีรั้วกั้นสูงกว่าปกติ สายตาทั้งสี่คู่กวาดมองหาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า...ม้า ก่อนจะเห็นสิ่งผิดปกติอยู่ตรงมุมหนึ่งของสนาม

ม้าสีขาวพวงพีไม่มีอานม้าอยู่บนหลัง กำลังยืนเล็มหญ้าอ่อนอยู่อย่างโดดเดี่ยว

อคีนียารีบบินไปทางนั้นทันที...

...สวัสดีเจ้าชื่ออะไร...เสียงของอคีนียาที่ส่งผ่านมายังเทย์ด้วยเอ่ยถามเจ้าม้าขาว

...ข้าชื่อไวทย์ แล้วนกอย่างเจ้าล่ะชื่ออะไร...

...ข้าชื่อ อคีนียา เจ้านายของข้าชื่อเทย์ ต้องการให้เจ้าไปอยู่ด้วย เขาอยากได้เจ้าไปเป็นสหาย...

...มนุษย์นะหรือจะให้สัตว์อย่างข้าไปเป็นสหาย น่าหัวเราะ...

เทย์ได้ยินดังนั้นก็เดินดิ่งมายังม้าพยศโดยคนอื่นๆ ไม่ทันทัดทาน

“ข้าพูดจริงนะว่าอยากได้เจ้าไปเป็นเพื่อน”

...มนุษย์เชื่อไม่ได้...

“แต่เจ้าเชื่อข้าได้...ข้ารับรอง อคีนียาก็เป็นเพื่อนข้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อเจ้าลองถามนางดู”

...จริง ท่านเทย์พูดจริง...นกสาวรับรอง

...มนุษย์อย่างเจ้าฟังข้าออกด้วยหรือ...

“ก็ไม่ดีหรือไง ข้าจะได้รับฟังเจ้าได้ยังไงว่าเจ้าต้องการอะไร ไวทย์”

...ก็ได้ ข้าจะลองเชื่อมนุษย์อย่างท่านดู เทย์...

เทย์ลูบหัวมันเบาๆ

“ข้าจะลองขี่เจ้าดูจะได้ไหม ข้าไม่เคยขี่มาก่อน จะดีมากเลยถ้าเจ้าจะกรุณาสอนข้า”

...ได้ เด็กน้อย...

“จะเป็นไรไหมถ้าข้าจะขออานม้ามาใส่แล้วลองขี่ดู” เทย์หันไปตะโกนถามผู้เป็นเจ้าของม้า

แม้จะสงสัยในท่าทีของเจ้าม้าพยศแต่ ชายร่างยักษ์ก็ยังเรียกคนงานให้ไปนำอานมามาให้ เทย์มองดูวิธีการใส่อานม้าอย่างตั้งใจ เมื่อเจ้าม้าร้องบอกว่าอานแน่นเกินไป

 เด็กสาวก็ไม่ลืมบอกให้คนงานปรับระดับใหม่ ทำให้เจ้าม้าพอใจอย่างมาก...

ต่อมาเทย์ก็ได้หัดขึ้นม้าเป็นครั้งแรกในชีวิตโดยความช่วยเหลือของ...ม้า

และเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงที่สุดของเจ้าของฟาร์ม เมื่อม้าที่ไม่ยอมให้ใครขึ้นขี่มาก่อนย่อตัวลงมาให้เทย์ขึ้นขี่ทำเอาเจ้าของฟาร์มหัวใจแทบวาย

เท่านั้นยังไม่พอ...มันยังพาเดินเหยาะๆ เหมือนไม่เคยเป็นม้าพยศมาก่อนเสียอีก

“จะ...เจ้าทำได้ยังไง”

“ท่านก็หัดพูดกับพวกเขาดีๆ หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา แค่นั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ตกลงม้าตัวนี้ราคา 2,500 บา...เอ๊ย...ซันใช่ไหม? อคีนียาขอถุงเงินหน่อย!” นกสาวหย่อนถุง

เงินให้เทย์

“นกนี่มัน...” เสียงเจ้าของฟาร์มร้องถาม หลังเทย์ยื่นเงินให้ก่อนจะชวนเพื่อนๆ ขี่ม้ากลับกันอย่างครื้นเครง

ระหว่างทางเข้าเมืองเทย์ชักชวนทั้งสามทานอาหารเย็นยังที่พักของตนจนรู้ว่าบลูมเมอร์เองก็พักที่เดียวกัน ส่วนสองสาวเดิมทีพักกับขบวนเกวียนของเหล่าเด็กที่มาจาก

แล็คค์รอยแต่เมื่อผลสอบออกมาแล้วมีเด็กเพียงไม่กี่คนที่สอบผ่าน ขบวนเกวียนเหล่านั้นจึงกลับไป เด็กๆ ที่เหลืออยู่จึงต้องหาที่พักกันเอง ไอรีนกับอีลน่าเลือกโรงแรมที่ราคา

ไม่แพงนัก ทั้งคู่เพิ่งรู้ว่ามันก็ไม่ไกลจากที่พักของเทย์เลย...

“พวกเจ้ามาพักอยู่กับข้าไหมจะได้ประหยัดเงินด้วย” เทย์ที่หลุดปากถามออกไปปิดปาดตัวเองไม่ทัน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ในสถานะใด

แต่นั่นไม่เท่ากับสองสาวที่หน้าแดงจนหาใดเปรียบไม่ได้

“เดี๋ยวข้าให้อคีนียามานอนกั้นระหว่างข้ากับพวกเจ้าก็ได้ เตียงห้องข้ากว้างมาก นอนกันสี่คนสบายอยู่แล้ว” เทย์พยายามหาทางออกกับคำพูดที่ผิดไป

“เตียงห้องข้าเล็กนิดเดียว สองคนก็เต็มกลืนแล้ว เตียงห้องเจ้ามันจะใหญ่ไปกว่าข้าได้ยังไง” บลูมเมอร์เถียงทันควัน

แต่เมื่อทั้งสามมาเห็นห้องของเทย์แล้วจึงอึ้งอย่างพูดไม่ออก แต่สองสาวยังคงปฏิเสธอยู่ดี ตอนแรกบลูมเมอร์ก็ทำท่าว่าจะขออยู่ด้วยแทนที่สองสาวแต่เมื่อรู้ว่าใครที่อยู่ใน

ห้องถัดจากนี้ไป เขาก็รีบเปลี่ยนใจทันทีเช่นกัน...


 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006 g#006
ช่วยเม้นหน่อยน้าาาา
วิจารย์กันหน่อย

<--:ThE--$eCret--GuilD:--> กิaaึกaัU จาก"ดาวดึงส์"
http://forum.asura.in.th/index.php?topic=13967.msg269553#msg269553


Dhiea'Joshua

  • เด็กยุคใหม่ ไม่พูดภาษา "วิบัติ" กันนะคะ
  • Full Member
  • ***
    • กระทู้: 1,326
  • อย่าเอาความงี่เง่าของตัวเอง มาเปรียบใส่คนอื่น นะจ๊ะ ♥
ดีมากจ้า ขอบคุณที่มาแบ่งปันกันน๊า มุเนี๊ยว OwO" (ยาวมากเลย แต่จะอ่านไปเรื่อย  woon_sad1)